วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 395 ตระกูลลึกลับ
บทที่ 395 ตระกูลลึกลับ
โทรศัพท์นั้นถูกเปิดลำโพงมาโดยตลอด ทำให้จิ่งหนิงเองก็ได้ยินทุกคำพูดของเฟิงยี่
ที่จริงแล้วเธอนั้นก็ค่อนข้างสนใจเกี่ยวกับองค์กรของจื่อจินกรุ๊ปมาโดยตลอด เพียงแค่เมื่อก่อนนั้นไม่มีโอกาสจะได้สัมผัส และเมื่อในตอนนี้เธอได้ยินแบบนั้น แน่นอนว่าเธอจะต้องอยากไป
เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ตามที่เธอเข้าใจก็คือ สัญลักษณ์ของจื่อจินกรุ๊ปนั้นคือดอกไม้สีม่วง ไม่รู้ว่าพวกเขานั้นเกี่ยวข้องกับการตายของตาKหรือเปล่า
เธอเหลือบตาไปมองที่ลู่จิ่งเซิน เมื่อลู่จิ่งเซินเห็นเช่นนั้นก็ตอบตกลง
ในวันที่สองงานประมูลระหว่างประเทศก็ได้ถูกจัดขึ้น
เนื่องจากเป็นงานที่มีความสำคัญ จิ่งหนิงจึงสวมใส่ชุดราตรีสุภาพสีเข้ม ผมของเธอก็ยังมีการจัดแต่งทรงผม เมื่อได้มองแล้วก็งดงามเรียบร้อย
ส่วนลู่จิ่งเซินนั้นก็สวมใส่ชุดสูทสีขาว ชายผมสั้นดูเรียบร้อยในชุดสูท เมื่อเทียบกับความละเอียดอ่อนของเฟิงยี่แล้วนั้น ลู่จิ่งเซินดูเป็นคนที่นิ่งและเย็นชา น่าเกรงขาม จนทำให้ผู้อื่นนั้นเกิดความยำเกรง
จิ่งหนิงจับมือของเขา ผู้คนมากมายก็ต่างมาตามเวลาที่นัดหมาย
ณ ประตูทางเข้าก็ระบบรักษาความปลอดภัยที่หนาแน่น ต้องเป็นคนที่มีการ์ดเชิญเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปได้
แน่นอนว่าสี่ตระกูลใหญ่ก็มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าไป ลู่จิ่งเซินก็เช่นกัน หลังจากที่ผ่านระบบจุดรักษาความปลอดภัย ก็เดินเข้าไปที่ห้องนิทรรศการขนาดใหญ่ ข้างในมีคนไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ใช่เพียงแค่ประเทศHเท่านั้น แต่ยังมีประเทศอื่นๆอีกด้วย
เมื่อจิ่งหนิงได้เห็นหน้าผู้คนที่มาจากนานาประเทศจากในข่าว เธอก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
มันทำให้เธอนั้นเกิดความสงสัยในตระกูลจื่อจินมากกว่าเดิม
ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกเยอะกว่าที่งานประมูลจะเริ่ม
จากนั้นทั้งสามคนก็หาที่นั่ง
จิ่งหนิงด้วยความสงสัยจึงอดที่จะถามออกไม่ได้ “เบื้องหลังของตระกูลจื่อจินเป็นมาอย่างไรเหรอคะ?ทำไมสามารถรวมตัวของบุคคลสำคัญจากนานาประเทศมาได้มากมายขนาดนี้”
เฟิงยี่ยิ้มออกมา “นี่พี่ยังไม่รู้จริงๆเหรอเนี่ย!พี่เคยได้ยินชื่อตระกูลจูเก่อไหม?”
จิ่งหนิงตกตะลึง “นั่นมันนามสกุลของราชวงศ์ที่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่นั่นแหละ”
จิ่งหนิงนิ่งอึ้งอยู่อย่างนั้น
ลู่จิ่งเซินลูบที่ผมของเธอ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ตระกูลจื่อจินก็คือรุ่นหลังของตระกูลจูเก่อ หลังจากที่ล่มสลายไปสมาชิกของตระกูลจูเก่อก็กระจายไปทั่วมุมโลก และก่อตั้งเป็นองค์กรจื่อจินกรุ๊ป ก็คือตระกูลจื่อจินในปัจจุบัน”
จิ่งหนิงสงสัย “แต่ในหนังสือก็ได้บันทึกเอาไว้ว่าสมาชิกของตระกูลจูเก่อนั้นเสียชีวิตทั้งหมดหลังจากที่จักรพรรดิสิ้นพระชนม์ไม่ใช่เหรอคะ?”
ประวัติศาสตร์ของประเทศHนั้นเป็นสงครามนองเลือด ในตอนนั้นราชวงศ์ตอนต้นและตอนปลายอ่อนแอมาก ทำให้ถูกคนต่างชาติรุกราน จนทำให้สุดท้ายต้องล่มสลายไป ตามที่หนังสือประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้นั้นทุกคนต่างก็ได้รับความทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก
ก่อนที่ราชวงศ์จะล่มสลายนั้น เป็นช่วงสงครามของขุนศึกซึ่งมีความยุ่งเหยิงและชุลมุนเป็นอย่างมาก ทั้งประเทศถูกแบ่งออกเป็นเสี่ยงๆ
หลังจากนั้นมีวีรบุรุษคนหนึ่งเกิดมาได้นำพาพี่น้องออกจากความอลหม่านในครั้งนี้และก่อตั้งเป็นประเทศที่รุ่งเรืองมั่นคง
เมื่อคิดๆดูนั้นถึงแม้ว่าประเทศจะถูกก่อตั้งขึ้นมาได้ไม่กี่สิบปี แต่เนื่องจากความวุ่นวายในช่วงกลางศตวรรษ ดังนั้นราชวงศ์นี้จึงมีอายุนานหลายร้อยปี
ลู่จิ่งเซินอธิบาย “หนังสือประวัติศาสตร์ไม่ได้บอกความจริงในทุกอย่าง เพราะในความเป็นจริงนั้นช่วงสุดท้ายของปี ผู้อำนาจก็ต่างรู้สึกว่าจักรวรรดิมีความล่อแหลม
พวกเขาเคยหาวิธีการที่จะปฏิวัติในหลายครั้ง ตึกใหญ่มากมายทลายลง ไม่สามารถที่จะซ่อมแซมหรือดึงกลับมาด้วยอำนาจของคนๆเดียว ดังนั้นจึงส่งกลุ่มคนออกไปพร้อมกับจักรพรรดิเพื่อรักษาสมบัติจำนวนมากมาย
กลุ่มคนเหล่านั้นก็เป็นแผนการลับ แทบจะไม่มีคนรู้เรื่องนี้เลย และในไม่ช้าผู้ปกครองก็ประกาศถึงการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิองค์น้อย
ต่อมาเหล่าขุนศึกก็ตกอยู่ในความโกลาหล มีข่าวลือออกมาว่าจักรพรรดิองค์น้อยนั้นไม่ได้ตาย แต่แค่หนีออกไปอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ในช่วงเวลานั้นมีข่าวโคมลอยออกมามากมาย ทำให้ไม่มีใครสนใจข่าวนี้ ดังนั้นสายเลือดนี้จึงถูกรักษาเอาไว้”
เมื่อจิ่งหนิงได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกตกใจเกินคำบรรยาย
และรู้สึกว่ามุมมองโลกทัศน์ของเธอนั้นถูกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“แล้วตอนนั้นพวกเขาหนีไปอยู่ที่ไหนกันคะ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”ลู่จิ่งเซินส่ายหัว “แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ที่ไหนปลอดภัยที่สุดก็คงไปที่นั่น ในตอนนั้นมีคนแนะนำให้พวกเขาหนีไปที่สามเหลี่ยมทองคำ แต่ก็ไม่ได้รับการรับการยืนยันว่าคนเหล่านั้นรอดชีวิตมาได้อย่างไร และตอนนี้ก็ได้ก่อตั้งตระกูลตระกูลจื่อจินที่แข็งแกร่งขึ้นมา ในปัจจุบันนี้ตระกูลจื่อจินเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของทั้งโลก กลายเป็นหนึ่งในสามตระกูลที่ใหญ่สุดที่โลก ไม่มีกล้าดูถูกหรือต่อสู้กับพวกเขาอีกต่อไป”
จิ่งหนิงอ้าปากค้าง “ในตอนนั้นเผชิญกับภัยพิบัติมากมายจนต้องหอบสมบัติและเสบียงหนีไปด้วย ตอนนี้ก็ขุดขึ้นมาอีกมันเป็นอย่างไรล่ะคะ? พูดตรงๆนะคะ ถ้าเอาเงินไปลงทุนการต่อต้านสงคราม ไม่แน่ก็อาจจะไม่แพ้ง่ายๆแบบนี้ก็ได้นะคะ”
เฟิงยี่อดไม่ได้ที่จะต้องแทรกขึ้นมา“พี่พูดผิดไปแล้ว ตอนนั้นสถานการณ์เป็นแบบนั้น เอาเงินไปลงทุนแบบนั้นมันก็เสียเปล่าๆ สู้เอามารักษาตัวเองไว้จะดีกว่า สำนวนโบราณกล่าวไว้ว่า ให้ตายดีกว่าอยู่อย่างเกียจคร้าน พี่รองคิดว่าใช่ไหม?”
ลู่จิ่งเซินไม่ได้พูดอะไร จิ่งหนิงเปลือกตามองบน
“เฟิงยี่ คนอย่างเธอ ถ้าหากว่าประเทศได้รับความลำบากจริงๆ นายคงเป็นคนแรกที่ทรยศ”
เฟิงนี่ทำปากจู๋ด้วยท่าทางที่ไม่ยอมรับ
“พูดก็พูดไปเถอะ?ฉันจะไปทรยศได้ยังไงล่ะ? ไม่รู้เหรอว่าฉันนั้นช่วยให้ประเทศของเรามีGDPเพิ่มขึ้นตั้งเท่าไหร่แล้ว”
จิ่งหนิงหรี่ตามองแล้วพูดว่า“มันถูกสร้างขึ้นโดยนายงั้นเหรอ?ได้ข่าวมาว่าGDPของเฟิงซื่อกรุ๊ปเป็นพี่ชายของนายทำนะ !ลูกคนสุดท้องเป็นคนเทเงินทิ้งไม่หรือเปล่านะ”
เฟิงยี่หน้าแดงก่ำ ชี้ไปทางจิ่งหนิง โดยที่ไม่สามารถพูดโต้แย้งอะไรได้
ในที่สุด ก็ทำได้เพียงแค่ส่งเสียงแข็งๆออกมา “ฉันไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่เคยเห็นมาหรอกนะ”
จิ่งหนิงทำหน้าล้อเลียนใส่เขา
เฟิงยี่พูดว่า “พี่รอง ช่วยจัดการผู้หญิงของพี่ด้วย เธอทำให้ฉันโกรธจะแย่แล้ว”
ลู่จิ่งเซินยิ้มออกมา ฝ่ามืออันใหญ่ของเขาลูบไปที่หัวของจิ่งหนิง จากนั้นก็พูดออกมาเบาๆ “ทำได้ดีมากเลย”
เฟิงยี่“……”
โอ้ยๆๆๆๆๆ! ใครเป็นคนบอกให้เขาเรียกทั้งสองคนมาพร้อมกันวันนี้
เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มโกรธจิ่งหนิงก็ไม่หยอกล้อเขาอีก ตอนนี้ทุกคนเริ่มตั้งใจรอคอยพิธีเปิดการประมูล
เพราะคนที่มาจากนานาประเทศนั้นมีจำนวนมาก และในสถานที่ก็มีการนั่งตามลำดับหมายเลข
จิ่งหนิงและพวกเขานั้นได้นั่งแถวที่สอง คนที่เหลือนั้นก็นั่งที่ด้านหลัง ไม่นานนักพิธีเปิดก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
มีการจัดแสดงสมบัติที่หายากหลายชิ้น มีทั้งวัตถุโบราณและเครื่องประดับมากมายหลายชิ้น ทุกชิ้นนั้นหาได้ยากมากจริงๆ
สมบัติเหล่านี้ไม่สามารถที่จะประเมินมูลค่าได้ ได้ยินมาว่าในหนึ่งปีจะมีการจัดขึ้นเพียงแค่สี่ครั้งเท่านั้น ที่จริงเป็นเพราะสมบัติเหล่านี้ส่วนใหญ่จะถูกนำออกมาจากพระราชวังฤดูร้อน
แม้ว่าตระกูลจูเก่อจะเป็นเรื่องของราชวงศ์ก่อนหน้านี้ แต่ตระกูลจื่อจินในปัจจุบันก็ยังคงมีความรู้สึกต่อแผ่นดินจีน เพราะอย่างนั้นการจัดงานประมูลจึงถูกจัดขึ้นในประเทศจีนของทุกๆสี่ปี
จิ้งหนิงตกอยู่ในภวังค์และจ้องมองอย่างตั้งใจ เฟิงยี่เข้ามาใกล้ๆและพูดว่า “พี่สะใภ้ เดี๋ยวจะมีการประมูลสมบัติส่วนตัว ถ้าพี่ชอบชิ้นไหน ก็ให้พี่รองประมูลให้นะ”