ว่าไงคะท่านนายพล - ตอนที่ 1 : เธอต้องมาให้ได้นะ
บทที่ 1 : เธอต้องมาให้ได้นะ
ในเวลานี้เป็นช่วงเวลาบ่ายวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ อากาศของฤดูนี้มีแสงแดดส่องสว่างอบอุ่นและมีสายลมอ่อน ๆ โชยอยู่ในอากาศตลอดเวลา
ตอนนี้กู้เหนียนจื่อกำลังนอนห่มผ้าห่มขนแกะบาง ๆ อยู่บนโซฟากำมะหยี่สไตล์ยุโรปสีแดงข้างหน้าต่างที่ยื่นออกไปคล้ายเป็นระเบียง เธออยู่ในห้องชุดบนชั้น 28 ของอพาร์ตเมนต์ C ในเขตเฟิงหยาง
ก่อนหน้านี้ภายในห้องยังเงียบ ทันใดนั้นเสียงร้องของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ฝนตกลงมาพรำ ๆ บ้านเกิดของฉันรกไปด้วยหญ้าและต้นไม้ ฉันได้ข่าวว่าคุณยังอยู่ตัวคนเดียว”
เสียงเรียกเข้าเพลง “Fireworks Cool Easily” [1] ปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากการงีบยามบ่าย
แม้ว่าเธอจะสะดุ้งตื่น แต่เธอก็ขี้เกียจเกินกว่าที่จะลุกขึ้นมารับโทรศัพท์ แล้วยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่บนโซฟา
“ฝนตกลงมาพรำ ๆ บ้านเกิดของฉันรกไปด้วยหญ้าและต้นไม้ ฉันได้ข่าวว่าคุณยังอยู่ตัวคนเดียว”
เสียงโทรศัพท์ยังคงดังต่อไป ใครบางคนที่อยู่ปลายสายกำลังโทรเข้าโทรศัพท์ของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าและเห็นได้ชัดว่าจะไม่ยอมหยุดแน่ ๆ
คนที่นอนอยู่แกล้งทำเป็นหลับไม่ได้อีกต่อไป เธอเอื้อมมือไปปลดล็อกโทรศัพท์ด้วยการปัดนิ้วอย่างเกียจคร้านแล้วพูดว่า “ฮัลโหล”
เสียงที่ไพเราะของเฟิงอี้ซีดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่ง “เหนียนจื่อคืนนี้เธอจะต้องมาที่งานนะ! เธอคือเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน! วันนี้เป็นวันเกิดของฉันและพรุ่งนี้เราทั้งคู่จะสอบรอบสุดท้ายแล้ว มาฉลองให้กับมิตรภาพของเรากัน!”
เธอหัวเราะและตอบกลับว่า “ฉันไม่ลืมหรอก บ้านเธออยู่ในเขตเต๋อซินใช่ไหม”
ในเขตเฟิงหยางส่วนใหญ่แล้วจะเป็นอพาร์ตเมนต์ ในทางกลับกันในเขตเต๋อซินเป็นเขตวิลล่า
กู้เหนียนจื่อมักจะพักที่อพาร์ตเมนต์ในเขตเฟิงหยางมากกว่า แต่ฮัวเฉาเหิงผู้ปกครองของเธอเป็นเจ้าของบ้านพักในเต๋อซินและตอนนี้ห้องก็ว่าง ถ้าเธอไปพักที่นั่นมันจะช่วยให้เธอไม่ต้องวุ่นวายกับการเดินทางไปร่วมงานฉลองวันเกิดของเฟิงอี้ซี
“ใช่แล้ว ฉันจะส่งโลเคชั่นไปให้เธอนะ” คนที่อยู่ปลายสายยืนอยู่ที่ใต้ร่มกันแดดบริเวณระเบียงบ้านพักของเธอ ดวงตาคู่สวยจับจ้องไปที่ท้องฟ้าสีใสโดยที่ใบหูของเธอมีหูฟังไร้สายสีขาวไข่มุกเสียบไว้
เสียงพูดที่หวานปานน้ำผึ้งยังคงหลุดออกมาจากริมฝีปากสีเชอร์รี่สีเข้มของเธอ แต่คำพูดที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหลอย่างไม่อาจต้านทานได้นั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับการแสดงออกที่บิดเบี้ยวบนใบหน้าของเธอ
ในขณะนั้นเฟิงอี้เฉินกำลังยืนอยู่ตรงข้ามเฟิงอี้ซีและเฝ้าดูอีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เธอถือแก้วคาปูชิโน่ไว้ในมือ เมื่อคนตรงหน้าวางโทรศัพท์ลงเธอก็ส่ายหัวอย่างไม่พอใจ “อี้ซี เธอจะทำแบบนี้จริง ๆ เหรอ? กู้เหนียนจื่อไม่เคยทำอะไรให้เธอไม่ใช่เหรอ?”
“พี่หมายความว่ายังไง ที่บอกว่าเธอไม่ได้ทำอะไร!” เฟิงอี้ซีหัวเราะอย่างเย็นชาก่อนที่จะเดินจากไปด้วยความโกรธ “พี่ใหญ่ พี่ไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันหรอก! ก่อนที่เหนียนจื่อจะย้ายมาที่มหาวิทยาลัยของเรา ฉันเป็นคนที่ทำคะแนนได้สูงสุดในคณะของฉัน! ฉันเคยเป็นเจ้าหญิงของคณะ! จากนั้นเธอก็ปรากฏตัวและเอาทุกอย่างไปจากฉัน! ยัยนั่นกล้าดียังไง?! เธอเป็นแค่เด็กกำพร้านะ! เธอกล้าเอาตัวเองมาเทียบพวกเราที่ทั้งรวยทั้งสวยได้ยังไง!”
ผู้เป็นพี่สาววางแก้วคาปูชิโน่ของเธอลงและเดินตามน้องสาวเข้าไปในบ้านแล้วยืนอยู่ตรงหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสพร้อมกับกระซิบเรื่องแผนการกัน
“โอเค โอเค ฉันรู้ว่าเธอไม่พอใจเหนียนจื่อ แต่อย่าลืมว่าพ่อแม่ของเหนียนจื่อตายไปแล้วและเธอไม่มีญาติที่ไหน เธอตัวคนเดียว เธอต้องการทุนการศึกษาและเงินจากการทำงานพาร์ทไทม์เพื่อให้ได้เรียนต่อ เราเป็นต่อเหนียนจื่อในเรื่องนี้ เธอแค่ยิ้มและทน ๆ มันไปไม่ได้เหรอ?”
“ฉันทำมา 2 ปีแล้ว! แต่ไม่ใช่ครั้งนี้” เสียงของเฟิงอี้ซีลดลงต่ำมาก เธอยื่นมือซ้ายออกมา บนนิ้วกลางของเธอคือแหวนเพชรสีเหลืองรูปลูกแพร์ มีเข็มเล็ก ๆ ประดับที่ด้านบน
รอยยิ้มลึกลับและพอใจในตัวเองกระจายไปทั่วใบหน้าของหญิงสาว “ดูนี่สิ ญาติผู้พี่เอามาให้ฉัน คืนนี้สิ่งที่ฉันต้องทำคือเอาแหวนวงนี้สัมผัสกู้เหนียนจื่อ แล้วทิ่มแทงเธอด้วยแหวนนี้ นี่คือการเลี้ยงส่งดาวรุ่งของคณะเรา แล้วต้อนรับเน็ตไอดอลคนดังคนต่อไปของเรา! เธอจะ ‘เดบิวต์’ เมื่ออายุได้ 18 ปี! ฉันลงทุนจัดงานเลี้ยงวันเกิดเป็นล้านหยวนเพื่อสิ่งนี้ พี่จะมาว่าฉันขี้เหนียวไม่ได้นะ”
เฟิงอี้เฉินเอามือปิดปากตัวเองขณะที่ดวงตารูปทรงอัลมอนด์ของเธอเบิกกว้าง “เธอจะเอาแบบนั้นจริงเหรอ? อะไรกันเนี่ย”
“เหอะ ไม่ใช่แค่นั้นนะ” คนเป็นน้องสาวลดมือซ้ายของเธอลงแล้วหันหน้าไปทางสนามหญ้าที่อยู่เหนือหน้าต่างฝรั่งเศส “ฉันใช้เวลาตามหานานมาก โชคดีที่หาซื้อกล้องวิดีโอรูเข็มที่มีความละเอียดสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้มาได้ เมื่อวิดีโอถูกโพสต์บนอินเทอร์เน็ตแล้วล่ะก็….หึหึหึ”
ฝ่ายที่ได้ยินอย่างนั้นคิ้วกระตุกทันที เธอพูดอย่างใจเย็นว่า “อี้ซี นี่มันจะเกินไปหรือเปล่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอไปแจ้งตำรวจ? จากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเรา? บริษัทของพ่อจะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในเร็ว ๆ นี้ นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากสำหรับเรา เพราะงั้นอย่าเพิ่งสร้างปัญหาได้ไหม”
“ไม่ เธอจะไม่ไปแจ้งตำรวจหรอก ลูกพี่ลูกน้องของเราบอกว่าน้ำหยดเล็ก ๆ ที่อยู่ในแหวนทำให้เขาเสียเงินไปกว่าล้านหยวน นี่เป็นของดีจากญี่ปุ่น ไม่มีใครสามารถต้านทานมันได้หรอก!”
เฟิงอี้ซีโบกมือซ้ายของเธอ แหวนเพชรสีเหลืองบนนิ้วกลางของเธอสะท้อนพระอาทิตย์ตกนอกหน้าต่างฝรั่งเศสทำให้เกิดแสงสีรุ้ง “พี่จะเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดหลังจากที่พี่เห็นวิดีโอ เหนียนจื่อจะฟ้องเราเหรอ? ฝันไปเถอะ!”
เฟิงอี้เฉินหรี่ตา เธอลังเลอยู่นานแล้วพูดอย่างระมัดระวังว่า “เธอควรสอนบทเรียนเล็ก ๆ ให้เหนียนจื่อแค่นั้น เธอไม่เห็นจำเป็นต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอตัดสินใจที่จะฟ้องเรา? เธอจะไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจเลือด”
“พี่โง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่? การสอบรอบสุดท้ายคือวันพรุ่งนี้! เธอเป็นคนที่ทำคะแนนได้สูงสุดในการสอบคัดเลือก ฉันกลายจะเป็นอันดับ 2 และศาสตราจารย์เฮอจือชู อาจารย์ที่มาจากโรงเรียนกฎหมาย B ของมหาวิทยาลัยจะรับลูกศิษย์แค่คนเดียวเท่านั้น!” เฟิงอี้ซีสบถอย่างเกรี้ยวกราดจนทำให้เครื่องสำอางบนใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มอย่างประณีตของเธอแทบจะหลุดลอกออกมา “ฉันปล่อยให้โอกาสแบบนี้ผ่านไปไม่ได้! นอกจากนี้ลูกพี่ลูกน้องบอกว่ายาที่อยู่ในแหวนนี้จะตกค้างอยู่ในร่างกายแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น เมื่อครบ 24 ชั่วโมงแล้วจะไม่มีร่องรอยเหลืออยู่เลย! และเธอจะจำอะไรไม่ได้เลยด้วย!”
ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ไฟกิ่งถนนค่อย ๆ หรี่จนสว่าง ในห้องโถงใหญ่ของวิลลาในเขตเต๋อซินแห่งหนึ่งที่มองออกไปยังถนนสายหลัก มีโต๊ะยาวหลายตัวตั้งอยู่ โต๊ะเหล่านี้เต็มไปด้วยอาหารและไวน์ที่ดีที่สุดจากร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมือง
ในห้องโถงตรงหน้าต่างฝรั่งเศสเป็นฉากไม้แดงที่มีภาพแกะสลักของผู้เป็นอมตะทั้งแปดขณะที่พวกเขาข้ามทะเล [2] ที่นั่งอยู่ระหว่างหน้าจอโปรเจคเตอร์และหน้าต่างฝรั่งเศสคือวงออร์เคสตราที่เล่นดนตรีไพเราะด้วยท่วงท่าสบาย ๆ และสวยงาม
ห้องโถงทั้งหมดได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราด้วยเฉดสีทองที่แตกต่างกัน วอลล์เปเปอร์ในห้องเป็นสีทองเข้ม โซฟาก็เป็นสีทองอ่อนกว่าและแม้แต่โต๊ะและเก้าอี้สไตล์ยุโรปก็ปิดด้วยทอง ทุกอย่างดูเปล่งประกายท่ามกลางแสงของโคมระย้าคริสตัล
แขกผู้หญิงที่อยู่ในห้องโถงใหญ่แต่งตัวหรูหราเหมือนกันทุกคน ใครก็ตามที่มองจากภายนอกจะคิดว่าคนที่มาปาร์ตี้อาจจะเสี่ยงตาบอดจากความหรูหราระยิบระยับของมันทั้งหมด
ทองพราวและดอกไม้ฟุ่มเฟือยถูกประดับอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ช่างเป็นงานฉลองที่งดงามตระการตาจริง ๆ!
ทรงผมที่ถูกจัดแต่งให้ดูอ่อนช้อย กลิ่นน้ำหอมและเสียงกระทบกันของแก้วแชมเปญบ่งบอกว่าครึ่งหนึ่งของชนชั้นสูงที่ร่ำรวยของเมือง C ได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ในคืนนี้
เฟิงอี้ซีเป็นลูกสาวคนเล็กของตระกูลเฟิงและวันนี้เป็นวันเกิดครบรอบอายุ 22 ปีของเธอ
เมื่อเทียบกับตระกูลอื่น ๆ ในเมือง C ตระกูลเฟิงเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ที่สุด แต่ธุรกิจของพวกเขาขยายตัวอย่างรวดเร็วและทุกคนก็ได้ยินมาว่า บริษัทของพวกเขากำลังจะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์
การที่บริษัทของพวกเขาจะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จ ตระกูลเฟิงจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติเพื่อเป็นการรับรองบริษัทของพวกเขา มันจะขับเคลื่อนพวกเขาไปสู่ตำแหน่งของผู้มั่งคั่งและมีอำนาจ
นี่เป็นสาเหตุที่มีผู้คนมากมายในงานเลี้ยงของพวกเขาทุกคนต่างกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับตระกูลเฟิง
ในเวลานั้นกู้เหนียนจื่อกำลังเปลี่ยนไปใส่ชุดราตรีของเธอหลังจากที่มาถึงเต๋อซิน เธอเดินคนเดียวอยู่บนเส้นทางเล็ก ๆ ที่พาเธอไปยังบ้านพักของตระกูลเฟิงพร้อมกับบัตรเชิญที่เฟิงอี้ซีมอบให้เธอโดยเฉพาะ ก่อนจะไปยังทางเข้าหลักของห้องจัดเลี้ยง
ทันใดนั้นเสียงความครึกครื้นในห้องโถงก็สงบลงไป
ทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าประตู หญิงสาวในชุดราตรีผ้าไหมแก้วสีม่วงไหล่เดี่ยว
เธอเป็นคนที่มีความลงตัวอย่างยิ่ง ด้วยผิวที่บอบบางและกระจ่างใสซึ่งขาวราวหิมะ เธอขาวมากจนสามารถมองเห็นเส้นเลือดสีฟ้าบนลำคอเรียวระหงของเธอได้ด้วยตาเปล่า
ชุดผ้าไหมแก้วสีม่วงแนบสนิทกับร่างของเธอโดยเน้นให้เห็นถึงทรวดทรงที่สมส่วน การแต่งกายนั้นดูสุภาพเรียบร้อย มีเพียงแขนและไหล่ครึ่งบนของเธอเท่านั้นที่เปิดเผยออกมา แต่เมื่อเทียบกับผ้าไหมสีม่วงกับผิวที่เปลือยเปล่าแล้ว เธอดูเหมือนกับดอกบัวที่อ่อนโยนและละเอียดอ่อนงอกออกมาจากช่อสีม่วง ดอกบัวบอบบางและน่ารักจนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากครอบครองมันไว้ในอุ้งมือด้วยความทะนุถนอมและลูบไล้มันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
กู้เหนียนจื่อไล่สายตามองดูฝูงชนโดยรอบพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
เหม่ยเสี่ยวเหวินรีบเดินไปหาเธอและยื่นมือมาตรงหน้าเธอขณะที่เขาพูดว่า “เหนียนจื่อ ในที่สุดเธอก็มาสักที”
“ประธานรุ่น [3] ต้องมาถึงที่นี่ก่อนเวลาสินะ” กู้เหนียนจื่อกล่าวทักทายอีกฝ่ายพร้อมกับพยักหน้า “อี้ซีอยู่ไหน? ฉันยังไม่ได้แสดงความยินดีกับเธอเลย”
“เธออยู่ตรงนั้น ให้ฉันพาไปหาเธอนะ” เหม่ยเสี่ยวเหวินมองสาวงามตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าในขณะที่พวกเขาสองคนเดินไปข้างหน้า “ชุดราตรีนี่ทำให้เธอดูน่าทึ่งมาก”
เขารู้มาตลอดว่ากู้เหนียนจื่อเป็นผู้หญิงที่สวย แต่เขาไม่คิดว่าเธอจะดูน่าตกตะลึงด้วยการแต่งตัวเพียงเล็กน้อย
[1]“ Fireworks Cool Easily” เป็นเพลงของ Jay Chou เป็นส่วนหนึ่งของสตูดิโออัลบั้มชุดที่สิบของเขา “The Era” ที่วางจำหน่ายในปี 2010
[2] สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตำนานแปดอมตะ (Baxian): https://en.wikipedia.org/wiki/Eight_Immortals
[3] ในกรณีนี้ยังไม่ชัดเจนนัก เหม่ยเสี่ยวเหวินเป็นประธานรุ่นของกู้เหนียนจื่อ class rep(resentative)