วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 79 จับได้คาหนังคาเขา
บทที่ 79 จับได้คาหนังคาเขา
เป็นไปอย่างที่คิด เห็นว่ามู่ยั่นเจ๋อขมวดคิ้ว
จิ่งเสี่ยวหย่าก็ได้วางใจเบาๆ
อย่างน้อย เขาก็ยังแคร์เธออยู่
รู้ว่าเธอโดนรังแก ไม่ว่ายังไงก็จะออกหน้าให้เธอจริงไหม!
แต่คิดไม่ถึงว่า มู่ยั่นเจ๋อก็แค่พูดออกมาว่า “ต่อไปเธอเจอกับเขา ก็หลบหน่อยละกัน! ”
จิ่งเสี่ยวหย่าอึ้งไป เบิกตากว้างด้วยความไม่น่าเชื่อ
เธอเหมือนว่าได้ยินอะไรที่ไม่มีทางที่จะได้ยินออกมา มองมู่ยั่นเจ๋อด้วยความยากที่จะเชื่อ “พี่ พี่พูดอะไร?”
มู่ยั่นเจ๋อเริ่มรำคาญ
“ทุกครั้งที่พวกเธอทั้งสองเจอกัน ก็เหมือนกับเข็มที่เจอกับฟาง ภายนอกดูเหมือนว่าเขานั้นเป็นคนที่ไม่เข้าใจคนอื่น แต่ความเป็นจริงนั้นเป็นเธอที่ได้เริ่มไปหาเรื่องเขาก่อน เสี่ยวหย่าการที่พวกเราอยู่ด้วยกันนั้นมันก็เป็นอะไรที่พูดออกไปไม่ได้อยู่แล้ว เขาจะเกลียดเธอก็เป็นเรื่องที่ปกติ เธอจะไปหาเรื่องเขาทำให้ตัวเองลำบากไปทำไม?”
จิ่งเสี่ยวหย่าอึ้งไปเลย
ผู้ชายที่อยู่ต่อหน้าเธอคนนี้ ไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดเมื่อกี้จะออกมาจากปากของเขา
น้ำตาได้อยู่บนกรอบตา ได้ค้างอยู่ตรงนั้น
“พี่อาเจ๋อ พี่คิดว่า……ฉันเป็นคนที่จะไปหาเรื่องพี่สาวเอง?”
มู่ยั่นเจ๋อขมวดคิ้ว
อธิบายอย่างหมดหนทาง “ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันก็แค่อยากให้เธอหลบเขาหน่อย”
“ฉันจะไปหลบเขายังไง? หรือว่าต่อไปที่ที่มีจิ่งหนิงอยู่ ฉันไม่ต้องไปแล้ว? มู่ยั่นเจ๋อ พี่พูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง? ฉันรู้ว่าฉันทำผิดต่อเขา แต่ฉันก็พยายามที่จะชดเชยแล้ว พี่ยังไงให้ฉันทำอะไรอีก?
หรือว่าให้ฉันตายไปแล้วเขาถึงจะมีความสุข พี่ถึงจะพอใจ? ถ้าเป็นแบบนี้ พี่จะมายุ่งเกี่ยวกับฉันทำไม? พี่ชอบเขาขนาดนี้ ก็ไปอยู่กับเขาดีๆ ไม่ดีกว่าเหรอ?”
จิ่งเสี่ยวหย่าพูดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
สีหน้าของมู่ยั่นเจ๋อได้เปลี่ยน
ก็ได้รีบไปปิดปากของเธอ มองซ้ายมองขวา พูดออกไปเสียงเบาอย่างเร่งรีบว่า “เธอเสียงเบาหน่อย! ”
จิ่งเสี่ยวหย่าก็แค่ร้องไห้ น้อยใจจนพูดอะไรออกมาไม่ได้
มู่ยั่นเจ๋อเห็นเธอที่เป็นแบบนี้ ก็เริ่มที่จะสงสาร
ได้โอบเธอมากอด พูดปลอบว่า “ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันจะไปชอบเขาได้ยังไง? ในใจของฉันมีแค่เธอ ที่ได้พูดออกมาแบบนั้นก็แค่ไม่อยากให้พวกเธอนั้นได้เกิดเรื่องบาดหมางกันอีก
เธอก็รู้ว่าเธอมีนิสัยที่ยอมคน พวกเธอมีเรื่อง คนที่ขาดทุนก็เป็นเธอตลอด แบบนั้นฉันเป็นห่วงเธอมากเธอเข้าใจไหม?”
จิ่งเสี่ยวหย่าร้องไห้แล้วพูด “ฉันว่าพี่เป็นห่วงเธอมากกว่า”
“พูดอะไรแบบนั้น?”
มู่ยั่นเจ๋อได้พูดง้อเบาๆ “ฉันต้องเป็นห่วงเธออยู่แล้ว ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นว่าที่ภรรยาของฉันนะ ยังเป็นแม่ของลูกฉันอีก”
เขาพูดไป ก็ได้เอามือไปวางที่ท้องของเธอเบาๆ
จิ่งเสี่ยวหย่าก็ไม่ได้ที่จะโวยวายกับเขาจนตายกันไปข้าง พอถูกง้อแบบนั้น ก็ได้ไม่โวยวายต่อ
แต่แค่ความโกรธและอิจฉาที่อยู่ในใจนั้น ก็เหมือนกับภูเขาไฟที่กำลังระเบิด ได้ควบคุมไม่อยู่อีกต่อไป
ทำไมคนอย่างจิ่งหนิง?
ได้เลิกกันไปแล้ว ยังได้ครองหัวใจของผู้ชายคนนี้อยู่?
ทำไมเธอที่เสียสละมามากมายขนาดนี้ สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย?
แต่ว่าโชคดี
ผู้หญิงคนนั้นก็โง่พอควร ถึงขั้นที่จะคิดไปไกลได้ถึงขนาดนั้น
ขอให้เธอได้ต้นฉบับตัวจริงมา คืนนี้ ต่อให้เธอแก้ตัวยังไง ก็จะลบล้างความผิดที่ได้ลอกเลียนแบบผลงานไปไม่ได้!
คิดถึงตรงนี้ จิ่งเสี่ยวหย่าถึงได้แอบสูดหายใจเข้าลึกๆ ได้เอาความโกรธตรงหน้ากดลงไป
และอีกด้าน
ชั้นที่สิบสอง ห้องพักแขก
หร่วนเจียวเจียวได้ออกมาจะลิฟต์แบบลับๆ ล่อๆ เดินไปถึงห้องหนึ่งสองศูนย์หนึ่ง
เมื่อกี้เธอได้ถามที่เคาร์เตอร์แล้ว จิ่งหนิงได้พักอยู่ห้องนี้
คีย์การ์ดจิ่งเสี่ยวหย่าเรียกคนเอามาให้แล้ว เธอก็แค่เข้าไป แล้วก็ไปขโมยต้นฉบับในโน๊ตบุ๊คออกมาก็พอ
คิดแบบนั้น หร่วนเจียวเจียวก็ได้แตะคีย์การ์ดที่ประตูห้อง
ได้ยินเสียง “ติ้ด” ดังออกมาเบาๆ เปิดประตู
เธอดีใจ มองซ้ายมองขวา มั่นใจว่าไม่มีคนเห็น ถึงได้ก้าวเข้าไป
ในห้องมืดมาก
หร่วนเจียวเจียวไม่กล้าที่จะเปิดไฟ ได้เปิดไฟฉายที่โทรศัพท์ แล้วก็ค้นหาโน๊ตบุ๊ค เปิดเครื่อง
เปิดเครื่องต้องใช้เวลานิดหน่อย เธอได้อดทนรอ อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงที่เบามากๆ มาจากด้านหลัง
หร่วนเจียวเจียวตกใจ ก็ได้หันหน้าไปตามสัญชาตญาณ ร้องออกไป “ใคร?”
เห็นแต่ห้องที่มืดมิด ไม่มีอะไรเลย
สีหน้าของเธอก็เปลี่ยน ไม่รู้เพราะอะไร ใจเต้นเร็วมาก รู้สึกว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นตลอด
แต่เรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว ตอนนี้ขึ้นขี่เสือแล้วลงยาก ไหนๆ ก็มาแล้วจะกลับไปทั้งแบบนี้ไม่ได้ จะต้องเอาของกลับไปถึงจะถูก
พอคิดแบบนั้น หร่วนเจียวเจียวก็ได้สูดหายใจเข้าไป ให้ตัวเองมีความกล้าขึ้นมา แล้วก็หาต้นฉบับในโน๊ตบุ๊ตต่อ
โน๊ตบุ๊คที่จิ่งหนิงเอามา เป็นเครื่องที่เธอใช้ในบ้านตลอด
ข้างในมีเอกสารไม่มาก ไม่นาน หร่วนเจียวเจียวก็หาภาพที่เหมือนว่าเป็นงานออกแบบที่วาดด้วยมือเจอ
เธอดีใจเลยทันที ก็ได้รีบเอาUSBออกแล้ว แล้วก็ก๊อปงานเข้าไป
คิดไม่ถึง ในตอนนั้น
“แปะ! ”
ไฟในห้องอยู่ๆ ก็ถูกเปิดขึ้นมาทันที
เสียงที่เย็นของหญิงสาวได้ดังมาจากด้านหลัง
“เธอทำอะไรอยู่?”
หร่วนเจียวเจียวตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง หันกลับไปมอง ก็เห็นผู้หญิงที่อายุน้อยยืนอยู่ที่น่าประตู ไม่ใช่จิ่งหนิง เป็นหัวเหยา!
“เธอ เธอทำไมถึงอยู่ที่นี่?”
หัวเหยาหัวเราะอย่างเย็นชา
“นี่เป็นห้องของฉัน เธอว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?”
“ห้องของเธอ? นี่ไม่ใช่……”
เธอได้เบิกตาโต อยู่ๆ ก็รู้ถึงอะไรบางอย่าง ก็ได้มองหัวเหยาด้วยสายตาที่ไม่น่าเชื่อ
“พวกหลอกวางแผนหลอกฉัน! ”
“หึ! พึ่งมารู้ตอนนี้ สายไปแล้ว”
หร่วนเจียวเจียวเห็นว่าท่าทีไม่ดี ก็ได้ก้าวขาวิ่งออกไป
แต่พึ่งวิ่งไปถึงประตู ก็ได้ถูกบอดี้การ์ดที่มาดักอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกได้จับตัวไว้
หัวเหยามองเธออย่างเยือกเย็น มุมปากกระตุกขึ้น
“พอได้แล้ว อย่าเสียแรงเปล่าเลย ไหนๆ ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอจะมา ทำไมถึงจะไม่มีการเตรียมตัวอะไรล่ะ? ยอมแพ้แต่โดยดีเถอะ! ”
ห้องโถงหมุนเวียนชั้นสอง
ในงานเลี้ยงนั้นก็ยังมีบรรยากาศที่คึกคักเหมือนเดิม
ที่ทำให้จิ่งหนิงเซอร์ไพรส์ก็คือ คนที่มาในงานวันนี้นั้น นอกจากเศรษฐีในเมืองจิ้นแล้ว ขนาดนักออกแบบเสื้อผ้าที่เธอชอบมากๆ อย่างAmyก็มาด้วย
ได้ยินว่าAmyกับหลานสาวของผอ.เป็นเพื่อนกัน ครั้งนี้จริงๆ ก็แค่มาเที่ยวที่จีน แต่ก็ได้มาตรงกับงานเลี้ยงของโรงเรียนพอดี ก็เลยได้รับเชิญให้มางานจากหลานสาวของผอ.
สำหรับจิ่งหนิงแล้ว เป็นข่าวดีมากๆ อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่น่าเสียดาย ตั้งAmyโผล่มาในงาน รอบตัวก็ได้มีคนมาทำความสนิทสนมไม่หยุด จิ่งหนิงอยากจะเข้าไปทักทายมากๆ แต่กลับหาโอกาสได้สักที
เวลานี้ ก็ได้มีพนักงานรีบลงมาจากชั้นบน
เห็นว่าเขานั้นได้วิ่งไปหน้าผู้จัดการแล้วพูดอะไรบางอย่าง คนคนนั้นสีหน้าไปเปลี่ยน รีบออกไปทันที
จิ่งหนิงได้ยิ้มที่มุมปาก
ได้วางแก้วไวน์ในมือลง แล้วก็เดินไปที่ลิฟต์
“พี่”
เสียงของจิ่งเสี่ยวหย่าก็ได้ดังมาจากด้านหลัง
“พี่ งานเลี้ยงยังไม่จบเลย พี่จะไปแล้วเหรอ?”
จิ่งหนิงหันไปมองเธอ ยิ้มให้เหมือนไม่ยิ้ม
“ฉันเหนื่อยแล้ว อยากจะไปพักที่ห้อง มีปัญหาเหรอ?”
รอยยิ้มบนหน้าของจิ่งเสี่ยวหย่าได้ดูฝืนมาก
“ไม่มี ก็แค่ตอนนี้ยังเช้าอยู่ คืนนี้คนที่มีชื่อเสียงก็ได้มากันเยอะ พี่จะไม่อยู่เล่นต่ออีกหน่อยเหรอ?”