วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 595 เธอดีใจมาก
บทที่ 595 เธอดีใจมาก
สองวันหลังจากนั้น หมอแจ้งว่า แม่ถังได้พ้นขีดอันตรายแล้ว
การผ่าตัดถือว่าลุล่วงไปได้ด้วยดี
ถังลั่วเหยาดีใจมาก แม้ว่าตอนนี้ร่างกายของแม่ถังยังคงอ่อนแอ เพียงต้องดูแลรักษาดีๆ ระยะเวลาฟื้นตัวก็ไม่ใช่ปัญหา
ทางด้านกองถ่ายเธอเสียเวลามามากแล้ว จะยื้อต่อไปอีกไม่ได้
เพราะเหตุนี้ แม่ถังฟื้นมาในวันที่สอง ถังลั่วเหยาจึงกลับไปที่กองถ่าย
วันแรกที่เธอกลับมา กองละครตั้งใจมอบของขวัญเนื่องในโอกาสที่การผ่าตัดของแม่ถังสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี โดยการหยุดถ่ายทำและไปเลี้ยงฉลองในคืนนั้น
ถังลั่วเหยารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก มองดูใบหน้ายินดีของพวกเขา หัวใจที่รู้สึกราวกับถูกแช่แข็งอยู่นาน ตอนนี้มันอบอุ่นขึ้นมาแล้ว
คืนนั้น เธอดื่มไปไม่น้อย
ทั้งดีใจ ทั้งรู้สึกผ่อนคลาย
หลายปีมานี้ เธอพยายามมาตลอด มีเรื่องมากมาย แต่ส่วนใหญ่คือกังวลกับสุขภาพของแม่ถัง
ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว การผ่าตัดสำเร็จแล้ว ร่างกายของแม่เองก็ค่อยๆ ฟื้นตัว
แม้จะแบกรับเรื่องราวใหญ่โต แต่ก็รู้สึกเหมือนวางก้อนหินลงแล้ว แน่นอนว่าเธอดีใจ
ทุกคนดื่มจนถึงรุ่งเช้าค่อยแยกย้าย
เพราะดื่มเยอะเกินไป จึง-ไม่มีใครต้องไปส่งใครแล้ว
เสี่ยวฉิงเพราะต้องดูแลถังลั่วเหยา เธอจึงไม่ได้ดื่มแม้แต่น้อย
รอจนงานเลี้ยงจบลงแล้ว ค่อยกลับมารับเธอกลับโรงแรม
และในตอนนั้นเอง ก็มองเห็นเซ่เซียวอยู่ไม่ไกล เดินโซเซเข้ามาหา
“คัง คังลั่ว เหยา”
คืนนี้เซ่เซียวเองก็ดื่มไปเยอะมาก ทั้งที่จริงเป็นงานของถังลั่วเหยา แต่เหมือนเขาจะดื่มไปเยอะกว่าถังลั่วเหยาด้วยซ้ำ
เหมือนว่าเขาดื่มกับทุกคนอยู่ตลอดทั้งคืน ถ้าไม่รู้ก็คงคิดว่าเป็นสมาชิกในครอบครัว
แต่เพราะเดิมเซ่เซียวก็เป็นคนร่าเริงเข้ากับคนง่ายอยู่แล้ว ทุกคนจึงคิดว่าเขาดีใจ ไม่ได้คิดอะไรมาก
ตอนนี้เขามองเห็นถังลั่วเหยา วิ่งเข้ามาหาถังลั่วเหยา ไม่สนใจผู้จัดการ
“ที่แท้เธอก็ยังไม่ไป ฉันนึกว่าเธอไปตั้งนานแล้ว”
เสี่ยวฉิงมองเซ่เซียว เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“พี่เซียว ยังไม่กลับเหรอคะ”
เซ่เซียวหน้าแดง โบกมือ
ร่างกายแทบยืนไม่อยู่แล้ว แต่ยังคงฝืนว่าไม่เมา
“ฉัน ฉันรอเหยาเหยา หึหึ…”
เขาพูด พลางมองมาที่ถังลั่วเหยา ยิ้มราวกับคนบ้า
“เหยาเหยา ยินดีด้วยนะ ยินดีกับคุณป้าที่ทำการผ่าตัดสำเร็จด้วย”
แม้ครั้งนี้ถังลั่วเหยาจะไม่ได้เมาจนไร้สติเหมือนครั้งก่อน แต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมาก
เธอมึนไปหมด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเซ่เซียวพูดอะไร
ทำได้เพียงมองผ่านสายตาพร่าเบลอ ดูปากเขาว่าเขาพูดอย่างไร
เธอขมวดคิ้ว เดินโซเซเข้าไปหา “พี่ว่าอะไรนะคะ”
เซ่เซียวเห็นดังนั้นจึงโน้มตัวเข้ามา กระซิบอยู่ข้างหู “ฉันบอกว่า ยินดีด้วย”
ครั้งนี้ ถังลั่วเหยาได้ยินชัดแล้ว
เธอหัวเราะออกมา ร่างกายพิงอยู่ที่เสี่ยวฉิง สองมือยกขึ้นประสาน “ขอคุณท่านพี่เซียว”
เซ่เซียวมองท่าทางของเธอ เดินเซเข้ามา
“ไม่ถูก ท่าทางของเธอไม่ถูก ผู้หญิงต้องย่อตัว”
ครั้งนี้ทั้งคู่ทำการแสดงละครย้อนยุค เข้าบทบาทพระราชาและนางสนม สืบสวนสอบสวน เพราะละครย้อนยุคนั้นมีหลายประเภทและมีมารยาทมากมาย
ถังลั่วเหยาได้ยินดังนั้น ปัดมือเขาออก
“ไม่ ฉันไม่ผิด”
เธอสะอึก บอก “พี่ลืมไปแล้วเหรอ ความจริงฉันเป็นพระราชา พี่ พี่เป็นนางสนมของฉัน ดังนั้น พี่ต่างหากที่ต้องย่อตัวถึงจะถูก”
เซ่เซียวได้ยินเธอบอกแบบนั้น ก็ไม่ได้โต้แย้ง
ยังหัวเราะและย่อตัวให้เธอ “พระราชาทรงพระเจริญ”
ถังลั่วเหยาหัวเราะ สะบัดมือ “ลุกขึ้น”
คนเมาทั้งสอง เล่นกันอยู่ตรงนั้น จนเสี่ยวฉิงและผู้ช่วยของเซ่เซียวนั้นจะร้องไห้ก็ไม่ใช่ หัวเราะก็ไม่ถูก
พูดไม่ออก
เกิดมีคนมาถ่ายภาพทั้งสองในสภาพนี้ได้ เกรงว่าจะมีข่าวไม่ดีออกไป
เสี่ยวฉิงพยุงถังลั่วเหยาแล้วบอก “พี่ลั่วเหยา นี่ก็ดึกมากแล้ว เรากลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
ถังลั่วเหยาหัวเราะ บอก “งั้น ก็ได้”
พูดพลางหันกลับไปแสดงท่าทางเคารพเซ่เซียว
“นางสนม เธอกลับไปเถอะ”
เซ่เซียวเทพจะคุกเข่าถอยออกไป ผู้ช่วยที่ตกใจจนหน้าซีดรีบเข้ามาช่วยพยุง
ผู้ช่วยมองลั่วเหยาท่าทางกระอักกระอ่วน “พี่ลั่วเหยา งั้นผมพาพี่เซียวไปก่อนนะครับ”
พูดจบก็พาเซ่เซียวรีบเดินออกไป ไม่สนใจปฏิกิริยาของเขา
ถังลั่วเหยาไม่เข้าใจ ตอนที่โดนเสี่ยวฉิงพยุงเดินออกไป ยังบ่นด้วยท่าทางไม่พอใจ
“เสี่ยวฉิง ทำไมตงเซิงแค่เห็นฉันเขาก็หนีแล้วล่ะ เขาไม่ชอบฉันหรือเปล่า”
ขมับของเสี่ยวฉิงเหงื่อแทบตก คิดในใจ ท่าทางพี่ต่อเซ่เซียวเมื่อสักครู่ เขาไม่รีบพาหนีได้เหรอ
แต่ว่าเธอรู้ว่าตอนนี้ถังลั่วเหยาไม่มีสติ ดังนั้นจึงคร้านจะอธิบาย
พยุงเธอ เดินออกจากร้านอาหาร ไม่คิดว่าจะเห็นร่างคุณตายืนอยู่ไม่ไกล
“คุณ คุณชายรองเฟิง”
เสี่ยวฉิงตะโกนด้วยความตกใจ
ถังลั่วเหยาได้ยินชื่อนั้น จึงพยายามลืมตาขึ้นมา
และยังไม่ทันได้มองชัด ก็สัมผัสได้ถึงไอเยือกเย็นที่แผ่ออกมา
ต่อมา ร่างกายเหมือนถูกดึงไปจากเสี่ยวฉิง เข้าปะทะกับอ้อมกอดอบอุ่น
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผม คุณกลับไปเถอะ”
เสี่ยวฉิงตกใจ ไม่รู้จะทำอย่างไร
“แต่ว่าพรุ่งนี้พี่ลั่วเหยามี…”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมพากลับมาส่ง”
เฟิงยี่พูดจบ ไม่รอให้เธอโต้แย้ง ก็อุ้มถังลั่วเหยาขึ้นแล้วพาออกไป
เสี่ยวฉิงยืนอยู่ตรงนั้น คล้ายกับร้องไห้ไร้น้ำตาอยู่แบบนั้น
ตามก็ไม่ได้ ไม่ตามก็ไม่ได้ สุดท้าย จึงได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ หวังว่าคืนนี้ถังลั่วเหยาจะปลอดภัย จากนั้นค่อยกลับโรงแรม
อีกด้าน บนรถ
ถังลั่วเหยาสะลึมสะลือ รู้สึกว่าตัวเองมาถึงในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย
ด้านหลังเป็นแผ่นอกอบอุ่น กลิ่นที่คุ้นเคย แต่เธอนึกไม่ออกว่าเคยได้กลิ่นมาจากไหน
“อื้อ…ไม่ไหวแล้ว”
เมื่อดื่มมากๆ แล้วมานั่งรถ มักทำให้รู้สึกไม่ดี
เฟิงยี่เห็นอาการเมามายของเธอ เพราะรู้สึกไม่สบาย คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ดวงตาเข้มขึ้น
ช่วยเธอลูบหลัง บอก “ทนอีกนิด เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
สิบนาทีต่อมา รถมาหยุดลงที่เพ้นเฮ้าส์หลังหนึ่ง
เฟิงยี่อุ้มถังลั่วเหยาลงจากรถ เดินเข้าไป วางเธอลงแล้วกดรหัสผ่าน จึงสามารถเข้าไปได้
เพ้นเฮ้าส์แห่งนี้ไม่นับว่าใหญ่ แต่ตกแต่งงดงาม มีรองเท้าแตะสำหรับผู้ชายและผู้หญิงวางอยู่ทางเข้า แจกันมีดอกไม้เสียบอยู่ มีชีวิตชีวา