วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่53 ภาวิณีมาเยี่ยม
ตอนที่53 ภาวิณีมาเยี่ยม
วิศาลนั่งอยู่เก้าอี้ข้างเตียง เดาว่าธัชชัยนั่งตรงนี้มาตลอด สายตาของเขาทอประกายอบอุ่นขึ้นมา
“เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าให้ดูแลตัวเองดีๆไม่ใช่เหรอ? นายเป็นอย่างนี้ จะให้ฉันยอมรับได้ยังไง?” วิศาลพูดเสียงเบา
วรพลกระพริบตา แสดงอารมณ์แบบหมดอาลัยตายอยากออกมา “ชนัด พวกเราหมดหนทางแล้ว ทุกวันนี้ที่มีชีวิตอยู่ ทุกลมหายใจ มันทรมานเหลือเกิน ฉันอยากจะตายให้มันจบๆ แต่ว่ายังมีธัชชัย เขายังไม่มีความสุข ฉันก็ไม่อาจวางใจ”
วิศาลรู้ดีว่าเบื้องหลังเรื่องไฟคอกนั้น หาใช่มีคนอยากทำร้ายพี่น้องตระกูลศรีทอง เขารู้ดีว่าวรพลกำลังกังวลอะไร ธัชชัยเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น วรพลยังมีชีวิตอยู่เขาถึงเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าวรพลตายแล้ว เขาก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าธัชชัยจะเป็นอย่างไร
“วรพล นายอย่าคิดแบบนั้น อย่างน้อยทุกอย่างบนโลกนี้ก็ควรแก่การระลึกถึง เพื่อธัชชัย นายจะต้องมีชีวิตที่ดี รักษาตัวเองให้ดี ไม่งั้นนายจะทำผิดต่อฉันกับธัชชัยที่ ‘กลายเป็นศัตรู’ แล้ว” วิศาลพูดล้อเล่น
คนพูดไม่คิด แต่คนฟังรู้สึก ธัชชัยและวิศาลทะเลาะกันเรื่องนี้จนระอา วรพลเคยได้ยินจากพ่อบ้านภูษิตแล้ว ที่จริงธัชชัยควรจะซาบซึ้งที่วิศาลช่วยเขาไว้มากกว่า แต่วิศาลกลับกลายเป็นคนเลวไป
“ชนัต เป็นฉันที่ทำไม่ดีต่อนายเอง…ธัชชัยติดหนีชีวิตนายเอาไว้ ฉันขอบคุณแทนเขาเอง…” วรพลพยายามฝืน ยังไงเขาก็จะต้องโค้งคำนับวิศาลให้ได้
“ธัชชัยก็นิสัยแบบนี้ ขอให้เธออย่าถือสา” เป็นเพราะท่าโค้งคำนับ ทำให้วรพลราวกับต้องใช้แรงมหาศาล หายใจถี่รัว ราวกับจะขาดอากาศหายใจ
“ฉันเคยบอกแล้วไง วรพล ว่าอย่าพูดแบบนี้ นายก็รู้ว่าเหตุการณ์มันอันตรายขนาดไหน ถ้าหากช้ากว่านี้ พวกเราสามคนอาจจะตายอยู่ที่นั่น ตอนนี้นายแค่ต้องดูแลตัวเองดีดี รีบๆหายไวๆ แล้วธัชชัยก็จะไม่ ‘เกลียด’ ฉันอีก” วิศาลปลอบใจ
“ฉันคิดว่าการมีชีวิตอยู่มันช่างน่าตลกสิ้นดี คนที่พิการคนหนึ่ง… ไม่สิ ต้องเป็นผีที่กึ่งเป็นกึ่งตาย นายดูหน้าฉัน… ฉันไม่เคยส่องกระจกว่าตัวเองนั้นน่ากลัวขนาดไหน…” วรพลพูดด้วยน้ำเสียงราวกับปลงกับชีวิตแล้ว ใครได้ยินก็ต้องสงสาร
“พวกนายไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนั้นหรอก ตกลงฉันนะ ถ้าหากฉันเป็นอะไรไป นายจะต้องอยู่กับธัชชัยต่อไป ไม่ให้เขาต้องแก้แค้นใครอีก”
วิศาลเบือนหน้าหนี “อันนี้ไม่ได้ ฉันห้ามเขาไม่ได้ นายรู้นิสัยเขาดี ถ้าหากนายไป ตระกูลศรีทองไม่มีทางเงียบสงบ นายเข้าใจไหม? ญาติทั้งหมดในตระกูล คนที่เกี่ยวข้องภายใน และธัชชัยไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆแน่ๆ เรื่องนี้ นายจะต้องจัดการเอง”
วิศาลรู้ว่าการที่วรพลมีชีวิตอยู่มันลำบากขนาดไหน เขาเองก็รู้ดีว่าการตายคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดของวรพล แต่เขากับธัชชัยเหมือนกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตามไม่มีทางมองเขาตายไปเฉยๆแน่ๆ ยังคงรั้งให้เขามีชีวิตต่อ ตราบเท่าที่จะนานได้วรพลค่อยๆพิงลงที่หัวเตียง แผลที่น่ากลัวบนใบหน้าเต้นตุบๆ ยิ้มอย่างสิ้นหวัง แล้วพูดขึ้น “ตอนนี้ฉันเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ที่อยู่ไปก็ไร้ค่า จะตายเองยังตายไม่ได้เลย”วิศาลดูท่าทางของวรพล ในใจรู้สึกเป็นทุกข์ เงียบอยู่ครู่หนึ่ง จึงตอบกลับ “นายต้องเชื่อ ว่าต้องมีคนอยากให้รายมีชีวิตต่อไป”ทั้งสองคนเงียบอยู่นาน วิศาลเห็นว่าดึกมากแล้ว จึงขอตัวกลับ แล้วยังสั่งไม่ให้เขาทำอะไรโง่ๆอีกตอนที่ลงจากบันได เห็นร่างเล็กนอนขดอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก เมื่อเดินเข้าไปดู เป็นวัจสาทราเถียงอยู่กับเขาเมื่อกี้นั่นเองเธอนอนหลับตาพริ้ม ในมือกำไม้กอล์ฟอยู่หลวมๆ วิศาลถึงกับอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้กลัวว่าเขาจะทำร้ายวรพลมากเขาคิดว่าที่วรพลหาผู้หญิงงคนนี้มาให้ธัชชัยนั้นถูกต้องแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่อบอุ่นราวกับพระอาทิตย์ขึ้น ที่ส่องสว่างและให้ความอบอุ่นแก่ธัชชัยสวยหวานราวกับภาพวาด อดทนเข้มแข็งเป็นไหนๆ หวังว่าเธอจะสามารถเดินเข้าไปในใจของธัชชัยได้ ละลายภูเขาน้ำแข็งก้อนนั้นในใจเขาวิศาลเพียงแค่ยืนมองเขาเพียงครู่หนึ่ง กำลังจะเดินจากไป ป้าอ้อยที่จะเดินมาปลุกวัจสา ก็ถูกเขารั้งไว้รอให้วิศาลจากไปเสียก่อน ป้าอ้อยก็เดินมาแตะที่ไหล่วัจสาเบาๆ แล้วปลุกเธอ “คุณนาย กลับไปนอนที่ห้องเถอะค่ะ ที่นี่อากาศหนาว”วัจสาตื่นมาอย่างัวเงีย มองไปรอบๆ ไม่เห็นผู้ชายคนนั้น “ป้าอ้อย วิศาลไปแล้วเหรอ? หรือว่าเขายังคุยกับวรพลอยู่ข้างบน?”“คุณชายวิศาลกลับไปแล้วค่ะ” ป้าอ้อยตอบ พลางรับไม้กอล์ฟไปจากมือเธอหน้าของวัจสาแดงก่ำ ท่าทางแข็งแกร่งของเธอนั้นอยู่ในสายตาป้าอ้อยเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปแล้วอีกสามวัน ธัชชัยจากไปแล้วหกวัน แต่เขาก็ยังไม่ติดต่อมาวัจสาก็ไม่ไปถามกับพ่อบ้านภูษิตและป้าอ้อย กลัวจะเผยความในใจออกไป เธอลองใช้สมาธิไปกับสิ่งอื่น เพียงแค่ไม่ไปนึกถึงเขาอะไรๆ ก็น่าจะดีขึ้นไม่ใช่เหรอ?”ทางด้านของวรพลก็เช่นเดียวกีน เธอได้แต่ฟังจากปากของป้าอ้อย ว่าเขายังคงกินอะไรไม่ลงเช่นเดิม ไม่มีอะไรแปลกไปทุกครั้งที่วัจสามายืนหน้าห้องบำบัด มีหลายครั้งที่พ่อบ้านเกือบจะให้เธอเข้าไป แต่เมื่อเทียบความสงสารของวัจสา แต่สุขภาพของวรพลนั้นน่ากังวลมากกว่า และความเป็นผู้ชายหัวอกเดียวกัน พ่อบ้านภูษิตรู้ดีว่า การที่ถูกสงสารหรือเห็นใจจากผู้หญิงนั้นมันรู้สึกแย่ขนาดไหนถ้าหากให้วัจสาได้พบกับวรพล กลัวว่าจะทำให้อาการเขาทรุดหนัก คงไม่มีทางทำให้อาการดีขึ้น ดังนั้นต่อให้สงสารเธอขนาดไหนก็ปล่อยให้เข้าไปไม่ได้วัจสายังคงช่วยป้าอ้อยจัดอาหารให้วรพลเช่นเดิม ต่อให้ไม่สามารถเจอเขา แต่ก็ยังต้องดูแลเขา เธอเรียนตำรับอาหารจากหนังสือแพทย์มากมาย หวังว่าจะช่วยให้เขากินอะไรได้มากขึ้น มีเรี่ยวแรงในการรักษาตัวผ่านไปสองวันโดนที่ไม่รู้ตัว ตอนนี้ก็แปดวันแล้ว ธัชชัยบอกว่าไม่เกินสิบวัน เขาจะกลับมา วัจสาเอาแต่คิดเช่นนี้ อยู่แต่ในบ้าน กลัวว่าธัชชัยกลับมาแล้วจะไม่เจอเธอ อาจจะถูกกล่าวหา: ว่าออกไปอ่อยผู้ชายคนอื่นวัจสาเกลียดความผิดที่เธอไม่ได้ทำมากที่สุดหัวค่ำวันนั้น ที่บ้านก็มีแขกที่ไม่ได้ต้อนรับมา คือ ภาวิณี คุณหญิงรองแห่งตระกูลเดิมขุนทดนั่นเองแต่ว่าเธอก็ไม่ถือว่าเป็นแขกไม่ได้ต้อนรับเสียทีเดียว ยังมีวรพลคุณน้าของบ้านศรีทองอีกคน ช่วงนี้เขาพาคนมา อยากจะบุกเข้ามาในบ้าน แต่กลับถูกคนที่ธัชชัยเตรียมไว้จัดการไปจนหมดครั้งนี้ภาวิณีเอาเค้กที่วัจสาชอบมาด้วย ไม่ใช่ของที่ธัชชัยชอบทาน แต่มันทำให้วัจสาแปลกใจมาก“พี่วัจสา คงจะไม่ได้ทานผลไม้แช่แข็งมานานใช่ไหม? นี่พ่อฉันซื้อมาจากต่างประเทศโดยเฉพาะ ลองทานดูค่ะ” ภาวิณีเม้มปากยิ้มออกมาเธอรู้ว่าธัชชัยไม่อยู่บ้าน จึงตั้งใจมาในตอนนี้ และเพื่อไม่ให้คนมองออก: ภาวิณีมาเพื่อธัชชัยเท่านั้น แต่ตอนที่ธัชชัยไม่อยู่ เธอจึงจะมาอยู่ที่นี่วัจสาไม่รู้ว่าในใจของภาวิณีมีแผนการเช่นนี้วัจสาหยิบผลไม้สีชมพูใสวาวขึ้นมาชิ้นหนึ่ง เธอคิดถึงรสชาตินี้เป้นที่สุด ตอนที่อนู่บ้านตระกูลเดิมขุนทด ต้องเป็นวันเกิดถึงจะได้กินครั้งหนึ่ง นี่คงเป็นสิ่งที่ทำให้เธอยังคงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นเล็กๆจากตระกูลเดิมขุนทด คงเป็นความคิดถึงดังนั้นตอนที่ภาวิณีถือมา วัจสาดีใจมาก “ขอบคุณมากนะ ภาวิณี เอามาให้ฉัน จากตั้งไกลโน่นแหนะ”ภาวิณียิ้มบางๆ ในใจรู้สึกอย่างช่วยไม่ได้ “ที่จริงที่ฉันมาไม่ได้เพราะเอาอันนี้มาให้เธออย่างเดียวหรอก เป็นเพราะแม่ฉันบังคับให้ฉันไปเรียนพิธีการจนฉันอึดอัด วันวันอยู่แต่ที่บ้าน ฉันจะบ้าอยู่แล้ว คืนนี้เลยหนีออกมาเปิดโรงแรมนอนเสียหน่อย ไม่กลับบ้านแล้ว”คำที่ภาวิณีพูดนั้นคงไว้ซึ่งความหมายโดยนัยน์ ทำไมวัจสาถึงฟังมันไม่ออก? หรือต้องมาไม้อ่อน เธอยิ้มแล้วพูดขึ้น “ยัยซื่อบื้อ อยู่ที่นี่ก็อยู่แล้ว พ่อบ้านภูษิตกับป้าอ้อยก็ดีกับเธอ”และที่นี่มีห้องรับแขก ให้ภาวิณีนอนที่นี่กับเธอได้ คงจะไม่รบกวนคนอื่นภาวิณีต้องการเช่นนั้น เธอต้องการอยู่ที่นี่เพื่อรอธัชชัยกลับมา อาจจะเกิดเรื่องดีๆขึ้นก็ได้!“จริงเหรอ? พี่วัจสา ขอบคุณมากๆนะคะ! ฉันก็รู้ว่าในบรรดาพี่น้อง มีแต่พี่ที่ดีกับฉัน!” ภาวิณีดีใจจนโผเข้าหาวัจสา ทำเป็นสนิทสนมวัจสาจับผลไม้แช่แข็งของเธอไว้แน่น รู้สึกจั๊กจี้ตรงที่ภาวิณีมาโดน แล้วจึงหัวเราะออกมา “อย่า ภาวิณี ผลไม้จะตกแล้ว”ป้าอ้อนที่อยู่ในห้องครัวได้ยินเสียงหัวเราะของวัจสา จึงเผลอยิ้มขึ้นมา คุณหนูรองตระกูลเดิมขุนทดดูท่าน่าจะเป็นคนดี รู้จักมารยาท ที่สำคัญ ยังทำให้คุณนายมีความสุขได้ขนาดนี้ เพราะช่วงนี้คุณนายอารมณ์ขุ่นมัวมาหลายวัน แต่วันนี้เธอหัวเราะขึ้นมาได้แล้วแต่พ่อบ้านภูษิตที่อยู่ชั้นสองนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะเช่นเดียวกัน แต่สีหน้าเขาเคร่งเครียดขึ้น เพราะเขาคิดว่าคุณหนูรองตระกูลเดิมขุนทดนั้น ไม่ได้ใสซื่ออย่างที่ใครๆเห็น ในตระกูลเดิมขุนทดนั้น เธออาจจะมีแผนการมากที่สุดก็เป็นได้ ถ้าหากเธอเป็นคนดีจริงๆ คงไม่โยนเรื่องแต่งงานกับคุณชายใหญ่ให้คุณวัจสาหรอก แต่ว่า เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าวัจสาแล้ว พ่อบ้านภูษิตก็ได้แต่ถอนหายใจ คุณนายแกมีความสุขก็ดีแล้ว อย่างน้อยตอนที่คุณชายรองไม่อยู่ เธอจะได้ไม่ทำเรื่องอะไรอีก