วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 38 เคยมีชื่อเสียง
บทที่ 38 เคยมีชื่อเสียง
พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ผู้หญิงตัวเล็กของเขาฉลาดมา แค่นิดเดียวก็ดูออกทุกอย่าง
จิ่งหนิงจิบชาจากถ้วย และพูดเสียงเรียบๆว่า: “ก่อนอื่นคุณต้องหาคนที่จะช่วยคุณสืบหาปัญหานี้ อย่างอื่นฉันจะหาวิธีช่วยจัดการให้คุณเอง”
เซ่เซียวพยักหน้า
จากที่จิ่งหนิงเตือน เขาก็นึกได้ถึงความเหม็นคาวของเรื่องนี้ จึงรีบโทรหาผู้จัดการของเขา และขอให้ช่วยเขาตรวจสอบถึงปัญหานี้
หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ ทางจิ่งหนิงก็พูดต่อ: “ต่อไปฉันจะพูดถึงแผนฉันสักหน่อย พวกคุณก็ดูว่ามีอะไรที่ต้องการแก้ไขหรือเพิ่มเติมหรือไม่ก็แล้วกัน”
เซ่เซียวพยักหน้าตอบรับ “ได้ คุณพูดเลย”
จิ่งหนิงก็พูดถึงแผนการที่วาดไว้ให้พวกเขาสองคนฟัง และทั้งสองก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง
เซ่เซียวมีความสุขมาก เหมือนกับว่าเขาได้พบฟางช่วยชีวิตเขาไว้
หลังจากที่คดีนี้ล่าช้ามาครึ่งเดือนแล้ว และยังไม่พบวิธีแก้ปัญหาที่เป็นไปได้
ตอนนี้แม้ว่าแผนของจิ่งหนิงจะเป็นเพียงแค่การร่างแผน แต่เขาก็รู้สึกมันเกือบจะสมบูรณ์แบบแล้ว
ทั้งสามคนออกมาจากร้านอาหาร และแยกกันตรงประตูทางเข้าออก
จิ่งหนิงไม่ได้ไปกับลู่จิ่งเซิน แล้วตอนนี้ก็สายแล้ว เขาก็เลยกลับไปทำงานที่บริษัท
และเธอก็ขับรถมาเอง เขาจึงไม่จำเป็นต้องไปส่ง หลังจากแยกทางกัน เธอก็ขับรถออกไปเอง
จิ่งหนิงไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์บ้านลู่
แต่เธอขับรถกลับไปที่อพาร์ทเมนท์เล็กๆของตัวเอง
แม้ว่าจะสัญญากับลู่จิ่งเซินไว้ว่าเธอจะอยู่ที่นั้น แต่เธอก็ยังมีของใช้ในชีวิตประจำวันอีกจำนวนมากที่ยังอยู่ที่นี่
ลู่จิ่งเซินได้เตรียมทุกอย่างให้เธอครบหมดแล้ว จิ่งหนิงเองไม่ใช่ไม่เข้าใจ แต่ของบางอย่างถ้าใช้ของตัวเองก็จะสบายใจกว่า เธอจึงมาเอามัน
หลังจากเก็บข้าวของเสร็จแล้ว เธอก็ถือกล่องและกำลังจะออกไป จู่ๆก็มีแสงมากระทบตาของเธอก็เหลือบไปเห็นกล่องใบหนึ่งวางอยู่ที่มุมของโซฟา
กล่องเป็นสีดำ ดูดี ภายนอกห่อหุ้มด้วยเสื้อกำมะหยี่สีดำ
เธอนิ่งไปชั่วครู่ แล้วหันกลับไป และเปิดกล่อง
เผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตผู้ชายที่มีพื้นผิวอย่างดี
ก็เห็นเป็นเสื้อเชิ้ตผู้ชายคุณภาพดีอยู่ตรงหน้า
มันเป็นของขวัญวันเกิดที่เธอซื้อให้มู่ยั่นเจ๋อ
เดิมทีต้องการจะรอให้ถึงวันเกิดของเขาจึงจะมอบให้เขา แต่น่าเสียดาย ที่ไม่ได้รอจนถึงวันนั้น เขากลับนอกใจคบชู้กับจิ่งเสี่ยวหย่าไปเสียก่อน
นึกถึงตรงนี้ จิ่งหนิงก็หัวเราะออกมา
เพียงไม่กี่วัน จากที่เคยรู้สึกเศร้าเมื่อพูดถึงผู้ชายคนนั้น ก็เปลี่ยนเป็นความมึนงงและไร้ความรู้สึกไปแล้วในตอนนี้
คนเรา! ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน
จิ่งหนิงวางของกลับไป คิดแล้วคิดอีก ก็เก็บเข้ากระเป๋าเดินทางแล้วเอาออกไปด้วย
ถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งที่ซื้อมา ในราคาหลายแสนเลยนะ!
สินค้าระดับไฮเอนด์เช่นนี้จะทิ้งไว้ที่นี่ให้ฝุ่นจับก็น่าเสียดาย จะดีกว่าถ้าขายแล้วได้ทุนคืนมาบ้าง
แม้ค้าจิ่งหนิงก็เดินลากกระเป๋าออกไปอย่างมีความสุข
หลังจากลงไปชั้นล่าง และวางกระเป๋าไว้ในรถแล้ว ก็ขับรถกลับไปที่คฤหาสน์บ้านลู่
หลังจากกลับไปที่คฤหาสน์บ้านลู่ เธอก็เข้าไปที่ห้องของตัวเอง และเริ่มลงมือตามแผนการประชาสัมพันธ์ของเซ่เซียว
สิ่งที่บอกเขาในตอนเที่ยงวันนี้เป็นเพียงแผนร่างเท่านั้น แต่เนื่องจากยังไม่เข้าใจสถานการณ์จริง จึงไม่ได้วางแผนให้ละเอียดมากนัก
ตอนนี้ เธอก็แค่ต้องแก้ไขปรับแผนให้ละเอียดขึ้น
หลังจากทำแผนเสร็จ จิ่งหนิงก็ส่งเอกสารให้เซ่เซียว
ตอนเที่ยงทั้งสองได้เพิ่มเพื่อนทางWeChatไปแล้ว หลังจากที่จิ่งหนิงส่งเอกสารไป เซ่เซียวไม่ได้ตอบกลับ คิดว่าคงจะยุ่งอยู่ เธอจึงไม่สนใจ วางโทรศัพท์ลง และลงไปชั้นล่าง
ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว
เมื่อคำนวณดูเวลาแล้ว ลู่จิ่งเซินควรจะกลับมาได้แล้ว
มีกลิ่นหอมของอาหารลอยมาจากห้องครัว จิ่งหนิงก็ยืดตัวออกไปเดินเล่นข้างนอก ก่อนจะกลับไปที่ห้องนั่งเล่น
มีเสียงเครื่องยนต์ของรถดังอยู่ด้านนอก
จิ่งหนิงรู้ว่าลู่จิ่งเซินกลับมาแล้ว ก็เดินออกไปดู จึงเห็นว่า ฝ่ายชายกำลังลงจากรถพอดี
เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว และถือเสื้อสูทไว้ที่แขน เขามีลำตัวยาว ดูสง่างาม
ป้าหลิวได้ยินเสียงก็วิ่งออกมาจากห้องครัว
เมื่อเห็นเขา ก็ยิ้มทันที และพูดว่า “นายท่านกลับมาแล้ว!”
ลู่จิ่งเซินพยักหน้าเล็กน้อย ตาของเขามองไปที่จิ่งหนิง และมีรอยยิ้มอบอุ่นขึ้นในดวงตา
เขาเอื้อมมือไปโอบเอวของฝ่ายหญิงไว้ แล้วพาเธอเข้าไปในบ้าน
“คุณยืนรอผมอยู่ที่ประตูทุกวัน ทำให้ฉันรู้สึกว่าคุณตกหลุมรักฉันเข้าแล้ว”
ฝ่ายชายพูดเสียงต่ำ มีเพียงเขาสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน
จิ่งหนิงหน้าแดงอย่างอดไม่ได้ และยื่นมือออกไปผลักเขาและพูด
“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ฉันแค่ลงมาเดินเล่น และเจอคุณกลับมาพอดีก็แค่นั้น”
“เมื่อวานดูพระอาทิตย์ตก วันนี้เดินเล่น คุณนายลู่ ดูเหมือนว่าเรามีดวงสมพงศ์กันจริงๆนะ! บังเอิญอย่างนี้ตลอดเลย”
จิ่งหนิง:“……”
เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่สามารถพูดชนะเขาในด้านนี้ได้ เธอก็หยุดโต้เถียงกับเขา และหันหลังเดินไปที่ห้องอาหาร
ลู่จิ่งเซินยิ้ม และหยุดไว้แค่นี้
กินข้าวเสร็จ เขาก็เข้าไปห้องหนังสือ ดูเหมือนยังยุ่งอยู่
จิ่งหนิงก็ไม่ไปรบกวนเขา
เธอก็มีเรื่องของตัวเองที่ต้องจัดการ
ก่อนหน้านี้มีบริษัทสามแห่งที่ได้มาจากตระกูลมู่ ก็ถูกขายไปแล้วสองบริษัท ที่เหลืออยู่คือบริษัทบันเทิงที่มีชื่อว่าวัฒนธรรมซิงฮุย
ที่เธอเหลือบริษัทนี้ไว้ เพราะตัวเธอเองทำงานประชาสัมพันธ์
เธออยากจะตั้งบริษัทเป็นของตัวเองมาโดยตลอด แต่กลุ่มที่สร้างขึ้นชั่วคราวนั้นซับซ้อนเกินไป และตอนนี้เธอก็มีโอกาสมาอยู่ตรงหน้า เธอก็ต้องรับมันได้อยู่แล้ว
ตอนนี้จิ่งหนิงยังไม่ได้ไปที่บริษัทเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้เธอได้ทำความเข้าใจบริษัทแห่งนี้ผ่านทางแหล่งข้อมูลภายนอก
เมื่อลงนามในเอกสารการโอนกรรมสิทธิ์ มู่เทียนหงได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทมากับเลขาเพื่อส่งให้เธอแล้ว
หลังจากจิ่งหนิงดูอย่างละเอียดก็พบว่า สถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทแย่กว่าที่เธอคิด
ตามที่คิดไว้ หากไม่อยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย และแทบจะดำเนินกิจการต่อไปไม่ได้ ก็ไม่มีใครอยากโอนบริษัทนี้ออกไปหรอก
วัฒนธรรมซิงฮุยก่อตั้งมาเกือบสี่สิบปีแล้ว ช่วงแรกๆในประเทศจีน ถือได้ว่าเป็นบริษัทบันเทิงขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
และในช่วงเวลาหนึ่ง ก็ถือได้ว่าเป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรมบันเทิงทั้งหมด ไม่เพียงแต่มีซูเปอร์สตาร์จำนวนมากเท่านั้น แต่ยังสร้างผลงานด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่มีอิทธิพลอีกเป็นจำนวนมาก
โดยทั่วไปแล้ว บริษัทที่มีชื่อเสียงเก่าแก่เช่นนี้ ไม่ควรดำเนินมาถึงอย่างทุกวันนี้เลย
แต่ในความเป็นจริง ตั้งแต่สิบปีที่แล้ว วัฒนธรรมซิงฮุยค่อยๆเริ่มเสียหายไป เนื่องจากตอนนั้นถงซูซึ่งเป็นนักประชาสัมพันธ์ที่เก่งกาจในเวลานั้นผันตัวมาเป็นผู้จัดการ และแย่งชิงซูเปอร์สตาร์แถวหน้าไปจำนวนมาก
ถงซูได้นำศิลปินจากวัฒนธรรมซิงฮุยออกไปสามชุด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเป้าหมายของการฝึกอบรมที่สำคัญของวัฒนธรรมซิงฮุย ซึ่งเท่ากับเป็นการสูบเลือดของวัฒนธรรมซิงฮุยอย่างไม่ต้องสงสัย
และเหตุผลที่คนเหล่านี้ เต็มใจที่จะไปกับถงซูนั้น ไม่ต้องสงสัยก็เพราะเงื่อนไขของสัญญาที่เซ็นกับวัฒนธรรมซิงฮุยในเวลานั้นเข้มงวดมาก และได้ค่าตอบแทนที่ต่ำมาก
ดังนั้น คนส่วนใหญ่ยอมจ่ายเงินชดเชยก้อนโตค่ายกเลิกสัญญา แม้จะเจ็บใจไปสักพัก แต่ก็ถือว่าเป็นการต่อสู้เพื่อการเลี้ยงชีพ
แม้ว่ารายได้ของวัฒนธรรมซิงฮุยจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในช่วงเวลาสั้นๆ แต่บริษัทที่ถูกสูบเลือดไปหมดแล้ว ก็เหมือนซากศพเดินได้ มีแต่จะเสื่อมลงไปทุกวัน
ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงในสายอุตสาหกรรม และการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของคู่แข่ง วัฒนธรรมซิงฮุยก็ยิ่งหดตัวเล็กลงไป
มาถึงวันนี้ แต่เดิมที่เคยเป็นตัวแทนอาณาจักรบันเทิงของยุคสมัยหนึ่ง ถูกแทะเล็มไปจนเหลือศิลปินอยู่ไม่ถึงสิบคน และทั้งหมดก็เป็นศิลปินกลุ่มเล็กๆที่อยู่ในลำดับที่สิบแปดเท่านั้น
ด้านแหล่งทรัพยากรยิ่งแย่กว่านั้นอีก
ซึ่งเป็นเวลากว่าหนึ่งปี ที่ไม่มีทรัพยากรที่ดีสำหรับศิลปินของบริษัท