วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 267 ไม่เหมือนเขาเลย
บทที่ 267 ไม่เหมือนเขาเลย
จิ่งหนิงรู้สึกงงเล็กน้อย
เกิดอะไรขึ้น?
ลู่จิ่งเซินเห็นว่าเธอทำหน้ามึนงง ก็เลยเอามือไปลูบหัวเธอด้วยความเอ็นดูพร้อมพูด “คนนี้คือกวนจี้หมิง ลูกชายคนที่สองของตระกูลกวนแห่งตี้ตู คุณต้องเรียกเขาว่าคุณลุงรองเหมือนผม”
จิ่งหนิงตกตะลึงจนตาโต
ตระกูลกวนแห่งเมืองตี้ตู?
นั่นมัน……บ้านของกวนเสว่เฟยไม่ใช่เหรอ?
เธอหันหน้าไปมองกวนจี้หมิง แล้วเห็นเขายิ้มพร้อมพยักหน้าด้วยความอ่อนโยน เห็นได้ชัดเลยว่าสิ่งที่ลู่จิ่งเซินพูดนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก
จิ่งหนิงรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมา รู้สึกว่าโลกนี้มันเหมือนโลกแห่งแฟนตาซีเลย
ก็ไม่แปลกที่วันนั้นที่เซียนสุยเก๋อ เธอเห็นคุณนายยู่และตระกูลมู่เคารพเขามาก ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง
กวนจี้หมิงยิ้มพร้อมพูด “จะพาเธอกลับไปให้ที่บ้านเจอเมื่อไหร่? ผมเองจะได้มาร่วมสนุกด้วยกัน”
ลู่จิ่งเซินยิ้มออกมาเบาๆ “คุณย่าและคุณปู่เคยเจอเธอแล้วครับ คาดว่าพอยุ่งเรื่องงานที่นี่เสร็จก็จะกลับไปครับ”
“โอเค โอเค!” กวนจี้หมิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ดูเหมือนว่าปีนี้คุณหญิงจะได้ฉลองปีใหม่อย่างมีความสุขแล้ว”
พอพูดประโยคนี้จบ เขาก็มองไปที่จิ่งหนิงอีกครั้ง และยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจมากขึ้น
“เจ้าหนู ตระกูลลู่และตระกูลกวนเราสนิทกันมานาน ในเมื่ออาเซินเรียกผมว่าคุณลุงรอง ผมเองก็ต้องคอยสั่งสอนเขา ถ้าวันหลังเขากล้ารังแกหนู หนูก็บอกลุงนะ ลุงจะจัดการให้!”
จิ่งหนิงยิ้มด้วยความเก้อเขิน เธอทำได้แค่พยักหน้า “ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณลุงรอง”
“จ้า!”
คำว่าคุณลุงรองที่เธอเรียกออกมานี้ ทำให้กวนจี้หมิงรู้สึกอบอุ่นใจ เขาก็รีบขันรับอย่างรวดเร็ว แล้วก็หยิบบัตรสีดำทองออกมาหนึ่งใบแล้วยื่นให้เธอ
“ลุงรองเนี่ยเป็นคนบ้านๆ ไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรไว้ เธอเก็บบัตรใบนี้ไว้นะ วันหลังอาจจะได้ใช้”
จิ่งหนิงตกตะลึง
แม้ว่าเธอไม่รู้ว่านั่นเป็นบัตรอะไร แต่แค่มองก็รู้แล้วว่ามันมีราคามหาศาล ไม่ใช่บัตรที่บุคคลธรรมดาจะถือไว้ในมือได้
เธอจึงรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ ความเอ็นดูของคุณลุงรองหนูรับไว้ในใจก็พอแล้ว….”
“เอาไปเถอะหน่า!”
ส่วนลู่จิ่งเซินกลับรับบัตรใบนั้นมาอย่างไม่เกรงใจ แล้วยัดใส่ในมือของจิ่งหนิง
“หนิงหนิง คุณโชคดีมาก วันนี้คุณลุงรองใจดีใจป้ำ สมัยก่อนเขาขึ้นชื่อมากเรื่องขี้งกเลยนะ เพราะฉะนั้นไม่รับไว้ก็น่าเสียดายเกินไป”
จิ่งหนิง : “……..”
กวนจี้หมิงหัวเราะออกมา พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงดุๆ “นายนี่! ของที่นายได้จากฉันไปตอนเด็กๆ ยังไม่เยอะพออีกเหรอ? ตอนนี้โตแล้วก็มานินทาลุงเหรอ? ดูเหมือนว่าที่ลุงคอยเอ็นดูเนี่ยมันเปล่าประโยชน์ไปแล้ว!”
ลู่จิ่งเซินยิ้มอ่อน แต่ไม่ได้ตอบโต้กลับไป
ดูออกได้เลยว่าความสัมพันธ์ของเขาสองคนแน่นแฟ้นมาก
หลังจากนั้นจิ่งหนิงถึงจะรู้สึกสบายใจและรับบัตรใบนั้นไว้
“ขอบคุณค่ะคุณลุงรอง”
ลู่จิ่งเซินถาม “ทำไมคุณลุงรองถึงนึกขึ้นได้ว่าจะมาเมืองจิ้นล่ะครับ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของกวนจี้หมิงก็เคร่งขรึมขึ้น
“อย่าพูดถึงเลย ก่อนหน้านี้มีข่าวบอกว่าได้เบาะแสของเด็กคนนั้นจากที่นี่ใช่ไหม? เพราะฉะนั้นฉันก็เลยอยากมาสืบดูด้วยตัวเอง แต่ไม่คาดคิด…….หึ! สมัยนี้ยังมีคนกล้ามาเล่นตุกติกกลับตระกูลกวนอีกนะ!”
เขาฟังความโกรธจากน้ำเสียงของเขาออก ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วเบาๆ
“เรื่องมันเป็นยังไงครับ?”
กวนจี้หมิงชะงักเล็กน้อย เหมือนกับว่าเขานึกอะไรยางอย่างขึ้นมาได้ เขาก็โบกมือด้วยความรำคาญใจ
“ช่างมันเถอะ อย่าพูดถึงเลยดีกว่า เอาเป็นว่าเบาะแสที่กว่าจะได้มานั้นหายไปหายอีกแล้ว คนตระกูลนั้นคิดว่าเราตระกูลกวนเป็นคนโง่ ไม่คิดว่าพวกเขาจะเอาสร้อยคอโง่ๆ มาหลอกฉัน เห็นบอกว่านี่เป็นของติดตัวของเสี่ยวย่วนตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ หึ! นายว่ามันตลกไหม? เสี่ยวย่วนไม่เคยมีของชิ้นนี้ด้วยซ้ำ!”
จิ่งหนิงเลิกคิ้ว
สร้อยคอ?
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร อยู่ดีๆ เธอก็นึกถึงสร้อยพลอยสีแดงที่ตัวเองใส่อยู่ เธอเอามือกดจี้สร้อยที่ซ่อนอยู่ในเสื้ออย่างไม่รู้ตัว กวนจี้หมิงไม่ได้สังเกตท่าทีของเธอ เขามองดูนาฬิกา
“โอเค ผมต้องขึ้นเครื่องแล้ว พวกคุณไปก่อนเถอะ อีกเรื่องหนึ่งอาเซิน ในเมื่อช่วงนี้นายอยู่ที่เมืองจิ้น นายก็ช่วยฉันจับตาดูข่าวเรื่องเด็กคนนั้นหน่อยนะ คุณปู่กวนสุขภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนนี้ความฝันของท่านก็คือหาเด็กคนนี้ให้เจอ ฉันไม่อยากให้เขารู้สึกผิดหวัง”
ลู่จิ่งเซิน พยักหน้า
“โอเคครับ ผมทราบแล้วครับ”
ทั้งสามคนก็แยกจากกัน
หลังจากที่ขึ้นรถไป จิ่งหนิงถามด้วยความสงสัยว่า “เด็กที่คุณลุงรองกวนพูดถึงนี่เป็นเด็กที่หายจากตระกูลกวนไปเมื่อ20ปีก่อนเหรอคะ?”
ลู่จิ่งเซินพยักหน้า
เขาหยุดนิ่งไปสักพัก จึงพูดต่อว่า “หลายปีที่ผ่านมานี้ ตระกูลกวนไม่เคยหยุดที่จะตามหาเธอเลย แต่ว่ามันไม่มีเบาะแสอะไรเลย พอมาคิดๆ ดูแล้ว หายตัวไป20กว่าปี ก็เสียไปนานแล้วแหละ”
จิ่งหนิงกะพริบตา
“ทำไมฉันรู้สึกว่าคุณไม่ค่อยใส่ใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่ ไม่เหมือนคุณเลย”
ลู่จิ่งเซินเป็นคนยังไง เธอรู้ดีมาก
แม้ว่าภายนอกเขาจะดูเย็นชา แต่ถ้าคนที่เขามองว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน โดยปกติแล้วเขาจะใส่ใจเรื่องของอีกฝ่ายมาก เขาจะไม่แสดงท่าทีเย็นชาแบบนี้ออกมาอย่างแน่นอน
ลู่จิ่งเซินมองไปที่เธออย่าจริงจัง
“คุณยังจำสิ่งที่ผมเคยบอกคุณตอนที่คุณถามผมเรื่องกวนเสว่เฟยได้อยู่ไหม?”
จิ่งหนิงอึ้งไปสักพัก
เธอครุ่นคิดสักพัก แล้วกระจ่างทันที
“ลู่จิ่งเซินคุณ……”
“อืม ผมเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนั้นแหละ ผมไม่อยากให้มีใครต้องกลับมาทำลายชีวิตคู่ของเราสองคน และผมไม่อยากให้มันมีปัญหาอะไรมากกว่าเดิม เพราะฉะนั้นจะหาเด็กคนนั้นเจอหรือไม่นั้น ผมไม่สนใจเลย”
จิ่งหนิงหัวเราะออกมา
“ทำไมคุณเป็นคนแบบนี้เนี่ย! คนอื่นเขากังวลกันแทบบ้า คุณยังมาพูดจาไม่สนใจใครอีก”
ลู่จิ่งเซินยิ้มแล้วขยับเข้ามาใกล้เธอแล้วยื่นมือไปโอบเอวที่เรียวบางของเธอไว้
หน้าของเขาเข้าใกล้ที่ใบหน้าของเธอ ปลายจมูกของทั้งคู่สัมผัสโดนอีกฝ่าย
“อืม ผมเป็นแบบนี้แหละ เพื่อคุณเรื่องอื่นๆ ผมไม่สนใจทั้งนั้น”
“ลู่จิ่งเซิน………”
จิ่งหนิงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ชายคนนั้นจูบมาที่ริมฝีปากของเธอแล้ว เป็นจูบที่ร้อนแรง หลังจากสิ้นสุดลง เธอถึงได้หายใจเข้าอย่างทั่วท้อง เธอพาดมือทั้งสองข้างไว้ที่ไหล่ของเขา พูดพร้อมหายใจแรง “แต่ว่าคุณทำแบบนี้มันจะไม่ดีหรือเปล่า?”
ลู่จิ่งเซินยิ้มอ่อนเบาๆ “หนิงหนิงอยากให้มีผู้หญิงกลับมาแย่งสามีกลับคุณขนาดนี้เลยเหรอครับ?”
จิ่งหนิงมองบนใส่เขาด้วยความไม่พอใจ
“ไม่แน่เธออาจจะไม่ชอบคุณด้วยซ้ำ! อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย”
ลู่จิ่งเซินหัวเราะออกมา
จิ่งหนิงพูดต่ออีกว่า “จริงจังกันหน่อย ถ้าคุณสามารถช่วยได้จริงๆ ก็ช่วยหน่อยเถอะ เขาดูกังวลมากเลยนะ ถ้ามีเบาะแสจริงๆ แล้วไม่ยอมช่วยเขามันก็ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”
ลู่จิ่งเซินปล่อยเธอออก แล้วจัดแต่งผมเธอที่เขาทำยุ่งไว้ให้เรียบร้อย จากนั้นจึงนั่งกลับเข้าที่ดีๆ
เขาพูดด้วยความจริงจัง “สิ่งที่คุณพูดมาผมเข้าใจ แต่ว่าคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ คนของตระกูลกวนไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้มากเท่าที่พวกเขาแสดงออกมา เหตุผลที่คุณลุงรองกวนอยากรีบหาเด็กคนนี้ให้เจอ ก็เพราะว่านายท่านกวนไม่สบาย คนเราเมื่อใกล้จะเสียชีวิตก็มักจะคิดถึงเรื่องที่น่าเสียดาย คุณลุงรองกวนไม่อยากให้นายท่านกวนรู้สึกผิดหวัง เพราะฉะนั้นจริงอยากหาเด็กคนนี้ให้เจอ แต่คนอื่นๆ ในตระกูลกวนไม่ได้คิดเช่นนี้ อย่างที่ว่ากันถ้าเสาหลักล้มลงลูกๆ หลานๆ ก็คงกระจัดกระจายกันไป ภายในตระกูลกวนที่สู้กันไปมา สับสนวุ่นวายไปหมด หลายปีที่ผ่านมานี้ก็แตกหักกันมากพอสมควร มีการต่อสู้แย่งชิงกันไม่หยุดหย่อน
ถ้าเด็กคนนั้นกลับมา เธอคงจะได้รับการสนใจจากคนอื่นๆ แค่ในตอนแรกๆ เนื่องจากที่นายท่านยังมีชีวิตอยู่ พอนายท่านเสียชีวิตไป คุณเคยคิดไหมว่าเธอจะอยู่รอดปลอดภัยภายใต้การแย่งชิงกันของตระกูลคนรวยนี้ได้อย่างไร?”