วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 869 งอนกันอีกแล้ว
แต่เขาเป็นคนรอบคนอยู่แล้ว และก็เต็มไปด้วยความดีต่อเฉียวฉี
รู้ว่าในใจของเธอเป็นกังวล แต่ก็ไม่อยากจะไปดูกู้ซือเฉียนโดยตรง ดังนั้นเดินมาอย่างเอาใจใส่และกำชับว่า“คุณเฉียว คุณไม่ต้องกังวล เมื่อกี้คุณหมอได้ทำการตรวจเช็ดให้คุณชายแล้ว ไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่เวลาช่วงนี้จำเป็นจะต้องพักฟื้นอยู่ในบ้านก็พอแล้ว”
เฉียวฉีหยุดไปครู่หนึ่ง กัดริมฝีปาก ในใจคิดว่าฉันไม่ได้ถามว่าเขาเป็นอย่างไร ใครให้คุณพูด
แต่ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรขึ้นมาได้ ในที่สุดก็พยักหน้า แล้วกล่าวเสียงเบาว่า“ลุงโอ ลำบากคุณแล้ว”
ลุงโอยิ้มแล้วกล่าวว่า“ขอเพียงคุณกับคุณชายสบายดี ผมก็ไม่ลำบากอะไร ”
เฉียวฉีหยุดไปครู่หนึ่ง
เธอก็ไม่รู้ว่า คำพูดของลุงโอนี้“สบายดี”สามคำนี้หมายถึงอะไร
หมายถึงพวกเขาต่างคนสบายดี ปลอดภัย หรือหมายถึงพวกเขาสองคนดีกันไม่ทะเลาะกันหรือ?
ในใจเฉียวฉีรู้สึกสับสนเล็กน้อย และยิ่งจะคิดมากอย่างหักห้ามไม่ได้ รู้ว่าตัวเองคิดไปไกลแล้ว เธอจึงรีบห้ามความคิดของตัวเองไว้
แล้วกล่าวกับลุงโอ“ทางฉันไม่มีเรื่องอะไรแล้ว คุณไปทำงานของคุณเถอะ ”
ลุงโอพยักหน้า แล้วจากไป
ลุงโอเพิ่งจากไป เฉียวฉีก็หันหลังกลับเข้าห้องไป
จนกถึงเวลาอาหารเย็น เธอจึงได้พบกับกู้ซือเฉียนอีกครั้ง
กู้ซือเฉียนได้รับบาดเจ็บ ย่อมจะลงมาทานข้าวที่ชั้นล่างไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ยอมทานคนเดียวที่ชั้นบน บอกว่าทานคนเดียวไม่อร่อย จะให้เฉียวฉีขึ้นไปทานข้าวเป็นเพื่อนเขา
มีหรือที่เฉียวฉีจะไม่รู้ความคิดของชายหนุ่มคนนี้?
ตอนแรกไม่อยากจะไป แต่สุดท้ายก็เห็นว่าเขาเป็นคนป่วย จึงไปอย่างไม่เต็มใจ
ในห้องนอนชั้นบน
ลุงโอได้สั่งให้จัดเตรียมอาหารไว้พร้อมแล้ว นอกจากอาหารไม่กี่อย่างที่กู้ซือเฉียนทาน อย่างอื่นล้วนเป็นอาหารที่เฉียวฉีชอบทาน
เพราะว่าตอนนี้กู้ซือเฉียนบาดเจ็บสาหัส หลายอย่างยังไม่สามารถทานได้ ทานได้เพียงอาหารอ่อนรสจืดบางอย่างเท่านั้น
และแม้ว่าบนตัวของเฉียวฉียังมีอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดี แต่โดยรวมแล้วดีขึ้นแล้ว เหลือเพียงรอกระดูกจากข้างในค่อยๆงอกออกมาเท่านั้นเอง
ดังนั้นเธอไม่จำเป็นต้องระวังการกินอะไรมากนัก สามารถกินได้ทุกอย่าง และก็เพราะเหตุนี้ อาหารที่วางอยู่ตรงหน้าเธอจึงอุดมสมบูรณ์เป็นพิเศษ
ลุงโอรู้ว่าหลายวันมานี้เธอทำงานหนักเกินไป เพราะว่ากังวลความปลอดภัยของกู้ซือเฉียน จึงไม่ได้กินดี ในที่สุดวันนี้สามารถวางใจลงได้แล้ว ย่อมต้องเตรียมอาหารที่อร่อยที่สุดให้เธออยู่แล้ว เพื่อให้เธอได้บำรุงดีบ้าง
เฉียวฉีก็ไม่เกรงใจ หลังจากนั่งลงแล้วก็เริ่มทาน
พฤติกรรมการกินของทั้งสองได้รับการฝึกฝนมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงเงียบมาก
ในห้องไม่มีใครพูด มีเพียงเสียงเคี้ยวข้าวของทั้งสองคน และเสียงตะเกียบที่เผลอไปชนถ้วยชามดังขึ้นเท่านั้น
อาจจะเป็นเพราะเพิ่งจะได้รับบาดเจ็บหนัก กู้ซือเฉียนจึงไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่นัก
ทานโจ๊กเพียงครึ่งถ้วยเล็กก็ทานไม่ลงแล้ว
ท่าทางเฉียวฉีชะงักไปครู่หนึ่ง มองดูเขาวางถ้วยลง แล้วตักโจ๊กให้เขาอีกครึ่งถ้วย
กล่าวเสียงเคร่งขรึม“ทานอีกครึ่งถ้วย”
กู้ซือเฉียน“………..”
มองดูเธออย่างน่าสงสาร“ผมทานไม่ลงแล้ว”
เฉียวฉีกล่าวเสียงเคร่งขรึม“ทานไม่ลงก็ต้องทานหน่อย ”
ก็ไม่ดูว่าตอนแรกตัวเองเสียเลือดไปเท่าไหร่ ไม่กินอาหารเสริมโภชนาการและพละกำลัง แล้วจะดีขึ้นได้อย่างไร?
แน่นอนว่า คำพูดนี้เธอไม่ได้พูดออกมา
กู้ซือเฉียนมองดูเธอ หญิงสาวนั้นกินอย่างเอร็ดอร่อยมาก ไม่ได้กินน้อยลงเพราะเปลี่ยนสถานที่ทานข้าวเลยสักนิด
ดูไปดูมา จู่ๆรู้สึกว่าความไม่ค่อยอยากอาหารก็อยากอาหารขึ้นมา
เขายกถ้วยขึ้น แล้วเริ่มทานข้าวขึ้นมา
ข้างๆ ลุงโอจับตาดูทั้งหมดนี้อยู่อย่างเงียบๆตลอดเวลา อย่าบอกว่าในใจนั้นดีใจแค่ไหนเลย
เมื่อก่อนในปราสาทนี้ กู้ซือเฉียนเป็นกษัตริย์ เรื่องทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับเขา
ขอเพียงเป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจแล้ว คนอื่นไม่ว่าใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้
ดังนั้น ใครก็ไม่สามารถจะมีผลในการตัดสินใจของเขาได้
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว
ตอนนี้ในที่สุดก็มีคนหนึ่งที่สามารถควบคุมเขาได้ จะไม่ให้เขาทำตามใจได้อีกแล้ว
ช่างดีเหลือเกิน
มุมปากของลุงโอโค้งขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ
ทานข้าวเย็นแล้ว มีคนรับใช้มาเก็บข้าวของลงไป
เฉียวฉีมองดูกู้ซือเฉียนที่นอนอยู่บนเตียงแวบหนึ่ง เห็นใบหน้าหล่อเหลาและซีดเซียวเพราะเสียเลือดมาก ตอนนี้ได้มีเลือดฝาดขึ้นเล็กน้อย จึงทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาก
เธอถามว่า“เบื่อไหม?อยากจะออกไปรับลมข้างนอกไหม?”
เมื่อกู้ซือเฉียนได้ยิน ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา
“ได้หรือ?”
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
เฉียวฉีเบ้ปาก แล้วหันไปสั่งลุงโอ“รบกวนคุณช่วยฉันไปเอาวีลแชร์ก่อนหน้านั้นของฉันมาให้หน่อย ”
ลุงโอก็ไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไร แม้ว่าสภาพของกู้ซือเฉียนในตอนนี้ การออกไปรับลมข้างนอกรู้สึกไม่เห็นด้วยเล็กน้อย
แต่ว่าเมื่อเห็นท่าทางทั้งสองกระตือรือร้น ก็อดไม่ได้ที่จะขัดความสุขของพวกเขา
ดังนั้น จึงรับปากแล้วออกไป
ไม่นาน รถวีลแชร์ก็ถูกนำมา
ตอนแรกกู้ซือเฉียนคิดว่า เธอต้องการจะพาตัวเองออกไปเดินเล่น แต่เมื่อรอให้เฉียวฉีสั่งการให้คนเอาเขาขึ้นบนรถวีลแชร์แล้ว เมื่อพาคนพร้อมกับรถวีลแชร์เข็นมาที่ระเบียงข้างนอกแล้ว เขาถึงเข้าใจ
ที่จริงรับลมที่เธอหมายถึง เป็นการรับลมจริงๆเท่านั้น
กู้ซือเฉียนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
แต่เมื่อคิดได้ว่าได้อยู่กับเธอเงียบๆ ก็โล่งใจ
ระเบียงใหญ่มาก นอกจากต้นไม้แล้ว ไม่มีสิ่งของอื่นมาวาง ดังนั้นดูไปแล้วโล่งมาก
ขณะนี้เป็นเวลากลางดึกแล้ว
ไฟในปราสาทสว่างขึ้น ส่องสว่างไปรอบพื้นที่ทะเลสาบ
นั่งอยู่ตรงระเบียง จากความมืดสามารถมองเห็นเค้าโครงภูเขาที่อยู่ไม่ไกลออกไปที่อีกฝั่งของทะเลสาบ
กู้ซือเฉียนเหมือนรู้สึกผิดปกติ แล้วถามเธอว่า“คุณมีอะไรจะพูดกับผมใช่ไหม?”
มิเช่นนั้น ทำไมวันนี้ถึงต้องการจะพาเขาออกมารับลม?
เฉียวฉีก้มหน้ามองดูเขาแวบหนึ่ง แล้วกล่าวว่า“คุณคิดมากไปแล้ว”
พูดจบ เงยหน้าขึ้น
เพราะว่าเวลานี้ เขานั่งอยู่ ส่วนเธอยืนอยู่
ดังนั้นมองจากมุมของเขาไป ก็จะมองเห็นคางที่ขาวสะอาดดุจหยกเปล่งประกายแวววาวของเธอพอดี
ก็ไม่รู้ว่าทำไม กู้ซือเฉียนเชื่อคำพูดของเธออย่างง่ายดาย
“อ๋อ ”หนึ่งเสียง เหมือนรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย
เฉียวฉีหยุดไปครู่หนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆก็รู้สึกว่าในน้ำเสียงของเขา แฝงไปด้วยความรู้สึกมากมาย
เธอมองดูเขา กล่าวด้วยรอยยิ้มเรียบๆว่า“ทำไม?พอฉันทำดีกับคุณหน่อย คุณไม่ชินหรือ?”
กู้ซือเฉียนเดาไม่ถูกว่าในใจของราชินีคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ทำได้เพียงยิ้มประจบสอพลออย่างระมัดระวัง
“มีบ้าง ”
เฉียวฉียิ้มเบาๆ
เธอยิ้มกล่าวว่า“เมื่อก่อนฉันก็ไม่ได้แย่กับคุณใช่ไหม ?”
กู้ซือเฉียนครุ่นคิด พูดตามความเป็นจริง เมื่อก่อนเฉียวฉีดีกับเขามากจริงๆ
แต่ดีแบบนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน
ตอนนั้น ความสัมพันธ์ของทั้งสองแม้จะดีแค่ไหน เธอก็ยังมีท่าทีดุร้ายอยู่เสมอ