ว่าไงคะท่านนายพล - ตอนที่ 10 : คุณคือยาของฉัน (7)
เมื่อสัมผัสได้ว่าคนที่อยู่บนเตียงเริ่มหมดความอดทน ฮัวเฉาเหิงก็ชะงักไปชั่วครู่ น้ำเสียงที่เขาพูดออกมานั้นแสดงถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเขา แต่เขาไม่รู้ตัว “ที่รัก อดทนไว้นะ ฉันจะช่วยเธอเดี๋ยวนี้แหละ ช่วยอดใจรออีกหน่อย”
คราวนี้เขาไม่ใช้มือหรือแค่จูบแล้ว
…
ในตอนเย็นของปลายเดือนมีนาคม เมือง C ยังคงหนาวมาก
แต่ภายในบ้านของฮัวเฉาเหิงถูกตั้งอุณหภูมิให้อบอุ่นตลอดทั้งปีและมีเครื่องปรับอากาศส่วนกลาง จึงทำให้คนที่อยู่ในบ้านไม่รู้สึกหนาวหรือร้อนเกินไป
แต่เขาเพิ่งมีประสบการณ์ ‘การออกกำลังกาย’ ที่เข้มข้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกสับสนปนเปและต้องการฟื้นฟูตัวเองด้วยน้ำเย็น ๆ
เมื่อน้ำเย็นไหลผ่านศีรษะของเขา ๆ ก็รู้สึกว่าอารมณ์สับสนของเขาบรรเทาลงเล็กน้อย
ฉันจะแสร้งทำเป็นว่านี่เป็นเพียงภารกิจเหมือนเมื่อที่เคยทำมาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง
แม้ว่าภารกิจนี้จะเร้าอารมณ์มากกว่าและมีความยากน้อยกว่า แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่ภารกิจเท่านั้น
ไม่มีความหมายอื่นใดอีก
แต่ก่อนที่เขาจะลบความทรงจำทั้งหมดออกไป เขาอยากจะลิ้มรสมันอีกสักครั้ง
ตอนนี้ทหารหนุ่มยืนอยู่ใต้ฝักบัวโดยใช้แขนข้างหนึ่งพิงกำแพง เขาหลับตาลงเพื่อเพลิดเพลินกับน้ำเย็นที่ชะล้างตัวเขาและสีหน้าที่ขุ่นมัวของเขาก็ผ่อนคลายลงในที่สุด
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็พาดผ้าเช็ดตัวรอบคอแล้วเดินออกจากห้องน้ำด้วยขาเรียวยาวแต่แข็งแรงของเขา
มุมปากของชายหนุ่มกระตุกเมื่อเขาได้กลิ่นบางอย่างคละคลุ้งอยู่ในห้อง เขาเดินไปหยิบรีโมทและเปิดเครื่องฟอกอากาศอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนอากาศในห้อง
หลังจากนั้นเขานั่งลงบนโซฟาไม้เนื้อแข็งสีขาวแล้ว ‘สูบบุหรี่หลังจากเสร็จกิจ’ [1]
เขามองดูกู้เหนียนจื่อที่กำลังหอบหายใจถี่ แต่อัตราการเต้นของหัวใจคงที่และใบหน้าของเธอซีดมาก เขาเม้มริมฝีปากเพื่อข่มอารมณ์สับสนปะปนต่าง ๆ ที่วนเวียนอยู่ในหัวเขาซึ่งเป็นความคิดที่เขาไม่อยากรับรู้
ตอนนี้หญิงสาวหลับเป็นตายไปแล้ว
มันไม่เหมือนครั้งก่อนที่เธอแค่หลับไปแปบเดียว ตอนนี้เธอหมดสติไปเลย
ฮัวเฉาเหิงอุ้มเธอขึ้นและวางเธอลงบนเตียงที่ถูกเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่แล้ว จากนั้นก็ห่มผ้าห่มบาง ๆ ให้เธอ
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เพราะจนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้ถอดผ้าพันคอที่ปิดตาเธอออก
เมื่อคนตรงหน้าหลับสนิท เขาก็รีบกลับไปที่ห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายตัวเองอีกครั้งและเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดคอกลมสีดำและกางเกงลายพรางทหาร
หลังจากเปิดหน้าต่างฝรั่งเศสในห้องนอนออกไป เขาก็ออกไปที่ระเบียงและจุดบุหรี่เพื่อ ‘สูบบุหรี่หลังจากเสร็จกิจ’
ตอนนี้ชายหนุ่มร่างสูงกำลังกอดอกและยืนอยู่บนระเบียง ดวงตาของเขามืดมัวเมื่อมองดูภูเขาที่อยู่ไกลออกไป เขาดูเหมือนกับว่ากำลังมีปัญหาใหญ่ให้ขบคิดหรือไม่สามารถคิดอะไรออกเลย
ภาพตรงหน้าของเขาคือหมอกสีขาวที่สอดแทรกอยู่ระหว่างภูเขา ดวงอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นมาแล้วทอแสงเล็ดลอดออกมาจากด้านหลังภูเขาเป็นประกายแสงเล็ก ๆ
ในขณะนั้นเองก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น เสียงนั้นปลุกสรวงสวรรค์อันเงียบสงบก่อนหน้านี้ให้ตื่นขึ้น
ฮัวเฉาเหิงเฝ้าดูภาพที่คุ้นเคยตรงหน้าและพ่นควันออกมา เขายกมือขึ้นแล้วโยนก้นบุหรี่ทิ้งด้วยท่าที่อย่างสวยงามซึ่งมันตกลงไปในถังขยะตรงมุมระเบียงอย่างแม่นยำ
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าแล้วหันหลังกลับเข้าห้อง
เขาปิดหน้าต่างฝรั่งเศสและดึงม่านกำมะหยี่สีทองปิดทึบและม่านกันเสียง ก่อนจะเหลือบมองกู้เหนียนจื่อที่นอนอยู่บนเตียง
เธอยังคงหลับสนิทไม่ไหวติง ‘เธอจะต้องเหนื่อยมากแน่ ๆ’ ชายหนุ่มตั้งข้อสังเกต
มุมริมฝีปากของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยและเดินออกจากห้องไปด้วยจิตใจที่แจ่มใสขึ้น
ทันทีที่เขาเปิดประตูห้องนอน เขาก็ได้ยินเสียงดังตุ้บ
ร่างอ้วนท้วมกำลังนั่งเซ่ออยู่ตรงนั้นเพราะหัวกลม ๆ ของเขากระแทกพื้นค่อนข้างแรง
เจ้าของบ้านขมวดคิ้วและพูดเสียงต่ำ “เฉินหลาย!”
แน่นอนว่าคนที่รออยู่ข้างนอกทั้งคืนและหัวกระแทกกับพื้นคือแพทย์ที่มีทักษะสูงที่สุดในประเทศนามว่าเฉินหลาย
เขากำลังลูบหลังหัวของตัวเองและจับกรอบประตูเพื่อพยุงตัวยืนขึ้น เขามองไปที่ฮัวเฉาเหิงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “คุณ…คุณ…คุณทำเสร็จแล้วเหรอ!”
“อะไร?” การแสดงออกของนายพลหนุ่มนั้นเย็นชาพอ ๆ กับน้ำแข็งอาร์กติก “ใครอนุญาตให้นายมานั่งหน้าประตูของฉัน”
“ผมเป็นห่วงคุณ!” เฉินหลายพูดและแอบมองอีกฝ่ายราวกับเป็นขโมย “คุณทำไปกี่ครั้งแล้ว”
คนถูกถามไม่ตอบและโบกมืออย่างเฉยชา “ไปดูเธอเองสิ”
“อะไรนะ? จริงเหรอ?” หมอหนุ่มรีบเข้าไปในห้องนั่งเล่นพร้อมกับกล่องยาของเขาที่มีขนาดสองเท่าของกล่องยาปกติ เขาตื่นเต้นมากจนพูดตะกุกตะกัก “มัน…มัน…เสร็จแล้วงั้นเหรอ?”
ฮัวเฉาเหิงเพิกเฉยต่อคำถามของเขาและก้มหน้าลงเพื่อหยิบบุหรี่หนึ่งซองออกจากกางเกงลายพรางของเขา เขาจุดบุหรี่หนึ่งมวนและสูดเข้าไปลึก ๆ
เขามองดูอีกฝ่ายเปิดกล่องยาเพื่อเอาเข็มออกมาแล้วเจาะเลือดจากแขนของกู้เหนียนจื่อ
หญิงสาวยังคงหลับสนิท แขนเหมือนหยกขาววางอยู่บนหมอน ในขณะที่ใบหน้าของเธอซีดจนไร้ชีวิตชีวา
ตอนนี้ผ้าพันคอสีม่วงที่ปิดตาของเธอยังคงอยู่
คนเป็นผู้ปกครองเหลือบมองหญิงสาวบนเตียงแล้วรู้สึกร้อนขึ้นมาเล็กน้อย เขาหลับตาลงและสูดควันบุหรี่เข้าไปแรง ๆ สองครั้ง ในขณะที่เฉินหลายกำลังวิเคราะห์เลือดเสร็จ เขาก็เดินไปสะกิดไหล่ของอีกฝ่าย “ออกมาคุยกันหน่อย”
คนที่ถูกเรียกไม่ได้ออกจากห้องนอนกับฮัวเฉาเหิงจนกว่าเขาจะเตรียมอุปกรณ์เพื่อรอผลเสร็จ
ชายร่างสูงมองเข้าไปในห้องเพื่อให้แน่ใจว่ากู้เหนียนจื่อยังคงหลับสนิทและปิดประตูเบา ๆ เขาแบฝ่ามือไปที่เฉินหลายแล้วพูดว่า “เอามา”
“อะไร? หืม คุณต้องการอะไร ผมเป็นหนี้อะไรคุณ” หมอหนุ่มเหล่ตามองชายตรงหน้าราวกับจิ้งจอก “ฉันสายตาสั้นมาก ผมเลยมองเห็นไม่ชัด คุณจะหลอกอะไรผมหรือเปล่าเนี่ย”
ฮัวเฉาเหิงเหลือบมองเขาและเม้มปาก “ยา นายบอกว่านายมียาที่จะทำให้คนลืมเรื่องราวต่าง ๆ ได้”
“ห้ะ?” เฉินหลายชะงักไปชั่วครู่ “ลืมอะไร”
“อย่ามาแกล้งโง่” น้ำเสียงของทหารหนุ่มนั้นทุ่มต่ำและเยือกเย็น สายตาคมของเขากำลังทิ่มแทงไปที่อีกฝ่ายซึ่งมันตรึงเขาไว้ราวกับมีด “นายบอกว่านายจะหาคนมาช่วยและรับประกันว่าพวกเขาจะจำอะไรหลังจากนั้นไม่ได้ใช่ไหม? นายจะรับประกันได้ยังไงว่าพวกเขาจะจำไม่ได้”
“ห้ะ? อ๋อ!” ในที่สุดคนเป็นหมอก็จำบางอย่างได้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ลูบท้ายทอยและพูดด้วยความตกใจ “ยาตัวนั้น คุณอยากกินด้วยเหรอ? คุณไม่ใช่คนนอกนะ”
ชายหนุ่มเหลือบมองอีกคนและยังคงหงายฝ่ามือของเขาต่อไป “หุบปากไป ยาอยู่ที่ไหน?”
เฉินหลายไม่เคยคิดว่าฮัวเฉาเหิงจะต้องใช้ยาเพื่อช่วยให้เขาลืม
ปากกลม ๆ ของเขาอ้าปากค้าง หลังจากชะงักอยู่นาน เขาก็พูดอย่างประชดประชันว่า “เอาล่ะ นายพลฮัว ยานั้นรับประกันว่าจะลืมได้ก็ต่อเมื่อคุณกินมันก่อนที่จะลงมือทำ แต่เหนียนจื่อ.. ดูเธอสิ ผมรับประกันว่าเธอจะจำอะไรไม่ได้เมื่อเธอตื่นขึ้นมา”
กล่าวคือมันจะทำให้บุคคลเข้าสู่สภาวะพร่าเลือนและทำทุกอย่างด้วยสัญชาตญาณทางกายเท่านั้น สิ่งนี้พุ่งเข้ามาในความคิดของฮัวเฉาเหิง
หัวใจของผู้ปกครองหนุ่มเต้นแรงขึ้นและเขาก็สาปแช่งตัวเองในใจ
เฉินหลายคู้ตัวลงราวกับอยากจะแทรกแผ่นดินหนีอย่างสิ้นหวังในขณะที่เขาพูดติดอ่าง “มัน…มัน…จะไม่มีผลอะไรเลยถ้าคุณกินมันหลังจากที่เรื่องนั้นเกิดขึ้น นายพลฮัว มันสายเกินไปแล้วที่คุณจะมาขอยาที่ช่วยให้คุณสามารถที่จะลืมความทรงจำบางส่วนในตอนนี้”
[1] ประโยค cigarette after sex มีนัยยะสำคัญที่บ่งบอกได้ว่าคน ๆ นั้นกำลังมองถึงความสัมพันธ์ระยะสั้นหรือระยะยาว จากการหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบหรือไม่ เพราะถ้าหากผู้ชายที่มีอะไรกับผู้หญิง คนที่ไม่ได้คิดจริงจังและไม่ต้องการสานสัมพันธ์ระยะยาวด้วยแล้ว ผู้ชายที่สูบบุหรี่มักจะหยิบมาสูบทันทีหลังจากมีอะไรกันเสร็จ ซึ่งต้นฉบับภาษาอังกฤษได้เน้นประโยคนี้ เราเลยคิดว่าน่าจะมีความหมายนี้แฝงอยู่