วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 812 ไม่สะทกสะท้าน
ในเวลานี้หลินเยว่เอ๋อร์ ได้ค่อยๆเข้ามาใกล้
เสียงฝีเท้าของเธอเบามาก บวกกับการเดินบนพื้นหญ้า ยิ่งสงบนิ่งไม่มีเสียง
จนกระทั่งคนได้เดินเข้าใกล้แล้ว เฉียวฉีถึงเห็นเธอ
แต่เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้น สายตาไม่ได้ห่างจากหนังสือเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ชายตามองแวบหนึ่ง โดยไม่แสดงอาการอะไร
หลินเยว่เอ๋อร์นั้นยืดคอเล็กน้อย สีหน้าค่อนข้างได้ใจเล็กน้อย
“เฉียวฉี ฉันมีข่าวดีจะบอกคุณ อยากฟังไหม”
เฉียวฉีไม่ได้สนใจเธอ ทำเหมือนมองไม่เห็น
หลินเยว่เอ๋อร์ก็ไม่โกรธ เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย ใบหน้าที่สวยงามใสสะอาดเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและความโอ้อวด
“ฉันจะแต่งงานแล้ว กับกู้ซือเฉียน”
นิ้วมือที่จับหนังสืออยู่ของเฉียวฉีกำแน่นขึ้นเล็กน้อย
ในหัวสมอง จู่ๆก็ผุดคำพูดหนักแน่นของผู้ชายเมื่อคืนนี้ออกมา “ช่วงนี้ ผมจะส่งเธอจากไป ต่อไปเธอจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าคุณอีก……….”
เธอขยับมุมปาก กระตุกปากยิ้มเยาะเย้ย แล้วดูหนังสือต่อ
หลินเยว่เอ๋อร์ไม่คิดว่าเธอจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ตอนแรกเธอคิดว่า เมื่อได้ยินข่าวนี้ เธอน่าจะเสียใจมากและ โกรธมาก
ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรขึ้นมาได้ ดวงตาเธอเคร่งขรึม แล้วฉายประกายความเย็นชาออกมา
“เฉียวฉี ต่อไปฉันก็จะเป็นคุณนายกู้โดยชอบธรรมแล้ว ส่วนแก เป็นเพียงแค่คนขี้คุกที่ไม่มีใครเอา ดังนั้น ทางที่ดีทำตัวให้ดีหน่อย อยู่ห่างกู้ซือเฉียนหน่อย อย่าคิดจะยุแยงเราให้แตกหักไปวันๆ มิฉะนั้น…………”
“มิฉะนั้นคุณจะทำอะไร”
หญิงสาวพูดเสียงเรียบๆ แบบไม่สะทกสะท้าน แต่ผสมปนด้วยพลังแห่งการบังคับคน
หลินเยว่เอ๋อร์ชะงักไป
กัดฟัน แล้วกล่าวเสียงเย็นชา“มิฉะนั้นฉันจะทำให้แกตายแบบศพไม่ครบสามสิบสอง”
มือที่กำลังพลิกหนังสือของเฉียวฉีหยุดชะงักไป
ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้น มองดูเธอแวบหนึ่ง
ใบหน้าเธอสวยงาม ไม่ใช่ประเภทที่สีสันฉูดฉาดละเอียดอ่อน แต่เธอมีท่าทางและราศีที่เป็นเฉพาะตัว เป็นความเย็นใสสะอาดที่คนข้างๆใครก็เทียบไม่ได้
เธอมองดูหลินเยว่เอ๋อร์อย่างเย็นชา แล้วยิ้มเย้ยหยันว่า “น้ำเสียงช่างใหญ่จริง”
วางหนังสือในมือลงบนตัก ทั้งๆที่ท่าทางอ่อนโยนเรียบๆเหมือนนักเรียนหญิงที่เรียบร้อย แต่ หลินเยว่เอ๋อร์เห็นความอาฆาตแค้นที่เยือกเย็นในดวงตาเธอ
เธอกล่าวเสียงเคร่งขรึม “ลองดูไหม ทำให้ฉันดูว่า คุณจะทำอย่างไรให้ฉันตายศพไม่ครบสามสิบสอง”
“แก”
หลินเยว่เอ๋อร์รู้สึกจุก และโกรธมาก
แต่ก็ทำอะไรเธอไม่ได้
เธอรู้ว่า ไม่ว่าในแง่กำลังหรือสติปัญญา ตัวเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉียวฉี
ผู้หญิงคนนี้ มีชื่อเสียงในวงการตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว ตอนนั้นตัวเองยังเป็นลูกสาวคนรวยที่ไม่มีอะไรทำ ดังนั้นถ้าจะต่อสู้ขึ้นมาจริง ความสามารถของผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าอย่างไรเธอก็เทียบไม่ได้อยู่แล้ว
ยังดี ที่เธอมีจุดเด่นกว่าเธอบ้าง
นั่นก็คือ เธอยอมก้มหัวมากกว่าเธอ และเอาใจผู้ชายเป็นมากกว่าเธอ
ในความคิดของเธอ เฉียวฉีผู้หญิงคนนี้ เป็นเพราะว่าตัวเองมีความสามารถเกินไป ดังนั้นถึงไม่เห็นผู้ชายอยู่ในสายตา และก็ขี้เกียจไปทำให้อีกฝ่ายชื่นชอบ
แต่เธอไม่เข้าใจว่า บนโลกใบนี้ ไม่ว่าผู้ชายจะนั่งตรงตำแหน่งไหน สันดานในกระดูกนั้นจะไม่เปลี่ยน
ล้วนต้องการให้ผู้หญิงยอมจำนน เสพสมกับการที่ผู้หญิงเทิดทูน รัก และชื่นชอบต่อพวกเขา
ดังนั้นคนที่แข็งแกร่งเช่นเฉียวฉี จะสามารถทำให้ผู้ชายรักได้อย่างไร
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ที่เธอรู้สึกจุกที่หน้าอกเมื่อกี้นี้ค่อยๆคลายลงเล็กน้อย เงยหน้าขึ้น หัวเราะออกมาอย่างได้ใจ
“ฉันยอมรับ ฉันทำอะไรแกไม่ได้ แต่ฉันทำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นทำไม่ได้”
ขณะที่เธอพูด ประกายความชั่วร้ายปรากฏขึ้นในตา เดินเข้าใกล้เธอ ก้มตัวเล็กน้อยแล้วกระซิบเสียงต่ำว่า“เฉียวฉี แกลองเดาดู หากตอนนี้ฉันกับแกเกิดเรื่องขัดแย้งกันขึ้น กู้ซือเฉียนเขาจะเชื่อฉันหรือว่าเชื่อแก ”
ดวงตาที่เย็นชาของเฉียวฉี มองดูเธอ แล้วกล่าวด้วยเสียงแหบแห้งว่า “คุณคิดจะทำอะไร”
หลินเยว่เอ๋อร์หัวเราะเสียงเบา “ก็ไม่ทำอะไร แค่อยากทดลองดู ตำแหน่งเราที่อยู่ในใจกู้ซือเฉียน ”
ขณะที่เธอพูด ก็ยื่นมือออกมา จับไปที่วางแขนของรถเข็นเฉียวฉี
เฉียวฉียังไม่ทันตั้งตัว เห็นเพียงเธอร้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“อ้า เฉียวฉี คุณจะทำอะไร”
วินาทีต่อมา หงายมือขึ้น คนทั้งคนก็ล้มลงไปทางด้านหลัง
ม่านตาเฉียวฉีหดตัว
เห็นเพียงร่างกายหลินเยว่เอ๋อร์ล้มลงที่พื้นอย่างแรง ในมุมนั้น เธอเห็นแล้ว ก็รู้ว่าต้องเจ็บมากอย่างแน่นอน
หว่างคิ้วขมวดเข้าแน่นๆ เธอยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงตะโกนปนโกรธแว่วมาจากด้านหน้า
“คุณทำอะไร”
เธอเงยหน้า ใต้แสงอาทิตย์ เห็นเงากู้ซือเฉียนก้าวเดินมาด้วยก้าวใหญ่ฉับๆ
เฉียวฉีตะลึง อ้าปากจะอธิบาย“ฉัน……..”
“ซือเฉียน ไม่โทษคุณเฉียว”
หลินเยว่เอ๋อร์รีบลุกขึ้นมา กำข้อศอกที่ถูกับพื้นจนบาดเจ็บ แล้วกล่าวว่า “ฉันไม่ระวังจึงหกล้มไปเอง”
เมื่อพูดออกมา ดวงตาก็แดงก่ำแล้ว
เมื่อเฉียวฉีเห็นเช่นนั้น ก็เลยหุบปาก
เธอพูดไม่ผิด เธอหกล้มไปเองจริงๆ
ไม่เกี่ยวอะไรกับเธออยู่แล้ว ทำไมเธอจะต้องไปอธิบาย
ขณะที่คิด เฉียวฉีก็ยิ่งมั่นใจ จึงไม่เปิดปากพูดอีก
แต่กู้ซือเฉียนนั้นใช้สายตาที่เย็นชามองเธอแวบหนึ่ง
ในแวบหนึ่งนั้น ปนด้วยคำถาม ความโกรธเล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อเผชิญกับสายตาเงียบสงบของเธอ เขาก็ไม่พูดอะไรอีก แล้วพูดกับลุงโอที่ตามมาทีหลังว่า “พาเธอไปจัดการให้ด้วย”
“ครับ”
ลุงโอก้มหน้าก้มตา แสร้งทำเป็นว่าเขาไม่รู้สึกว่าบรรยากาศแปลกๆในขณะนี้ และพาหลินเยว่เอ๋อร์ออกไป
ก่อนจากไป หลินเยว่เอ๋อร์ยังมองดูกู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีอย่างกังวลใจมาก
เดินผ่านข้างกายกู้ซือเฉียน แล้วกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า“ซือเฉียน ไม่เกี่ยวกับคุณเฉียวจริงๆ เมื่อกี้นี้ฉัน…….ไม่ระวังก็เลยหกล้มเอง คุณอย่าไปคิดมากนะ”
กู้ซือเฉียนไม่พูดอะไร หลินเยว่เอ๋อร์จึงจากไปอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม
หลังจากที่รอเธอจากไปแล้ว กู้ซือเฉียนจึงจ้องสายตาไปที่บนร่างกายเฉียวฉีใหม่
ห่างไปไม่กี่ชั่วโมง เมื่อเห็นผู้ชายคนนี้อีกครั้ง ในใจเฉียวฉีสงบนิ่ง แต่ลึกๆแล้ว รู้สึกสงสัยเล็กน้อย
นึกถึงเมื่อคืนเขามาหาตัวเอง ตอนนั้นตัวเองกำลังงอนอยู่ ดังนั้นไม่ได้บอกเขาเรื่องที่อยากจะบอกเขาตั้งแต่แรก
แต่ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ตัวเองก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว สถานการณ์แบบนี้ ยังจะมีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าการจับฆาตกรที่ฆ่าชีชีอีก
ดังนั้นหากมีเบาะแสอะไร จะต้องบอกเขาก่อนอยู่แล้ว เป็นการดีกว่าที่ทั้งสองคนหาทางร่วมกัน
ขณะที่คิด เธอก็เปิดปาก“กู้ซือเฉียน ฉัน…….”
“ต่อไปอย่าทำเรื่องแบบนี้อีก”
เธอยังไม่ทันพูด ก็ถูกกู้ซือเฉียนตัดบทก่อนแล้ว
ผู้ชายยืนอยู่ที่สูง ก้มหน้ามองดูเธอด้วยสายตาเย็นชา สีหน้าราวกับมีอคติต่อเธอ แต่เฉียวฉีกลับรู้สึกเย็นวาบในใจ
เอียงหัวมองดูเขาด้วยความรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แล้วถามว่า “เรื่องอะไร”
คิ้วของกู้ซือเฉียนขมวดเข้ม
เหมือนกับรู้สึกผิดหวังในตัวเธอเล็กน้อย และรู้สึกว่า…….มันก็สมเหตุสมผล