วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 657 ความรักอันลึกซึ้งของพ่อ
หัวเหยายังยืนอยู่ตรงนั้น เม้มปากเบา ๆ
เงียบไปสักพัก เธอก็พูดขึ้นว่า “พ่อคะ ช่วงสองปีที่ผ่านมา ฉันไม่ค่อยได้กลับมาเท่าไร พ่ออยู่นี่สบายดีไหม?”
พ่อหัวเหลือบมองเธอเล็กน้อย ก่อนจะตอบนิ่ง ๆ ว่า “ฉันสบายดีรึเปล่าแกมองดูก็รู้แล้ว ไม่ต้องมาถามฉันหรอก”
หัวเหยา “…………”
คำพูดนี้ดูไม่ค่อยลงลอยกันเท่าไร ไม่รู้ว่าไปหัดจากที่ไหนมา
เดิมทีเธอเองก็ทำใจมาเป็นเวลานาน ก่อนที่เธอจะกล้าคิดเข้ามาคุยกับพ่อแบบจริงจังเช่นนี้
แต่ตอนนี้พอ พ่อหัวดูมีท่าทีต่อต้าน บรรยากาศที่เคยอบอุ่นก็หายไปทันที
เธอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ รู้สึกปวดหัวไปหมด
หัวเหยาคิดไปคิดมา ก่อนจะเข้าไปนั่งลงตรงเก้าอี้ข้าง ๆ
เห็นได้ชัดว่าความอบอุ่นเหล่านั้น ใช้กับเธอและพ่อหัวไม่ได้ งั้นก็ช่างมันเถอะ ยังไงก็ใช้วิธีคุยกันแบบเดิม ๆ ดีกว่า
เมื่อคิดอย่างนี้ หัวเหยาก็มีท่าทีขึงขังขึ้นมาทันที
เธอมองไปที่พ่อหัวก่อนจะพูดขึ้นว่า “พ่อคะ ฉันขอพูดกับพ่อตรง ๆ นะ ฉันกับจี้หลินยวนก็แต่งงานกัน จนตอนนี้มีลูกโตขนาดนี้ ใบทะเบียนสมรสก็จดมากว่าสองปีแล้ว พ่อเปลี่ยนอคติในใจที่มีกับเรา แล้วหันมายอมรับการแต่งงานของพวกเราไม่ได้เหรอ?”
พ่อหัวชงชาไปพร้อมกับความเงียบ
“ฉันยอมหรือไม่ยอมรับ พวกแกก็แต่งงานกันแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วการที่ฉันยอมรับมันสำคัญมากขนาดนั้นเลยรึไง? ”
หัวเหยานิ่งไปอีกครั้ง
รู้สึกราวกับว่าผู้เฒ่าคนนี้เหมือนกินดินปืนเข้าไป จะพูดยังไงก็ดูติดไฟไปหมด
เธอจึงทำได้แค่ยอมแพ้ในการต่อต้าน
เลือกเอาสักทาง ถ้าจะระเบิดอารมณ์ก็ระเบิด เรื่องท่าทีนั้นไม่สำคัญแล้ว
เธอเลยพูดออกมาตรง ๆ ว่า “พ่อก็รู้ว่าการยอมรับของพ่อสำหรับฉันมันคืออะไร แล้วทำไมพ่อต้องใช้คำพูดแบบนี้มากระตุ้นฉันด้วย? ถ้าฉันไม่สนใจพ่อจริง ๆ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาฉันจะโทรกลับมาหาบ่อย ๆ แล้วหวังทุกคืนวันว่าพ่อจะยกโทษให้ฉันทำไมกัน?”
การชงชาของพ่อหัวชะงักไปเล็กน้อย
หลายปีมานี้ หัวเหยาโทรกลับมาบ่อยจริง ๆ
แต่ทุกครั้ง นอกจากว่าหลานชายจะอยู่และเขาได้ยินเสียงหลานเท่านั้น ไม่อย่างนั้น พ่อหัวก็จะไม่พูดคุยกับเธอเลย
การปฏิเสธที่จะสื่อสารแบบนี้ ทำให้เป็นการปิดกั้นทางที่หัวเหยาคิดจะคลี่คลายความสัมพันธ์ระหว่างสองพ่อลูกโดยสิ้นเชิง
หัวเหยาเองก็หมดหนทางจริง ๆ เพราะงั้นวันนี้ เธอเลยเลือกที่จะมาคุยต่อหน้า
พ่อหัววางมือจากการชงชา ก่อนจะเงยหน้ามองเธอ
สีหน้าที่จริงจังและเคร่งขรึม ซึ่งช่วงหลายปีนี้หัวเหยาไม่ได้เห็น
เธอตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วครู่ ราวกับว่าเวลาได้ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ที่พ่อของเธอนั่งอยู่ตรงนั้น แล้วคอยสั่งสอนเธอด้วยสีหน้าจริงจัง
ซึ่งภาพแบบนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว
เพราะช่วงที่เกิดสงครามเย็น พ่อหัวไม่เคยมาสั่งสอนเธอแบบนั้นอีกเลย
แค่คำพูดสักคำยังไม่อยากพูดกับเธอ แล้วจะมาสั่งสอนอะไรเธอได้ล่ะ?
ขอบตาของเธอร้อนขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะได้ยินพ่อหัวพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ในเมื่อแกอยากจะถามฉัน งั้นฉันก็จะตอบให้”
หัวเหยาพยักหน้าหลายที “พ่อพูดมาเลย”
น้ำเสียงของ พ่อหัวเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม แต่ก็ฟังออกว่า เขากำลังจริงจัง
“ฉันไม่เคยเห็นด้วยเรื่องแกกับจี้หลินยวน เขาเป็นคนของตระกูลจิ้นภูมิหลังของตระกูลจิ้น เป็นแบบไหน ฉันเชื่อว่าแกก็รู้ดี”
“เหยาเหยาบนโลกใบนี้ มีความมืดและความวุ่นวายมากเกินไป มันเป็นสิ่งที่แกไม่เคยสัมผัสมาก่อน และแกเองก็ไม่อาจจะจินตนาการ ฉันไม่ต้องการให้แกเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ที่มืดมิดเหล่านั้น”
“ถ้าอยู่ที่เมืองจิ้น ไม่ว่าแกจะแต่งงานกับใคร หรือจะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต ฉันหัวตงเซิ่งยังไงก็เลี้ยงแกได้ตลอด แต่แกก็ยังจะไปแต่งงานกับเขา ตามเขาไปประเทศ F แกเคยย้อนกลับมาคิดเรื่องนี้บ้างไหม?”
“ในอนาคตถ้าสมมติแกถูกคนอื่นรังแก หรือถ้าเจออันตราย ถ้าเขาทำให้แกเสียใจทีหลัง แกจะมีทางให้ถอยกลับไหม ทางที่จะถอยกลับของแกมันอยู่ที่ไหน?”
“เหยาเหยาการแต่งงานคือเรื่องใหญ่ในชีวิตคนเรา ฉันอยากให้แกรอบคอบกว่านี้ แต่ฉันรู้ดีว่าตอนนี้ต่อให้พูดอะไรไปมันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”
“แกตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะตามเขาไป พอเป็นแบบนี้ ฉันก็หมดคำจะพูด ก็หวังแค่ว่าแกจะมีความสุขกับการแต่งงาน! ต่อไปในอนาคตตอนที่ฉันไม่อยู่ ก็หวังว่าแกจะไม่เสียใจกับทางที่แกเลือกก็แล้วกัน”
หลังจากที่หัวเหยาฟังจบ เธอก็นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างมึนงง
ราวกับว่าหัวใจของเธอได้รับการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
หัวตงเซิ่งไม่ได้พูดอะไรต่อ คำพูดเหล่านี้ เขาเก็บเอาไว้ในใจมาเป็นเวลานาน จริง ๆ ก็อยากจะพูดออกไปนานแล้ว
พอตอนนี้ได้พูดออกมา ก็รู้สึกผ่อนคลายเป็นธรรมดา
เพราะงั้น พอเขาพูดจบ เขาก็ลงมือชงชาต่อ
ทันใดนั้น หัวเหยาก็พุ่งเข้ามากอดเขา
เธอพูดพร้อมกับเสียงที่สั่นเครือว่า “พ่อ…….”
ร่างกายของ หัวตงเซิ่งแข็งทื่อ
กี่ปีมาแล้ว?
หลังจากที่ลูกสาวเริ่มโต กี่ปีแล้วที่เธอไม่ได้กอดเขาแบบนี้?
แม่ของหัวเหยานั้นจากไปเร็ว หลายปีมานี้ หัวตงเซิ่งต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ เลี้ยงดูสองพี่น้องคู่นี้มาจนโต
ในความคิดเขา หัวเหยาคืออัญมณีชิ้นหนึ่งในมือ
ขอแค่ให้เธอมีความสุข ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ตราบใดที่มันไม่เป็นอันตราย เขาก็พร้อมจะยอมเสมอ
เพราะงั้น ต่อให้เขาไม่เห็นด้วยเรื่องที่เธอจะเข้าวงการบันเทิงในตอนแรก แต่เพราะเธอชอบการแสดง สุดท้ายเขาก็ยอมให้เธอเข้า
ลงทุนจนสุดทางในการเปิดบริษัทบันเทิง สร้างแพลตฟอร์มวิดีโอต่าง ๆ เพื่อคุ้มกันเธอ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าลมหรือฝนจะแรงแค่ไหน เขาก็ไม่เคยปล่อยให้เธอเปียกเลย
แต่หัวเหยาเองก็ประพฤติตัวดีอยู่เสมอ
แม้บางครั้งจะเอาแต่ใจตัวเองไปบ้าง แต่ก็จะมีขอบเขตตลอด ไม่เคยไม่มีเหตุผลเลย
แต่ทั้งหมดนี้ ก็พังทลายลง ตั้งแต่ที่จี้หลินยวนเข้ามา
เธอตกหลุมรักคนที่ทำให้พ่อของเธอ หมดหนทางที่จะรับมือและเข้าใจได้
เป็นโลกอีกใบหนึ่งที่ทั้งวุ่นวายและห่างไกล เขาส่งคนไปตรวจสอบจี้หลินยวน รู้ว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาผ่านอะไรมาบ้าง แล้วยังรู้อีกว่าเขาไม่ใช่เด็กยากจนที่เคยไล่ตามจีบหัวเหยาคนนั้น
และด้วยเหตุนี้เอง ทำให้มันยิ่งดูน่าเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก
หัวตงเซิ่งใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้มาหลายสิบปี ทำให้ หัวซื่อกรุ๊ปเติบโตขึ้นมากับมือ ระหว่างทางผ่านความยากลำบากมานับไม่ถ้วน
เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร ว่าการเป็นลูกชายนอกสมรสของตระกูลจิ้น ฐานะของจี้หลินยวนหมายถึงอะไร?
ในฐานะพ่อ เขาไม่ชอบจี้หลินยวน และยิ่งไม่ชอบพลังอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเขาด้วย
แม้ว่านักธุรกิจจะอยากได้กำไรสูง ๆ รวมถึงมีด้านมืดในการทำธุรกิจ แต่ก็มักจะดำเนินการตามกฎและข้อบังคับอยู่
แต่ตระกูลจิ้นไม่เหมือนกัน
เท่าที่เขารู้ ตระกูลจิ้นมีธุรกิจผิดกฎหมายมากมายอยู่ในประเทศ F และแถบจินซาน มือของพวกเขาเปื้อนเลือดและเต็มไปด้วยความมืด พวกที่ทำธุรกิจแบบสุจริตไม่มีทางมองออกได้ และยิ่งไม่มีทางเข้าร่วมได้ด้วย
เพราะงั้นเขาก็เลยต่อต้านการคบกันของหัวเหยาและจี้หลินยวน
แต่ตอนนี้ เรื่องทั้งหมดที่พูด ก็ดูเหมือนจะสายเกินไปแล้ว
พอคิดได้แบบนี้ หัวตงเซิ่งก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งที
เขาเอื้อมมือออกไปตบหลังลูกสาวเบา ๆ ก่อนจะกระซิบว่า “ก่อนที่แม่จะจากไป พ่อสัญญาไว้แล้ว ว่าจะดูแลพวกลูกสองพี่น้องอย่างดี โดยเฉพาะลูก”
“แต่ในความเป็นจริง พ่อก็ทำไม่ได้ พ่อไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมุมมองความรักของลูกได้”