วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 361 ฆ่าปิดปาก
บทที่ 361 ฆ่าปิดปาก
ยังไงซะ วันก่อนคุณท่านยังมีท่าทางที่เหมือนจะปกป้องอยู่เลย ไม่พอใจกับการที่เธอกดดันให้จิ่งเสี่ยวหย่าอออกมาขอโทษมากๆ
ทำไมวันนี้เหมือนได้เปลี่ยนเป็นคนละคนแล้วล่ะ?
จิ่งหนิงรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ ได้ปฏิเสธออกไปโดยไม่คิดเลยแม้แต่น้อย
แต่พอทางนี้พึ่งจะปฏิเสธคุณท่านไป อีกด้าน สวีหุ้ยก็ได้โทรมาหาเธออีกครั้ง
เธอไม่สนิทกับสวีหุ้ย แต่พอว่าได้เข้าใกล้กับกวนจี้หมิงไปหน่อย สวีหุ้ยเป็นภรรยาของกวนจี้หมิง เพราะงั้นความสัมพันธ์ก็ถือว่าดี
สวีหุ้ยโทรหาเธอ อยากจะนัดเธอไปทำSPAด้วยกัน
คราวนี้จิ่งหนิงก็ได้ตกใจกว่าเดิม
พอถามออกไป ถึงได้รู้ว่าที่แท้เธอนั้นได้เปิดสาขาเป็นของตัวเอง ช่วงนี้ในร้านได้เรียนวิธีการนวดแบบใหม่มา ได้ยินมาว่าสบายมากๆ เหมาะสำหรับผู้หญิงมากๆ
แต่ว่าเช้าไม่ชวน สายไม่ชวน แต่ดันมาชวนเธอตอนนี้
จิ่งหนิงก็รู้สึกว่ามันประหลาดเกินไป
ต้องเป็นเพราะก่อนหน้าคุณท่านกวนเชิญเธอไปที่บ้านตระกูลกวน เธอไม่ตกลง หลังจากนั้นคุณท่านกวนก็ได้ให้สวีหุ้ยมาเชิญ
จิ่งหนิงอยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก กับการกระทำที่เว่อร์ของตระกูลกวน ถึงแม้รู้สึกน่าสงสัย แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก
ไหนๆ ก็อยากให้ไปขนาดนี้ แน่นอนว่าจะปฏิเสธอีกก็ไม่ดี เพื่อที่ว่าต่อไปจะได้ไม่ต้องโทรมาอีก ก็ได้ตกลงไป
บ่ายวันนั้น ทั้งสองมาที่คลับความงามระดับไฮเอนด์ เปลี่ยนเสื้อเสร็จ ก็ได้มีหมอนวดสองคนเข้ามา
ทั้งสองได้สวมเสื้อพนักงาน สวมหน้ากากปิดปาก จิ่งหนิงสังเกตเห็นว่าระหว่างสองคนนั้นมีคนหนึ่งที่มีรูปร่างคุ้นตา แต่เพราะสวมหน้ากากก็ได้มองไม่ชัด เพราะงั้นไม่มั่นใจว่าเป็นใคร
แต่ว่าเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะว่าเป็นไปไม่ได้ว่าเธอจะรู้จักกับคนในนี้
ฝีมือของหมอนวดนั้นดีมาก ตั้งแต่ที่จิ่งหนิงกระโดดลงน้ำในคืนนั้น สองวันนี้ก็รู้สึกว่าหนาวๆ เล็กน้อย ในใจรู้ว่าอาจจะไม่สบาย ก็ได้กินยาแก้หวัดตอนอยู่ที่บ้าน ตอนนี้ก็เริ่มง่วงแล้ว
เจอกับการนวดที่สบายขนาดนี้ เวลานั้นก็ได้อยากนอนมากกว่าเดิม
เพราะงั้น ไม่นาน ก็ได้หลับไปอย่างไม่น่าเชื่อ
เธอนั้นหลับไปอย่างไม่ระวังตัว ไม่รู้อะไรเลย เวลานี้คนที่ได้นวดให้เธอนั้น ก็ได้ตกใจมาก
การทำSPAครั้งหนึ่งใช้เวลาไปชั่วโมงกว่าๆ
จิ่งหนิงนั้นถูกสวีหุ้ยปลุกจนตื่น
เธอก็คิดไม่ถึง ว่าตนนั้นจะสบายจนหลับไป ก็ได้ยิ้มแบบทำตัวไม่ถูกไป
รู้สึกว่าร้านนี้บริการได้ดี ฝีมือก็เยี่ยม เพราะงั้นก็ได้ทำบัตรสมาชิก นัดไว้ว่าจะมาคราวหน้า จากนั้นก็ได้จากไปอย่างพอใจ
เธอกลับไม่รู้ พอเธอได้ออกไป หมอนวดที่นวดให้เธอนั้นก็ได้รีบเปลี่ยนเสื้อ ขับรถ แล้วก็ออกไปอีกทาง
เวลานี้คฤหาสน์ตระกูลกวน
คุณท่านกวนนั่งอยู่ที่ห้องของตัวเอง มองไปที่หญิงชราตรงหน้าที่เต็มไปด้วยผมขาว
“เธอมั่นใจนะว่าเธอเห็นปานที่หลังของเขา ไม่ผิดแน่นะ?”
หญิงชรามีชื่อว่าป้าเสียง เคยเป็นคนใช้เก่าของกวนจี้หวั่น ตอนเด็กนั้นยังเคยเลี้ยงเด็กคนนั้นช่วงหนึ่ง เพราะงั้นก็ได้รู้จุดเด่นบนตัวเด็กคนนั้นเป็นอย่างดี
เธอได้พยักหน้า “ไม่ผิดค่ะ ฉันมั่นใจ”
“งั้นผมล่ะ?”
เอามาแล้วค่ะ”
ป้าเสียงพูดจบ ก็ได้เอาซองใสๆ ออกมาจากกระเป๋า เห็นว่าในนั้นได้มีผมไม่กี่เส้นใส่อยู่
คุณท่านกวนสีหน้าเครียด พูดอย่างเย็นชาว่า “เอามันไปตรวจDNA เอาของจิ่งเสี่ยวหย่าไปด้วย”
ป้าเสียงพยักหน้ารับคำสั่ง คิดไปสักพัก ก็สงสัยเล็กน้อย
“DNAของจิ่งเสี่ยวหย่าพวกเราก็ได้ตรวจไปเรียบร้อยแล้วนะคะ ยังเป็นดิฉันที่เฝ้าด้วยตัวเอง ตามเหตุผลแล้วไม่น่าจะมีอะไร ทำไมจะเป็นของปลอบ?”
คุณท่านกวนหัวเราะอย่างเย็นชา
“อาจเป็นเพราะมีคนทำอะไรไป หรืออาจเป็นเพราะ ยังมีความลับอื่น? สรุปคือ ไปตรวจใหม่ทั้งหมด คราวนี้ เธอจำเป็นต้องจับตาดูทุกขั้นตอน อย่าให้ใครไปมีโอกาสทำอะไรเด็ดขาด รับประกันความจริงของผลลัพธ์ เข้าใจไหม?”
ป้าเสียงรีบพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ”
คุณท่านกวนโบกมือ ตอนที่ป้าเสียงกำลังจากไป
และแล้วเวลานี้ อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของคนใช้ที่ได้ดังมาจากด้านนอก
“คุณหนูรอง คุณมาอยู่ตรงนี้ทำไมค่ะ? ทำไมไม่เข้าไปค่ะ?”
ทั้งสองก็ได้อึ้ง จ้องตากันสักพัก สีหน้าได้เปลี่ยนเล็กน้อย
คุณท่านกวนได้ส่งสายตาให้ป้าเสียง จากนั้นก็ได้พูดเสียงดังว่า “เสี่ยวหย่ามาแล้วเหรอ?”
ประตูห้องก็ได้ถูกคนผลักมาจากด้านนอก จิ่งเสี่ยวหย่าเดินเข้ามา
เห็นว่าเธอเอาชากล่องหนึ่งมา ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณตาค่ะ ปิดประตูตอนกลางวันแบบนี้ หนูคิดว่าคุณตาไม่อยู่แล้วซะอีก ที่แท้คุณตาอยู่ในห้องนี่เอง!”
คุณท่านกวนมองจ้องมองเธอ
จิ่งเสี่ยวหย่าทำใบหน้าที่ไม่มีพิษภัย แล้วก็ไปมองป้าเสียงที่อยู่ข้างๆ อีกครั้ง สีหน้าของทั้งสองแปลกๆ ก็ได้ถามด้วยความสงสัย “หนูพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ?”
คุณท่านกวนพูดอย่างจริงจังว่า “ตอนที่เธออยู่ข้างนอกเมื่อกี้ได้ยินอะไรไหม?”
“หนูไม่ได้ยินอะไรนี่คะ พวกท่านพูดเรื่องที่หนูรับรู้ไม่ได้เหรอคะ?”
ท่าทางที่ร้อนรนแล้วไม่มีพิษภัยของเธอ คุณท่านกวนขมวดคิ้วแน่น สักพัก ก็เชื่อเธอในที่สุด
“พอแล้ว ไม่มีเรื่องอะไร หนูมามีอะไรหรือเปล่า?”
“อ้อ ครั้งก่อนได้ยินว่าท่านอยากดื่มชา พอดีช่วงเช้านี้มีเพื่อนส่งมาให้หนูนิดหน่อย เป็นของเกรดเอทั้งนั้นเลยค่ะ เพราะงั้นก็ได้รีบเอาให้ท่าน!”
คุณท่านกวนมองใบชาที่มือของเธอ พยักหน้า “ขอบใจหนูมากนะ”
จิ่งเสี่ยวหย่าได้ยิ้มอ่อนโยนแล้วพูด “ไหนๆ ท่านก็กำลังคุยธุระกับป้าเสียง งั้นหนูของตัวก่อนนะคะ”
“อืม”
……
จิ่งเสี่ยวหย่าออกจากห้อง สีหน้าก็ได้เครียดขึ้นมาทันที
เธอจะไม่รู้ได้ยังไง ว่าจิ่งหนิงถึงจะเป็นลูกแท้ๆ ของกวนจี้หวั่น
ความลับนี้ ตั้งแต่เมื่อก่อน หวังเสว่เหมยก็ได้บอกเธอแล้ว
ตอนนั้นจิ่งหนิงอยากจะเอาของดูต่างหน้าของแม่เธอกลับไป ไม่รู้เลยว่า สร้อยที่ดูแล้วเหมือนว่าธรรมดา ที่จริงเป็นสิ่งที่เป็นของยืนยันอย่างหนึ่ง
ตอนนั้นหวังเสว่เหมยก็ได้รับรู้ความลับนี้อย่างไม่ได้ตั้งใจ ก็ได้แอบไปเปลี่ยนสร้อยเส้นนั้น เอาอัญมณีสีฟ้าเปลี่ยนเป็นอัญมณีสีแดง
แล้วก็ แอบจัดเตรียมกับเธอ ให้เธอไปแทนจิ่งหนิง ไปแทนตำแหน่งนั้น
แต่ความความลับนี้ได้เก็บไว้อย่างดี เธอคิดว่า ชาตินี้ทั้งชาติความลับนี้จะไม่ถูกคนจับได้
คิดไม่ถึงว่าเร็วขนาดนี้ก็ถูกคนรับรู้แล้ว!
จิ่งเสี่ยวหย่าหัวเราะอย่างเย็นชา
จิ่งหนิงนะจิ่งหนิง เธอทำไมน่ารังเกียจขนาดนี้?
เดิมทีฉันไม่คิดว่าจะฆ่าเธอทิ้ง ยังไงซะ เขาก็ไม่อยากที่จะหาเรื่องใส่ตัวเอง
แต่ว่าไม่ว่าจะที่ไหน เธอก็มาขวางทางของเขา ตอนอยู่เมืองจิ้นเป็นแบบนั้น มาถึงที่เมืองหลวงก็ยังเป็นแบบนั้น
นับอะไรเธอเกิดมาก็ได้เป็นคุณหนูที่อยู่ในตระกูลที่ดี แล้วเขาจำเป็นต้องเป็นดินที่ให้คนอื่นเหยียบ?
เหอะ! หาความจริงงั้นเหรอ?
คนตายแล้วต้องให้รู้ความจริงเข้าก็ไม่มีประโยชน์แล้วจริงไหม?
ไหนๆ ก็เป็นแบบนั้น งั้นเธอก็อย่ามีชีวิตอยู่เลย!
จะได้ไม่ทำให้คนมองแล้วรำคาญ ยังขวางทางอนาคตคนอื่น
จิ่งเสี่ยวหย่าก็ได้ยิ้มร้ายออกมา ล้วงเอาโทรศัพท์ แล้วก็โทรออกไป
“ความลับของพวกเราถูกจับได้แล้ว ตอนนี้ ฉันจำเป็นที่ต้องพูดคุยกับคุณ ว่าให้เธอนั้นควรตายยังไงบ้าง!”