วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 213 จดทะเบียนสมรสล่วงหน้า
บทที่ 213 จดทะเบียนสมรสล่วงหน้า
สรุปได้ว่า สำหรับปฏิบัติการตอบชุดนี้ของเซ่เซียว พวกเพื่อนบนเน็ตคือยอมรับด้วยความจริงใจ
หน้าตาหล่อก็แล้วไปล่ะ หน้าตาหล่อยังน่าขบขันขนาดนี้ ขี้ดื้อขนาดนี้ ก็เป็นเด็กชายสมบัติด้วยไม่ผิดเลย!
ฝืนบังคับให้ข่าวฉาวความรักฉากหนึ่ง กลายเป็นสถานการณ์ระบุเครือญาติตลกขนาดใหญ่เห็นอยู่ทนโท่ !
ไม่ค่อยตลกเลยจริงๆ
แต่พวกแฟนคลับรักแท้ของเซ่เซียว ทั้งสองคนล้วนใช้วิธีของต่างคนต่างล้างมลทินความเข้าใจผิดกับข่าวฉาวจากนี้ติดตามกัน หัวใจดวงหนึ่งล้วนตกกลับสู่ในท้องเช่นกัน
ก็ว่าแล้ว! เซียวเซียวของพวกเธอเป็นเซียวเซียวที่ดีที่สุด ถ้าหากว่ามีความรักแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ประกาศ
เขากับจิ่งหนิง ก็เพียงแค่พี่น้องหรือเพื่อนเท่านั้นจริงๆ สามารถล้อเล่นขนาดนี้ เป็นไปได้ยังไงที่จะมีความสัมพันธ์ระหว่างแฟนชายหญิงล่ะ?
ขอเพียงแค่ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่เป็นคู่รัก ที่เหลือ พวกแฟนคลับก็ขี้เกียจสนใจแล้วเช่นกัน
แต่ในเมื่อเป็นเพื่อนสนิท งั้นย่อมแวะมาเอาใจใส่สักหน่อยอยู่แล้ว อีกทั้งพี่สาวน้อยหน้าตาดีขนาดนี้ ฝีมือในการแสดงก็ไม่เลว ไม่แน่ว่าวันหลังจะพัฒนาดีมากล่ะ!
ดังนั้น จิ่งหนิงก็เห็นจำนวนแฟนคลับของตนเองเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันอีกรอบกับตา
ในทันทีนั้นเธออดไม่ได้หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
แต่ว่าแฟนคลับเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องดี เธอก็ไม่ได้ใส่ใจมากเช่นกัน ลงจากเว็บไซต์ก็ไปพักผ่อนโดยตรง แต่ว่าในเวลานี้ บนอินเทอร์เน็ตกลับพบเห็นเสียงอีกแบบหนึ่ง
ชาวบ้านกินเผือก: ละครเรื่องนี้ไม่ใช่จิ่งเสี่ยวหย่าแสดงเป็นรองนางเอกหรือ? บทบาทการเล่นเยอะขนาดนี้ ก็ถือว่าเป็นผู้มีบทบาทหลักแล้วมั้ง! ทำไมผู้มีบทบาทหลักอื่นๆล้วนส่งต่อโฆษณา weibo แล้ว มีแค่เธอไม่ได้ส่งต่อล่ะ?
ทันทีที่ข้อความนี้โพสต์ออกไป เสียงซักถามข้อสงสัยบนอินเทอร์เน็ตดังขึ้นอย่างฉับพลัน
เริ่มจากซักถามข้อสงสัย ไม่นึกเลยว่าถึงสุดท้ายมีคนเริ่มปลุกปั่นข่าวลือ บอกว่าเพราะเรื่องการตีคนของจิ่งเสี่ยวหย่าในครั้งนี้ ถูกกองถ่ายไล่ออกไปแล้ว
weibo ทางราชการไม่ได้ประกาศ เพราะว่านี่เพียงนับได้ว่าเป็นหมาขี้ย่อมต้องมีมูล ทั้งหมดล้วนเป็นพวกเพื่อนบนเน็ตจินตนาการผิดเพี้ยนของตนเองเท่านั้น
แต่เรื่องเป็นเช่นนี้ ก็ยังต้านข้อความนี้ที่แผ่ขยายอย่างไม่หยุดยั้งไม่ไหว ก่อให้เกิดพวกเพื่อนบนเน็ตมากมายที่ไม่รู้ความจริงคิดว่าเป็นเรื่องจริง
พวกแฟนคลับของจิ่งเสี่ยวหย่าล้วนใกล้จะร้อนใจจนบ้าแล้ว
มองเห็นเส้นทางการออกตัวใหม่ของเธอ เดินจนไม่ราบรื่นขนาดนี้แล้ว หากว่าละครเรื่องนี้ถูกเปลี่ยนคนอีกแล้วจริงๆ งั้นก็เหมือนดั่งถูกดึงฟางข้าวที่ช่วยชีวิตต้นสุดท้ายออกไป จะบ้าแล้วจริงๆ!
ในเวลานี้ คฤหาสน์ตระกูลจิ่ง
จิ่งเสี่ยวหย่าก็หงุดหงิดจนไม่ไหวเช่นกัน
ถงซูไม่อนุญาตให้เธอดู weibo จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ ให้เธออยู่ที่บ้านพักผ่อนฟื้นฟูสุขภาพให้ดีๆ พยายามหาลักษณะก่อนหน้านั้นกลับมาให้ได้
ด้วยเหตุนี้ ยังตั้งใจเก็บมือถือกับคอมพิวเตอร์ของเธอไป
แต่อย่างนี้ก็ไม่ได้แสดงว่าเธอจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ตแล้ว
ที่จริงแล้ว ก็เริ่มจากเมื่อกี้ในสายตาของคนใช้ทั้งสองนั้นที่เข้ามาเตรียมน้ำอาบน้ำให้เธอ เธอก็รู้สึกถึงความผิดปกติเช่นกัน
ไม่ถูกเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกไม่ได้
ถงซูไม่มีความสามารถนั้นจัดการเรื่องนี้ให้ดีแม้แต่น้อย หากว่าเธอนั่งงอมืองอเท้าอีกต่อไป วันหลังจะต้องเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน!
จิ่งเสี่ยวหย่าคิดอย่างนี้อยู่ ก็สวมเสื้อผ้าลงไปข้างล่างแล้ว
ในห้องรับแขกข้างล่าง หวังเสว่เหมย,จิ่งเซี่ยวเต๋อและหยูซิ่วเหลียนล้วนนั่งอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าที่จริงจัง
มองเห็นเธอลงมา ก็ไม่ประหลาดใจ
หวังเสว่เหมยชี้โซฟาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามชี้แล้วชี้อีกเสียงเข้มพูดว่า “ในเมื่อลงมาแล้ว งั้นก็นั่งเถอะ”
ในใจจิ่งเสี่ยวหย่าทั้งร้อนใจและกังวล แต่เผชิญหน้ากับสีหน้าที่ขึงลับของหวังเสว่เหมย ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก นั่งลงอย่างเชื่อฟัง
จิ่งเซี่ยวเต๋อย่อมเห็นเรื่องอื้อฉาวที่เอะอะก่อกวนจนสับสนอลหม่านเหล่านั้นที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตในตอนนี้ โมโหจนใบหน้าล้วนเขียวหมด
“แม่ พวกเราตอนนี้ตกลงว่าควรทำยังไงดีล่ะ? ถ้าบนอินเทอร์เน็ตส่งอย่างนี้อีกต่อไป เสี่ยวหย่าก็ต้องดับแล้วจริงๆ! ถึงเวลานั้นเงินที่เราลงทุนกับเฟิงหัวล้วนจมอยู่ข้างใน ก็เอากลับมาไม่ได้สักส่วนแล้ว”
ในตอนต้น จิ่งเสี่ยวหย่าเซนต์สัญญากับเฟิงหัว เพื่อที่จะสนับสนุนตระกูลจิ่งก็ลงทุนเงินเข้าไปก้อนหนึ่งเช่นกัน
พูดว่าเป็นการลงทุน แท้ที่จริงแล้วก็มีใจที่จะแสดงความเป็นมิตรกับตระกูลมู่ด้วย ที่จริงแล้ว เรื่องของเสี่ยวหย่ากับมู่ยั่นเจ๋อ เริ่มแรกมู่โหงก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่
มู่โหงกับโม่ไฉ่เวยเป็นเพื่อนร่วมชั้นมหาวิทยาลัย ความสัมพันธ์ก่อนหน้านั้นทั้งสองคนก็ยังดี ต่อกับหยูซิ่วเหลียนกับจิ่งเสี่ยวหย่าแม่ลูกที่แย่งตำแหน่งของเพื่อนร่วมชั้นตนเองไปคู่นี้ ย่อมไม่มีความรู้สึกชอบพอเท่าไหร่อยู่แล้ว
แต่ว่าต้านการแสร้งทำเป็นอ่อนโยนแสดงท่าทางนุ่มนวลของจิ่งเสี่ยวหย่าไม่ไหว และฐานะของมู่ซื่อกรุ๊ปอยู่ที่เมืองจิ้น ก็มีเพียงฐานะในวันนี้อย่างเธอที่คู่ควรได้รับ
บวกกับเวลานั้นจิ่งหนิงจับชู้อยู่บนเตียง เรื่องก็ไม่มีพื้นที่เหลือที่จะให้เอากลับคืนได้แล้ว จากนั้นก็ยอมรับโดยปริยายเลย
ตอนนี้ จิ่งเสี่ยวหย่าเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลมู่จะไม่รู้
หวังเสว่เหมยอยากให้จิ่งเสี่ยวหย่าแต่งงานกับมู่ยั่นเจ๋อมาโดยตลอด หากว่าด้วยเหตุนี้จิ่งเสี่ยวหย่าถูกทำร้ายชื่อเสียง มู่โหงจะยอมให้เธอเข้าประตูอีกหรือไม่ นี่พูดยากมาก
ดังนั้น ในเวลานี้ จะเงียบอีกต่อไปไม่ได้อย่างแน่นอน ต้องลงมือตัดกำลังก่อน และต้องมีการดำเนินการอย่างแน่นอน
นึกถึงตรงนี้ หวังเสว่เหมยจ้องมองไปยังจิ่งเสี่ยวหย่า อยู่ดีๆถามว่า “ครั้งก่อนแกพูดว่า มู่ยั่นเจ๋อขอแต่งงานกับแก บอกว่ารอหลังจากละครเรื่องนี้ปิดกล้องก็แต่งงาน เป็นเรื่องจริงจังหรือ?”
จิ่งเสี่ยวหย่าพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก “เขาพูดอยู่ต่อหน้ากองถ่ายคนมากมาย น่าจะไม่พูดโกหก”
“งั้นก็ดี”
หวังเสว่เหมยครุ่นคิดอยู่ พูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แต่งเร็วก็ต้องแต่งแต่งช้าก็ต้องแต่ง พูดว่าแต่งเร็วหน่อยดีกว่าพวกแกไปจดทะเบียนสมรสก่อน รอละครปิดกล้องแล้วค่อยไปจัดงานแต่งอีก อย่างนี้ไม่ยิ่งดีกว่าหรือ?”
จิ่งเสี่ยวหย่าอึ้งชะงัก
ไม่นาน ก็มีปฏิกิริยากลับมา เข้าใจถึงความหมายของหวังเสว่เหมย
ตอนนี้ข่าวด้านลบของเธอมากเกินไปแล้ว แม้ว่าไปล้างมลทิน ไปอธิบาย ก็ไม่ใช่ใช้เวลาสั้นๆก็อธิบายได้จนหมด
พูดว่าใช้ข่าวที่ดีบางส่วนก่อน ปิดคลุมสิ่งเหล่านี้ไว้ ย้ายความสนใจที่พุ่งไปจุดจุดเดียวของผู้ชม ข้างหลังค่อยๆไปล้างมลทินทีละจุดๆอีก
เธอคิดแล้วคิดอีก ลังเลเล็กน้อย
“แต่ว่าพี่ อาเจ๋อ…….เขาจะเห็นด้วยหรือ?”
หวังเสว่เหมยพูดโน้มน้าวอย่างปากเปียกปากแฉะด้วยความหวังดีว่า “หากว่าเขารักแกด้วยใจจริง ก็ต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน คุณชายมู่เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง จะเข้าใจว่าตอนนี้แต่งงานมีผลประโยชน์มากเท่าไหร่ที่ดีต่อแก แกก็ไปพูดกับเขาลองดูสิ!”
จิ่งเสี่ยวหย่ากัดริมฝีปาก ผ่านไปสักพัก ก็ยังพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
“งั้นก็ได้! ฉันไปลองดู”
ในคืนนั้น มู่ยั่นเจ๋อก็ได้รับสายที่จิ่งเสี่ยวหย่าโทรมา
ในเวลานั้น เขายังอยู่ในออฟฟิศประธานของบันเทิงเฟิงหัว กำลังประชุมกับพวกนักประชาสัมพันธ์ที่รับผิดชอบเคสของจิ่งเสี่ยวหย่า ให้พวกเธอคิดแนวทางแก้ไข
ในทันทีทันใดได้รับสายที่จิ่งเสี่ยวหย่าโทรมา ในสมองก็โผล่ลักษณะท่าทีที่ร้องไห้แงๆของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ ในใจอดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดขึ้นมา
นิ้วมือวางอยู่ที่ปุ่มสีแดงที่จะวางสาย ลังเลสักพัก ในที่สุดก็ยังไปกดปุ่มรับสาย
“ฮัลโหล่?”
“พี่ อาเจ๋อ คุณนอนหรือยัง?”
มู่ยั่นเจ๋อเหนื่อยล้าเล็กน้อยจนนวดระหว่างคิ้วนวดแล้วนวดอีก “ยังไม่นอน เป็นยังไงแล้วล่ะ?”
จิ่งเสี่ยวหย่าลังเลไปสองวินาที อ้ำๆอึ้งๆ พูดไม่เต็มปากเต็มคำว่า “เมื่อกี้ คุณย่ามาหาฉัน บอกกับฉันเรื่องหนึ่ง ให้ฉันปรึกษากับคุณสักหน่อย”
การกระทำของมู่ยั่นเจ๋อหยุดชั่วคราว จิตหวาดผวาโดยไม่รู้สาเหตุหนึ่งที
เขาเสียงเข้มพูดว่า “เรื่องอะไรหรือ?”
“คุณย่าบอกว่า สภาพการณ์ของฉันในปัจจุบันนี้สลับซับซ้อนกว่า ไม่ว่าจะอธิบายยังไง คนเหล่านั้นก็ไม่เชื่อเช่นกัน ดังนั้นหวังว่าพวกเราจะได้แต่งงานเร็วหน่อย สามารถไปจดทะเบียนสมรสก่อน วันหลังค่อยจัดงานแต่งอีก คุณ คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”
มู่ยั่นเจ๋อเงียบไปเลย
ในสายตกอยู่ในความเงียบสงัดดั่งตายไปหมด
จิ่งเสี่ยวหย่าจับมือถือไว้ แค่รู้สึกว่าตนเองเหมือนดั่งกำระเบิดก้อนหนึ่ง ฝ่ามือล้วนตื่นเต้นจนเหงื่อออก