วิวาห์ 365วัน - ตอนที่ 30 ให้บัตรเอทีเอ็มกับเธอแบบนี้หมายความว่ายังไง
มู่เฉี่ยนหยุดเดินแล้วยืนพิงประตูห้องน้ำโดยไม่ขยับเขยื้อน
ชุดสูทสีเข้มของฮั่วจิ้นซีเป็นระเบียบเรียบร้อย เขานั่งอยู่บนโซฟาสีแดงโดยมีขาเรียวสองข้างซ้อนทับกัน สาเหตุอาจเป็นเพราะสีของโซฟาแม้ว่าท่าทางการแสดงออกของเขาจะดูเย็นชา แต่มู่เฉี่ยนก็ยังคงได้กลิ่นของปีศาจอยู่จางๆ
น่าเสียดายที่เธอไม่มีกระจกวิเศษอยู่ในมือ จึงไม่สามารถมองทะลุความคิดของปีศาจนี้ได้
นี้มาหาลูกชายหรือมาหาเธอเพื่อคิดบัญชีเรื่องเมื่อคืน?
"คุณฮั่วยินดีต้อนรับค่ะ ทำไมคุณไม่บอกล่วงหน้าก่อน" มู่เฉี่ยนเช็ดผมและแกว่งขาอันขาวนวลของเธอไปมา "เป็นเรื่องหยาบคายมากที่ให้คุณเห็นสภาพของฉันในตอนนี้!"
ฮั่วจิ้นซีเหลือบมองเธอ
ปากบอกว่าหยาบคายแต่ท่าทางการยืนพิงประตูกลับตรงกันข้ามกันเลย ในขณะที่เขามองมาเธอก็แกว่งขามากขึ้นกว่าเดิม
ก่อนที่ฮั่วจิ้นซีจะพูดบางอย่างออกมากริ่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง มู่เฉี่ยนจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตูด้วยท่าทางหยาบคายนั้น
เมื่อประตูเปิดออก คนส่งอาหารที่คุ้นเคยกับมู่เฉี่ยนมองมาที่มู่เฉี่ยนแล้วยิ้มอย่างกระตือรือร้น“คุณมู่ อาหารที่คุณสั่งมาส่งแล้วครับ ดูเหมือนว่าวันนี้คุณจะสั่งเพิ่มอีกชุด?”
"ใช่แล้ว" มู่เฉี่ยนยิ้มแล้วหยิบอาหาร "ในบ้านมีแขกน่ะ"
คนส่งอาหารมองเข้าไปในห้องผ่านไหล่ของมู่เฉี่ยนและเห็นชายคนนั้นที่นั่งอยู่บนโซฟา
ราวกับรับรู้ถึงการจ้องมองของเขา ฮั่วจิ้นซีจึงหันหน้ามองไปที่เขา
ดวงตาลึกที่เย็นชานั้นทำให้คนกลัวจนตัวสั่น
คนส่งอาหารรีบละสายตาจากเขาอย่างรวดเร็วแม้แต่มู่เฉี่ยนเขาก็ไม่กล้ามองอีก จากนั้นก็รีบพูดอำลาและจากไป
มู่เฉี่ยนปิดประตูลงแล้ววางอาหารไว้บนโต๊ะกาแฟ จากนั้นก็เดินไปหาฮั่วฉีหรานแล้วจับมือเขาไว้"เด็กน้อย มากินข้าวเถอะ"
ฮั่วฉีหรานได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นและเดินไปทันที
ในขณะที่มู่เฉี่ยนหยิบน้ำผลไม้คั้นสดออกมาหนึ่งแก้วแล้วกำลังจะยื่นให้ฮั่วฉีหราน ฮั่วจิ้นซีก็ยื่นมือออกมาบังแก้วน้ำผลไม้นั้นไว้
มู่เฉี่ยนและฮั่วฉีหรานมองไปที่ฮั่วจิ้นซีในเวลาเดียวกัน
"คุณให้เขากินของพวกนี้ทั้งวัน?" ฮั่วจิ้นซีค่อยๆพูดอย่างช้าๆ
มู่เฉี่ยนมองลงไปที่อาหารที่เธอเพิ่งสั่งมา บะหมี่เกี๊ยวเจ้าเก้าแก่ที่มีชื่อเสียงอย่างแพร่หลาย เพราะสาเหตุมาจากฮั่วฉีหรานแม้แต่น้ำอัดลมเธอยังไม่กล้าสั่ง เลยสั่งไปแค่น้ำผลไม้คั้นสดเพียงสองแก้ว
"คุณฮั่วคิดว่ามีปัญหาอะไรหรอคะ?" มู่เฉี่ยนกอดอกและมองไปที่ฮั่วจิ้นซี "คุณชายน้อยของครอบครัวตระกูลฮั่ว ไม่สามารถทาน … อาหารของสามัญชนแบบนี้ได้ ใช่ไหม?"
ฮั่วจิ้นซีไม่ได้ตอบเขา เพียงแค่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออก: "ฉีหย่วน ขึ้นมาพาฉีหรานไปกินข้าวที่เว่ยหรานจวี"
ทันทีที่พูดจบฮั่วฉีหรานก็แสดงความทุกข์ยากออกมาแล้วมองไปที่มู่เฉี่ยนอย่างน่าสงสาร
มู่เฉี่ยนจับคางและจ้องไปที่เขา จากนั้นก็ยักไหล่เพื่อบ่งบอกว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้
ในไม่ช้าฉีหย่วนที่เป็นผู้ช่วยพิเศษของฮั่วจิ้นซีก็ขึ้นมาถึงชั้นบนและพาฮั่วฉีหรานออกไปด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นในบ้านก็เหลือเพียงมู่เฉี่ยนและฮั่วจิ้นซีที่ถูกทิ้งให้อยู่กันตามลำพัง
มู่เฉี่ยนเริ่มกินบะหมี่เกี๊ยวของเธออย่างไม่สนใจ ในขณะที่ฮั่วจิ้นซีนั่งมองเธออยู่บนโซฟา ดูเหมือนเขาจะไม่มีท่าทีที่จะจากไป
"คุณฮั่ว เลิกมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นได้แล้ว ฉันดูแลลูกชายของคุณตามความสมัครใจ ก่อนหน้านี้ฉันก็ไม่เคยดูแลเด็กมาก่อน คุณเองก็ไม่เคยจ่ายเงินเดือนให้ฉัน ไม่มีเหตุผลที่คุณจะทำเหมือนฉันรับงานประจำเป็นพี่เลี้ยงเด็ก"
เธอค่อยๆกินหมี่ทีละคำและมีเสียงซู๊ดซู๊ดดังออกมาเบาๆ ริมฝีปากสีแดงของเธอจงใจเปิดปิดมากเกินไปและมองไปที่สายตาของเขาที่ดูไร้เดียงสาเป็นพิเศษ
ทันทีที่เธอพูดจบ ฮั่วจิ้นซีก็วางบัตรเอทีเอ็มไว้บนโต๊ะกาแฟ
มู่เฉี่ยนอดไม่ได้ที่จะตะลึงและคว้าบัตรใบนั้นไว้ หลังจากสำรวจด้านหน้าและด้านหลังบัตรไปรอบหนึ่ง เธอก็มองไปที่ฮั่วจิ้นซีและยิ้มอย่างยั่วยวน “คุณฮั่วนี้หมายความว่ายังไง?จะ … เลี้ยงดูฉันงั้นหรอ?”