วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 209 ภาพลักษณ์ถูกทำลาย
บทที่ 209 ภาพลักษณ์ถูกทำลาย
จิ่งเสี่ยวหย่าเบิกตากว้างมองดูเธอ
ด้วยสีหน้าอันตกตะลึง
“เธอคิดจะทำอะไร ไหนว่าสัญญาแล้วไง……?”
“ฉันสัญญากับคุณลุงมู่ว่าจะไม่บอกเรื่องของพวกเราสามคนออกไป แต่นั่นต้องอยู่ภายใต้กฎที่ว่าเธอจะไม่มาวุ่นวายกับฉัน ถ้าเธอยังจะมาวุ่นวายกับฉันอีกละก็”
จิ่งหนิงหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วมองไปด้วยสายตาดูถูก
“ฉันก็จะไม่เกรงใจเหมือนกัน ถึงเวลาแล้วฉันอยากจะเห็นจริงๆว่าตำแหน่งที่ขโมยมาจะนั่งได้นานไหม?”
“แก!”
จิ่งหนิงลุกขึ้นแล้วไม่อยากสนใจเธออีก จึงได้เดินออกไป
อานเฉียวไม่ได้ยินว่าพวกเธอคุยอะไรกัน เมื่อเห็นเธอเดินจากไปแบบนี้ก็รู้สึกโมโหมาก
“พี่เสี่ยวหย่า พวกเราแจ้งตำรวจหรือโทรศัพท์หาคุณชายมู่ดีคะ เธอกล้าลงมือกับคุณขนาดนี้เราจะปล่อยเธอไปได้ยังไงกัน?”
จิ่งเสี่ยวหย่ากำมือแน่นจนเล็บแทบจะจิกเข้าไปในเนื้อ
เมื่อได้ยินอานเฉียวพูดดังนั้นเธอก็หันหน้าไปกัดฟันแล้วถามขึ้นว่า
“แจ้งตำรวจเหรอ?”
อานเฉียวไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงทำท่าทางแบบนั้นออกมา แต่ก็พยักหน้าตอบ
“ใช่ค่ะ”
คิดไม่ถึงว่าจิ่งเสี่ยวหย่าจะตะคอกออกมาและผลักเธอออกไป “ไสหัวไปซะ!”
อานเฉียว“……”
เธอไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรผิดไป แต่สังเกตได้ชัดเจนว่าจิ่งเสี่ยวหย่าโมโหมาก เธอคิดว่าจิ่งเสี่ยวหย่ายังโมโหจิ่งหนิงอยู่จึงได้รีบเข้าไปพยุงเธอ
“พี่เสี่ยวหย่า อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ”
จิ่งเสี่ยวหย่าสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับความโกรธเอาไว้
“ช่วยพยุงฉันกลับโรงแรมที บอกกับหลินซูฝานด้วยว่าวันนี้ฉันไม่สบาย ไม่ถ่าย!”
อานเฉียวตกตะลึง
“อะไรนะคะ?”
จิ่งเสี่ยวหย่าจ้องมองเธอ “ยืนทำอะไรล่ะยังไม่ไปอีก?”
“แต่ว่า……เรื่องของจิ่งหนิงเราจะปล่อยไว้แบบนี้เหรอ?”
จิ่งเสี่ยวหย่ามองตามจิ่งหนิงที่เดินจากไปแล้วกำมือแน่น
“วางใจได้ ฉันไม่ปล่อยเอาไว้แค่นี้แน่ เรื่องที่เธอทำกับฉันในวันนี้สักวันหนึ่งฉันจะต้องหาโอกาสเอาคืนร้อยเท่าพันเท่า!”
อานเฉียวทำตามที่จิ่งเสี่ยวหย่าบอก เธอไปแจ้งกับหลินซูฝานว่าจิ่งเสี่ยวหย่าไม่สบาย
ที่กองถ่ายเกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้หลินซูฝานจะไม่รู้ได้ยังไง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อหน้าอานเฉียว
ได้แต่ทำท่าทางโบกไม้โบกมือแล้วพูดว่า “เธอนี่มันน่ารำคาญจริงๆ เอาเถอะๆ! แค่วันเดียวแล้วกัน แต่พรุ่งนี้จะต้องกลับมาทำงานนะ”
แม้อานเฉียวจะไม่พอใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปรีบกลับไปรายงานจิ่งเสี่ยวหย่า
อีกด้านหนึ่ง จิ่งหนิงนั่งอยู่หน้ากระจกมองดูโม่หนานกำลังใส่ยาให้เธอ
เดิมทีเธอแต่งหน้าเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้จะต้องใส่ยาก็ต้องลบเครื่องสำอางออกอีก
ยังดีที่จิ่งหนิงมีผิวดีอยู่แล้วจึงไม่ได้เติมเครื่องสำอางมาก เพียงแค่ใช้สำลีเช็ดออกเบาๆก็หมดแล้ว เดี๋ยวรอให้ตัวยาซึมเข้าไปสักครู่ค่อยแต่งเติมเข้าไปใหม่
โม่หนานใส่ยาให้เธอด้วยความระมัดระวังและพูดอย่างปวดใจว่า “เสี่ยวหย่าบ้าไปแล้ว อยู่ดีๆก็เกิดบ้าขึ้นมาซะอย่างนั้น ดูซิเนี่ย!หน้าบวมไปหมดแล้ว”
จิ่งหนิงมองดูเธอที่ท่าทางโมโหก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เอาเถอะ จิ่งเสี่ยวหย่าเธอเจ็บกว่าฉันเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเตะที่เธอใส่เข้าไปเต็มเปา ไม่ได้ออกแรง 100% ใช่ไหม?”
โม่หนานหัวเราะเหอะๆ
“ถ้าฉันไม่ออมแรงละก็ตอนนี้เธอคงจะไปโรงพยาบาลแล้ว แต่ไม่ได้เดินไปเองนะต้องใส่เปลหามไป!”
โม่หนานรู้ดีว่าเธอไม่ควรที่จะลงมือหนักมากไม่อย่างนั้นอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์อีก
จิ่งหนิงพยักหน้าแล้วสบายใจขึ้น
หลังจากนั้นเหมือนเธอคิดอะไรได้ก็ยิ้มออกมากะทันหัน
ม”องดูแล้วจิ่งเสี่ยวหย่ากับมู่ยั่นเจ๋อน่าจะมีปัญหากันจริงๆละ”
โม่หนานตกตะลึง เธอไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก “ทำไมถึงว่าแบบนั้นล่ะ?”
“เดิมทีเธอเป็นคนที่เก็บอารมณ์เก่งมาก ไม่ใช่คนที่อารมณ์ร้อนขนาดนี้ ข้อนี้ฉันรู้ดีตั้งแต่หยูซิ่วเหลียนแอบคลอดเธอออกมาจนกระทั่งอายุสิบแปดปีที่เข้ามาอยู่ในบ้านเรา ฉันก็มองออกแล้ว ในเมื่อเป็นอย่างนี้ในวันนี้ฉันเพียงแค่ถามอะไรออกไปเล็กน้อยสองสามประโยคก็ทำให้เธอโมโหได้มากมาย นั่นหมายความว่าเธอกับมู่ยั่นเจ๋อมีปัญหากันจริงๆน่ะสิ!”
โม่หนานจึงได้เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง เธอพูดคำว่า “อ้อ” ออกมา
“หมายความว่าเมื่อสักครู่คุณตั้งใจทำอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ไง!”
โม่หนานไม่เข้าใจจริงๆ
“แต่ถ้าทำแบบนี้มีประโยชน์อะไรกับเราล่ะ?”
จิ่งหนิงหัวเราะ
“ประโยชน์เหรอ?มีแน่นอน”
“เพราะว่า ถ้าหมามันถึงทางตันก็คงต้องกระโดดขึ้นกำแพงใช่ไหม?!”
เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือโทรออก
เช้าวันนั้นในอินเทอร์เน็ตก็เผยแพร่คลิปวิดีโอ
《กลยุทธ์พลิกชีวิต》 เป็นเรื่องนี้อีกแล้ว และตัวแสดงก็ยังเป็นจิ่งเสี่ยวหย่ากับจิ่งหนิง
ช่วงนี้พวกมีการค้นหาเกี่ยวกับเรื่องสองคนนี้มากจนทำให้ชาวเน็ตปวดหัว
ดังนั้นเมื่อพวกเธอเปิดไปเจอคลิปนี้เข้าและเห็นเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นก็แทบอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
“พระเจ้า นี่มันก็โหดร้ายเกินไป!”
“ในวิดีโอนี้คือจิ่งเสี่ยวหย่าที่อ่อนโยนและใจดีเวลาอยู่หน้ากล้องเหรอ?”
ตอนนี้ทุกคนเห็นเพียงแค่จิ่งเสี่ยวหย่ากำลังบ้าคลั่งเดินไปอยู่ต่อหน้าจิ่งหนิงและตบเธอเข้าเต็มเปา
วิดีโอนั้นมีเพียงแค่สิบวินาที มันสั้นมาก หลังจากที่เธอตบแล้วก็เป็นภาพของจิ่งหนิงที่ทำหน้างงงวยอีกทั้งคนรอบข้างที่หันมามอง
เมื่อคลิปวิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้เกิดความโกลาหลบนโลกอินเทอร์เน็ตทันที
มันร้ายแรงยิ่งกว่าเหตุการณ์ภาพถ่ายของจิ่งหนิงในครั้งนั้น
“ให้ตายสิจิ่งเสี่ยวหย่าเธอบ้าไปแล้วหรือไง มือที่เธอตบลงไปแค่ฉันดูอยู่ตรงนี้ก็รู้สึกว่าเจ็บปวดแล้ว เธอกล้าลงมือได้ยังไงกัน?”
“นี่เป็นการถ่ายทำหรือเปล่า เป็นหนึ่งในฉากหรือยังไงกัน?”
“น่าจะไม่ใช่ถ่ายทำนะ ทุกคนใส่เสื้อผ้าไปรเวทไม่ได้ใส่ชุดแสดงละครซะหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อยู่ๆเธอจะลงไม้ลงมือแบบนี้ได้ยังไงมันต้องมีอะไรแน่นอน!”
“ต่อให้มีปัญหากันก็ไม่ควรลงไม้ลงมือไม่ใช่เหรอ นี่มันเกินไป”
“ก็นั่นน่ะสิตามปกติแล้วชอบเสแสร้งทำตัวเป็นคนอ่อนโยนและใจดี คิดไม่ถึงเลยว่าจะเลวได้ขนาดนี้”
“อย่างที่เขาบอกกันว่าตบคนไม่ให้ตบที่หน้า เนื่องจากดาราสาวใช้หน้าตาในการทำมาหากิน ฉันยังคิดว่ากำลังถ่ายละครกันอยู่เลย ตบของเธอเมื่อสักครู่ต้องการให้จิ่งหนิงถ่ายทำรายการไม่ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?”
“ฉันมองดูก็เจ็บแทนแล้ว ตอนที่โดนตบคงจะเจ็บมากแน่ๆเลยนี่มันช่างโหดร้ายเกินไป”
“อีกอย่างพวกเธอเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ? ก่อนหน้านี้ตอนที่จิ่งเสี่ยวหย่าให้สัมภาษณ์ เธอยังบอกเลยว่าเธอกับจิ่งหนิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน”
“นั่นน่ะสิ ถ้าเป็นอย่างนี้การถ่ายทำครั้งนั้นก็คงเป็นเรื่องโกหกสิ!”
“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละนะ ไม่อย่างนั้นจะทำดีกันต่อหน้าและลงมือลงไม้กันลับหลังได้ยังไง?”
“ฉันว่าจิ่งหนิงวางตัวได้ดีนะ แต่เธอคงไม่คิดมาก่อนว่าจะถูกตบแบบนี้ ดังนั้นคาดว่าจิ่งเสี่ยวหย่าคงวางแผนมาอย่างดีแล้วในการที่จะกลั่นแกล้งและสร้างปัญหาให้อีกฝ่าย”
“เหรอ ฉันอุตส่าห์ยกย่องให้เธอเป็นเทพธิดาด้วย ที่จริงความอ่อนโยนนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องจอมปลอมหรือเนี่ย! ลับหลังแล้วเธอโหดเหี้ยมและดุเดือดมาก ดูท่าทางที่เข้าไปตบอย่างรวดเร็วของเธอสิ! ไม่ใช่ครั้งแรกแน่นอน ดีไม่ดีชีวิตจริงเธอก็เป็นคนแบบนี้แหละ”
“ภาพลักษณ์ถูกทำลาย”
“+ 1”
“+1”
“+1”
“+12345…..”
และในทันใดนั้นเอง จิ่งเสี่ยวหย่าที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของมู่ซื่อกรุ๊ป เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดูแล้วสีหน้าเปลี่ยนไปทันที