วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 107 ฝันประหลาด
บทที่ 107 ฝันประหลาด
“หม่ามี้?”
“อื้ม”
“จริงเหรอคะ? แดดดี้ช่วยหนูตามหาหม่ามี้จนเจอแล้วเหรอคะ?”
ลู่จิ่งเซินยิ้ม “อยากเห็นเธอไหม?”
“ค่ะๆ หนูอยากเห็นๆ”
“งั้นวางสายก่อนนะ แดดดี้จะส่งรูปให้ลูก ดูเสร็จแล้วก็เข้านอนเลย ตกลงไหม?”
“ตกลงค่ะ”
ลู่จิ่งเซินจึงได้วางโทรศัพท์ ค้นหารูปของจิ่งหนิงที่ก่อนหน้านี้ถ่ายไปโดยไม่ได้ตั้งใจในมือถือแล้วส่งออกไป
อีกด้าน เด็กน้อยแค่ได้รับรูปภาพ ก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที
นี่คือหม่ามี้ของเธอใช่ไหม?
หม่ามี้สวยจังเลย! ผิวขาว ดวงตาน่ามอง จมูกโด่งๆ ปากสวยเหลือเกิน!
หม่ามี้กับอานอานหน้าเหมือนกันเลย!!!
เย้……คุณย่า นี่หม่ามี้ของหนู! อานอานเป็นลูกสาวของเธอ! อานอานดีใจ!
เด็กน้อยถือมือถือเอาไว้จะวิ่งไปหาคุณนายที่ห้องนั่งเล่นด้วยความตื่นเต้น
แต่แค่วิ่งออกมาจากห้อง ก็โดนคนรับใช้ที่ดูแลเธอจับเอาไว้อย่างคิดไม่ถึง
“คุณหนู ตอนนี้สี่ทุ่มแล้วนะคะ คุณรับปากว่าจะเข้านอนอย่างว่าง่ายแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังวิ่งไปทั่วอยู่อีกคะ?” อานอานกำลังมองเธอ หยุดลงครู่หนึ่ง
ดวงตาคู่สวยราวกับไข่มุกสีดำกลอกไปกลอกมาสองรอบ เม้มริมฝีปากเล็กๆที่บอบบางเอาไว้แน่น ชั่วครู่ จู่ๆก็หันกลับวิ่งเข้าไปในห้องนอน
ไม่ได้ หม่ามี้สวยเกินไป! ไม่ยอมให้เธอรู้หรอก!
ไม่อย่างนั้นพวกเธอจะมาแย่งชิงหม่ามี้กับเธอ!
หม่ามี้เป็นของเธอคนเดียว ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาแย่ง!
หึ่ม!
คนรับใช้เห็นเด็กน้อยวิ่งกลับเข้าไปในห้องนอนแล้ว แค่คิดว่าเธอรู้ตัวว่าตนเองทำผิดเท่านั้น จึงเข้านอนอย่างว่าง่าย ก็ไม่ได้สนใจอะไร
เดินตามเธอเข้าไปในห้องนอน หลังจากเห็นเธอเข้าไปในผ้าห่มแล้ว จึงเดินเข้าไปใกล้ๆพับมุมผ้าห่มให้เธอ ปลอบเบาๆ: “คุณหนูรีบนอนเถอะค่ะ! รอคุณหลับแล้วฉันถึงจะออกไปค่ะ”
อย่างที่คิดอานอานหลับตาอย่างเชื่อฟัง เริ่มนอน
แต่เดิมเด็กน้อยก็เข้านอนเร็วอยู่แล้ว อย่างรวดเร็วก็หลับไป
คนรับใช้เห็นเธอจับมือถือเอาไว้ตลอด เมื่อครู่กลัวว่าเธอจะงอแง จึงไม่กล้าเข้าไปหยิบ รอสักพักให้เธอหลับแล้ว ตอนนี้ก็เลยเข้าไปหยิบมือถือเด็กของเธอออกมาอย่างเบามือ
ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น เด็กน้อยเรียกออกมาอย่างไม่ได้สติ “หม่ามี้……”
คนรับใช้ตกตะลึง เอาหูเข้าไปใกล้ๆข้างปากของเธอ เมื่อครู่ได้ยินชัดเจนว่าเธอเรียกอะไรออกมา
สายตาที่มองเด็กน้อยในตอนนี้อดไม่ได้ที่จะซับซ้อนขึ้นมา ในใจมีความรู้สึกเจ็บปวดปะทุขึ้น
เด็กคนนี้ ก็ไม่รู้ควรจะบอกว่าเธอโชคดีหรือน่าสงสารกันแน่
ความโชคดีคือ เธอเกิดมาในตระกูลที่มีอำนาจและมีอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลลู่ ตลอดชีวิตคงเรียกได้ว่าไม่ต้องกังวลที่จะไม่มีกินไม่มีใช้ รุ่งเรืองร่ำรวยมหาศาล สุขสบายได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
ที่น่าสงสารก็คือ เธอเป็นเด็กคนหนึ่งที่ไม่มีแม่
อันที่จริง แค่อาศัยอยู่ในตระกูลลู่มามากกว่าห้าปีขึ้นไป ใครๆต่างก็รู้ว่า เมื่อปีนั้นเด็กคนนี้ถูกคุณชายอุ้มกลับมาจากต่างประเทศ ข้างกายก็มีเพียงแค่เธอ ไม่มีผู้หญิงอื่น
ตอนนั้นเธอยังเป็นแค่ทารกที่เพิ่งเกิดได้ไม่นาน อาจจะเป็นเพราะต้องแยกจากแม่ตั้งแต่อายุยังน้อย ร่างกายจึงอ่อนแอมาตั้งแต่เด็กแล้ว มีหลายครั้ง ที่ป่วยหนักจนถึงขั้นวิกฤติ ตระกูลลู่เชิญหมอเก่งๆหลายคนมาพักอยู่ในบ้าน แม้กระทั่งหมอเทวดาก็เคยมาอยู่ในบ้านระยะหนึ่ง นี่ถึงทำให้อาการป่วยของคุณหนูคงที่ลงได้ หลังจากนั้น คนในบ้านก็ยิ่งเลี้ยงดูเธออย่างเอาอกเอาใจ กลัวว่าจะทำให้เสียใจแม้เพียงเล็กน้อย กี่ปีมานี้ เติบโตขึ้นก็ค่อยๆดีขึ้นมากแล้ว
นึกถึงตรงนี้ คนรับใช้ก็มองเด็กน้อยที่นอนอยู่บนเตียงอีกครั้ง
ถอนหายใจ
เฮ้อ! ก็ไม่รู้ว่าแม่ใจร้ายที่ไหน แม้แต่เด็กน้อยที่น่ารักขนาดนี้ก็ยังทิ้งได้ลงคอ
เธอไม่ได้อยู่นาน หมุนตัวเดินออกไปเบาๆ
และอีกด้านหนึ่ง คืนนี้ จิ่งหนิงกำลังฝัน
เธอฝันเห็นว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงสีขาว รอบด้านล้วนแต่เป็นอุปกรณ์สีเทาเข้มที่เย็นเฉียบ มีโลหะที่เย็นยะเยือกกำลังเคลื่อนไหวไปมาบนร่างกายของเธอ
มีเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายพูดอยู่ที่หูของเธอด้วย
“ให้กำเนิดลูกของฉัน แล้วคุณอยากได้อะไรฉันจะให้ทั้งหมด”
“ไม่ ไม่ได้ ไม่เอา–!”
จิ่งหนิงตื่นขึ้นมา
ด้านนอกฟ้าสว่างแดดจ้าแล้ว น่าจะประมาณเจ็ดโมงครึ่ง เสียงน้ำไหลซู่ซ่าลอยออกมาจากในห้องน้ำ มีคนกำลังอาบน้ำอยู่
จิ่งหนิงนอนอยู่บนเตียง หลับตาลง ตั้งแต่หลุดพ้นจากความฝันที่น่ากลัวนั้น
ก็ดีขึ้นหน่อยแล้ว เธอได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก จึงลืมตาขึ้น
“ตื่นแล้วเหรอ?”
ลู่จิ่งเซินถือผ้าขนหนูเช็ดผมสั้นๆที่เปียกชุ่มของตนเอง จิ่งหนิงรู้ว่าเขามีความเคยชินที่จะต้องออกกำลังกายตอนเช้า เมื่อครู่คงเพิ่งออกกำลังกายเสร็จแน่ๆ
เธอ “อืม” ออกมา ไม่ค่อยมีชีวิตชีวาสักเท่าไหร่
ฝ่ายชายเลิกคิ้ว พาดผ้าขนหนูไว้บนหลังเก้าอี้ตามสะดวก เดินเข้าไปหา “เป็นอะไรไป? ไม่สบายเหรอ?”
เขาพูดๆ แล้วก็ยื่นมือไปทาบหน้าผากเธอดู
“ฉันไม่เป็นไร” จิ่งหนิงหาว “แค่ฝันน่ะ ประหลาดมากเลย”
“ฝันอะไร?”
“อืม……” เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วขมวดคิ้วขึ้นมา
“พูดไม่ถูก แปลกๆแล้วก็สับสน จับต้นชนปลายได้ไม่ชัดเจน”
“คงเพราะเมื่อวานเหนื่อยเกินไป อยากพักต่ออีกหน่อยไหม?”
จิ่งหนิงส่ายหัว
“ไม่หรอก วันนี้ฉันยังมีงาน ต้องเข้าบริษัท”
ลู่จิ่งเซินก็ไม่ได้ยื้ออีก “งั้นก็ลุกได้แล้ว ลงไปกินข้าวเช้า”
“อื้ม”
ใกล้สิ้นปี งานในบริษัทค่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆ
อานหนิงกั๋วจี้ด้านนี้ยังดี ช่วงนี้เหล่านักแสดงต่างก็ว่านอนสอนง่าย ไม่มีข้อผิดพลาดอะไร หน่วยงานประชาสัมพันธ์ก็ยินดีที่ไม่มีเรื่องเครียด
ซิงฮุยด้านนั้น ถังลั่วเหยาเข้าร่วมทีมแล้ว กำลังถ่ายทำ 《ตำนานรักข้ามพิภพ》จิ่งเสี่ยวหย่าโดนแทนที่เพราะเรื่องอื้อฉาว หลังจากลู่หยั่นจือผ่านการใช้ดุลพินิจมาแล้ว ในที่สุดก็ยังเลือกให้หัวเหยารับบทนางเอก แสดงบทบาทของเซ่ฟางหัว
เรื่องนี้ แน่นอนว่าต้องทำให้จิ่งเสี่ยวหย่าเกลียดอยู่แล้ว
แค่เสียดาย ที่หมดหนทางแล้ว ผ่านมาหลายวันขนาดนี้ แม้จะควบคุมเรื่องอื้อฉาวที่โรงเรียนได้ แต่ก็ทำลายชื่อเสียงของเธอไปไม่น้อยเลย
ไม่ต้องพูดถึง《ตำนานรักข้ามพิภพ》ที่หายไป แม้แต่งานพรีเซนเตอร์ที่อยู่ในมือ ก็แทบจะหลุดลอยไปทั้งหมด
ตามความคิดของถงซู คือให้เธออยู่เงียบๆไปก่อนสักหนึ่งเดือน ไม่ว่าอย่างไรก็ให้ผ่านช่วงงบดุลปลายปีไปก่อน ปีหน้าจะมีงานการกุศล ถึงตอนที่ผ่านช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานไปแล้ว เธอก็ทำการกุศลให้มากๆหน่อย ทวงภาพลักษณ์กลับมา
แม้จิ่งเสี่ยวหย่าจะเกลียด แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ ทำได้เพียงทำตามในสิ่งที่ถงซูจัดการ
นักแสดงคนอื่นๆอีกกี่คนภายในซิงฮุย เริ่มแรกหลังจากที่จิ่งหนิงแจ้งให้ทราบ ก็ออกไปกี่คนแล้ว จึงเหลือนักร้องอยู่เพียงสี่คนที่มีหน้าตาเป็นแบบอย่าง
จิ่งหนิงไม่รีบร้อนที่จะให้พวกเขาออกไปเปิดเผยตัว แต่เชื้อเชิญครูสอนร้องเพลงและสอนเต้นมาโดยเฉพาะ เพื่อช่วยให้พวกเขาพัฒนาความสามารถในการทำงาน
ในรายการวาไรตี้การแข่งขันของไอดอลที่มีพรสวรรค์ในปีหน้า หวังว่าพวกเขาจะแสดงความสามารถของตนเองออกมาอย่างเต็มที่
ช่วงเวลาในบรรยากาศที่อึกทึกครึกโครมและยุ่งเหยิงอย่างนี้ผ่านไปแล้ว
อีกสี่วันก็จะปีใหม่ บริษัทก็จะได้หยุดพักในอีกไม่ช้า
ซิงฮุยด้านนั้น จิ่งหนิงแจ้งวันหยุดเร็วขึ้น อานหนิงกั๋วจี้ด้านนี้ช้ากว่าหนึ่งวัน ก่อนหยุด เพื่อนร่วมงานของแผนกเสนอให้ออกไปฉลองกัน ปลดปล่อยอารมณ์สักหน่อย แล้วก็ถือโอกาสกระชับความสัมพันธ์กับในทีมด้วย
จิ่งหนิงรับปาก และยังรับบทเป็นเจ้ามือเลี้ยงทุกคนอย่างใจกว้าง เหล่าเพื่อนร่วมงานของแผนกต่างก็เบิกบานใจมีความสุข
สองทุ่ม หลังจากกินข้าวเสร็จ คนทั้งกลุ่มก็ไปร้องเพลงที่คาราโอเกะกันต่ออย่างคึกคัก