วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 727 พวกเธอหลอกลวง
“อะไรนะ”
ทันใดนั้น โม่หนานลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยความตกใจ
แล้วจิ่งหนิงก็พยายามอีกครั้ง ใช้แรงผลักไปที่ประตู และพบว่าเปิดไม่ออกจริงๆ ไม่ใช่เพราะเธอตาฝาด
ถึงหน้าเจื่อนไป แล้วหันหลังเดินกลับไป
“ตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างแย่ ฉันสงสัยว่า พวกเขาอาจจะรู้แล้วว่าตัวตนของเราไม่ง่ายอย่างที่เราพูดก่อนหน้านั้น ”
โม่หนานสีหน้ากระวนกระวายเล็กน้อย“แล้วจะทำอย่างไร”
จิ่งหนิงเม้นริมฝีปาก เงียบไปครู่หนึ่ง
“อย่าเพิ่งใจร้อน ดูก่อนว่าพวกเขาจะทำอะไรแล้วค่อยว่ากัน ถ้าไม่ไหวจริงๆ……….”
ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องแข็งเจอแข็งล่ะ
ไม่ว่าอย่างไร ในสถานการณ์ตอนนี้เธอกับโม่หนานจะแยกจากกันไม่ได้เด็ดขาด
ขณะที่คิด จิ่งหนิงก็นำแผ่นกระดาษที่วาดแผนที่บริเวณใกล้เคียงที่ซ่อนอยู่มุมกำแพงออกมา มองดูอย่างละเอียด จากนั้นเอากระดาษเก็บไว้ในตัว
เธอพูดอย่างเคร่งขรึม“คืนนี้เราออกไปไม่ได้แล้ว รอดูสถานการณ์พรุ่งนี้อีกครั้ง แกจำไว้นะ พรุ่งนี้ตื่นมาแต่เช้า เราก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าคืนนี้พวกเขาล็อกประตูจากข้างนอก ยังคงทำตัวเหมือนเช่นเคย หากเห็นว่าไม่ปกติ ถ้าไม่ได้จริงๆก็ทำให้พวกเขาสองคนสลบไปเลย มัดคนไว้ก่อน แล้วถ้าเราจะหนี ก็ค่อยว่ากันอีกที ”
โม่หนานรู้สึกกังวลเล็กน้อย“แต่ว่า ก่อนหน้านั้นแกบอกว่าไม่ได้ไม่ใช่หรือ คนทั้งหมดแถวนี้ล้วนจะช่วยพวกเขาตามล่าเรา ”
จิ่งหนิงถอนหายใจ“เมื่อก่อนคือเมื่อก่อน ตอนนี้คือตอนนี้ สถานการณ์ไม่เหมือนกัน เราก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว”
เธอพูดไป พร้อมกับเก็บสิ่งของที่พวกเธอจำเป็นต้องใช้หลายอย่างในยามปกติ
เก็บไปด้วยก็พูดไปด้วย“เมื่อก่อนคิดว่าอาจจะยื้อเวลาออกไปได้เล็กน้อย รอให้แกรักษาอาการบาดเจ็บให้หายดีบ้าง แต่ตอนนี้ดูไปแล้ว พวกเขารู้ตัวตนของเราแล้ว ”
“หากพวกเขากลัวตัวเองเดือดร้อน ก็จะกำจัดเราให้หลุดพ้นจากมือพวกเขาก่อนอย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็จะตกอยู่ในอันตราย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาพวกนั้นจะเกิดขึ้น เราจะต้องเตรียมการโดยเร็วที่สุด ”
โม่หนานฟังไป ก็พยักหน้าอย่างแรง
หลังจากเก็บข้าวของเสร็จแล้ว จิ่งหนิงถึงหายใจแรงๆออกมา
แล้วก็นำดอกไม้ที่เก็บมาเมื่อตอนกลางวัน ใช้สิ่งของบดให้เป็นผงรวมไว้ด้วยกัน จากนั้นให้โม่หนานหนึ่งห่อ ตัวเองเก็บไว้หนึ่งห่อเล็ก
เธอกล่าวว่า “ฉันก็ไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งของนี้มันจะมีประโยชน์หรือไม่ ไม่ว่าอย่างไรเตรียมตัวไว้ก่อน ถ้าไม่ได้ผลก็ให้ใช้แทนปูนขาวก็แล้วกัน”
โม่หนานพยักหน้า ทันใดนั้น ก็หยิบมีดเล็กเล่มหนึ่งออกมาจากใต้หมอนตัวเอง
จิ่งหนิงมองดูมีดเล็ก อย่างตกตะลึง
“แกไปได้จากที่ไหนมา”
โม่หนานกล่าวอย่างไม่แคร์ว่า“พกติดตัวตลอดเวลาอยู่แล้ว”
จิ่งหนิง“???”
“แกมีมีดเล่มหนึ่ง ฉันนอนกับแกมาตั้งนาน ทำไมฉันไม่รู้ ”
เมื่อโม่หนานได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ้ม“ซ่อนไว้ในที่ใกล้ตัวที่สุด แกจะเห็นได้อย่างไร มีดเล่มนี้เมื่อพับเก็บแล้วจะเล็กมาก หากกางออกใช้แทนกริชได้เลย ก่อนหน้านั้นฉันได้หาคนสั่งทำพิเศษขึ้นมา ปกติจะเหน็บไว้ที่เอว คนทั่วไปจะมองไม่เห็น”
จิ่งหนิงพยักหน้า
เมื่อมีอาวุธป้องกันตัวแล้ว ในใจเธอก็จะรู้สึกปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น
แล้วกล่าวกับโม่หนานว่า“พรุ่งนี้เราเห็นโอกาสก็ลงมือ ห้ามวู่วามเด็ดขาด”
โม่หนานพยักหน้า“อืม ฉันรู้แล้ว”
หลังจากทั้งสองปรึกษากันเสร็จแล้ว รู้ว่าเวลานี้ แม้จะกังวลไปก็ไม่มีประโยชน์ ทุกอย่างล้วนต้องรอฟ้าสว่างแล้วค่อยว่ากัน
ดังนั้น ก็นอนลงบนเตียงคุยกันสักพัก จากนั้นก็หลับไปด้วยกัน
ขณะเดียวกัน ที่ห้องนอนชั้นล่าง
ป้าสี่ยังนั่งอยู่บนหัวเตียง ใช้แสงสว่างสลัวจากตะเกียงน้ำมันก๊าดซ่อมแซมเสื้อผ้าอยู่ตรงนั้น
ลุงสี่ดูดไปป์ยาสูบไปด้วย แล้วเดินกลับไปกลับมาอยู่ในบ้าน
หลังจากเดินหลายรอบแล้ว ในที่สุดป้าสี่ก็อดไม่ได้ จึงเงยหน้ามองไปที่เขา แล้วกล่าวว่า“หยุดเดินได้แล้ว เดินจนฉันตาลายหมดแล้ว มองไม่เห็นรูเข็มแล้ว”
ลุงสี่หยุดเดิน มองดูเธอ แล้วถามด้วยเสียงเย็นชา“วันนี้เด็กผู้หญิงสองคนนี้มีอะไรผิดปกติไหม ”
ป้าสี่ก้มหน้าเย็บผ้าไปแล้วตอบไปด้วยว่า“จะมีอะไรผิดปกติได้ล่ะ ก็แค่คุณหนูพันชั่งในเมือง ในใจมีแต่เรื่องโรแมนติกรักๆใคร่ๆพวกนั้น ยังจะมีความผิดปกติอะไรได้อีก ”
ลุงสี่ครางอย่างเย็นชา
“แกอย่าถูกพวกเธอหลอกล่ะ ฉันจะบอกแกนะ พวกเธอไม่ใช่คนธรรมดาอย่างคุณหนูในเมืองอะไรหรอก”
เมื่อป้าสี่ได้ยินเช่นนั้น ก็ชะงักไปเล็กน้อย
เงยหน้า มองดูเขาอย่างไม่เข้าใจ
เห็นเพียงลุงสี่หลังจากพูดจบแล้ว ก็ดูดยาไปแล้วก็เดินไปมาในห้องอย่างกังวล
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงกล่าวว่า“วันนี้ในหมู่บ้านมีคนมา เป็นคนจากข้างนอก”
ป้าสี่ชะงักด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“ทำไมมีคนมาอีกแล้ว ใครหรือ”
“ฮึ่ม ยังจะเป็นคนอะไรได้ ”ลุงสี่ยิ้มเย็นชา“คนที่ตามหาพวกเธอไง”
ป้าสี่ประหลาดใจ
ถูกเข็มที่ติดอยู่ปลายนิ้วทิ่มเข้าโดยไม่ตั้งใจ ทันใดนั้นนิ้วมือรู้สึกเจ็บขึ้นมาทันที
เธอร้องเสียงเบา ยกนิ้วขึ้นใส่เข้าไปในปาก ดูดไปหนึ่งที หลังจากดูดเลือดออกแล้ว ถึงกล่าวว่า “ตามหากันเร็วเช่นนี้เลยหรือ”
ลุงสี่หันหน้ามองดูเธอ ด้วยสายตาที่ความหมายไม่ชัดเจน
“ไม่เพียงแต่เร็ว ยิ่งกว่านั้น คนพวกนั้นไม่ใช่คนธรรมดา แกรู้ไหมว่าบนตัวพวกเขาพกอะไรด้วย”
สีหน้าป้าสี่งุนงง “อะไรหรือ”
“ปืน”
“ฮ่ะ”
เธอหน้าซีดด้วยความกลัว และเสียงอุทานออกมา แล้วจับไปที่หน้าอกตัวเอง
สีหน้าของลุงสี่ก็ดูไม่ดี เดินไปมายิ่งกังวลมากขึ้น
“สองสาวนี้จะต้องไม่ได้พูดความจริงกับเราแน่นอน ผู้หญิงธรรมดาสองคน ทำไมถึงมีคนถือปืนมาหาพวกเธอ ไม่แน่ว่า พวกเธออาจจะเป็นสายลับจากสงครามแนวหน้า กว่าเราจะหาชีวิตสงบสุขได้มันไม่ง่ายเลย ห่างไกลจากสงคราม วันๆอยู่แต่ในหมู่บ้านนี้ จะให้คนมาทำลายสันติสุขแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว เราจำเป็นต้องรีบจัดการพวกเธอซะ ”
ป้าสี่เม้นริมฝีปาก แล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย
“จะจัดการอย่างไร คุณรับปากกับพวกซานม๋าจื่อแล้วไม่ใช่หรือ ว่าจะขายคนให้พวกเขา”
“ขายให้พวกเขาไม่ได้อีกแล้ว ”
ขณะที่ลุงสี่พูด ทันใดนั้นก็หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วก็กล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า“พวกเขาล้วนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน หากคนพวกนั้นตามมา เห็นพวกเธอ เมื่อถึงเวลาจะนำพาหายนะมาสู่หมู่บ้านได้ เราจำเป็นต้องคิดหาวิธีขายคนไปนอกพื้นที่ ”
ป้าสี่ขมวดคิ้ว
เธอเงยหน้า มองดูสามีตัวเอง เสนอความคิดเห็นอย่างกล้าหาญ
“ถ้าไม่อย่างนั้น…..เราปล่อยพวกเธอไปเถอะ อย่างนี้จะสามารถหลีกเลี่ยงความยุ่งยาก และก็สามารถ……..”
“พูดไร้สาระ”
ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกลุงสี่ตัดบทแล้ว
เขาหันไปมองดูเธอด้วยความโกรธเคืองเล็กน้อย “เนื้อที่ส่งถึงปากแล้ว ตอนนี้แกบอกให้ฉันปล่อยพวกเธอไปหรือ นั่นมันเงินหลายหมื่นหยวน เพียงพอสำหรับเราต้องหาหลายปีเลยนะ ปล่อยพวกเธอไปแล้วใครจะให้ชีวิตที่ดีอย่างนี้กับเราล่ะ”
เธอพึมพำเสียงเย็นชา “อีกอย่าง พวกเขาบุกเข้ามาเอง ไม่ใช่ฉันไปหลอกล่อหรือลักพาตัวพวกเธอมา ของดีที่ส่งมาถึงหน้าบ้านแล้วถ้าไม่เอาก็เสียฟรี เรื่องแบบนี้ จะปล่อยไปไม่ได้แน่นอน”