วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่51 ต้องคิดถึงฉัน
ตอนที่51 ต้องคิดถึงฉัน
เขาค่อยๆพูดขึ้นเบาๆ “ตอนที่ฉันไม่อยู่บ้าน เธอจะต้องจับตาดูพี่ชายฉันทุกฝีก้าว เรียกใช้พ่อบ้านภูษิตได้ทุกเมื่อ ถ้ามีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น หรือเขามีท่าทีจะฆ่าตัวตาย ให้บอกเขาว่า: กนิษฐายังไม่ตาย”
เพราะว่าธัชชัยรู้ว่าตัวเองไม่สามารถกลับมาทัน ครั้งที่แล้วมนายุพาคนมาหาเรื่อง ถ้าไม่ใช่เพราะวัจสา พ่อบ้านภูษิต และป้าอ้อยเฝ้าอยู่นั้น เขาคงไม่มีโอกาสได้เจอวรพลอีก แต่ว่าครั้งนี้วรพลจะฆ่าตัวตาย นั่นเป็นเพียงเรื่องชั่วพริบตา มีเพียงข่าวคราวของกนิษฐาเท่านั้นที่จะรั้งเขาไว้ได้
“กนิษฐายังไม่ตาย?” ข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่มาก อย่าว่าแต่วรพลได้ยินแล้วจะดีใจ แม้แต่วัจสาได้ยินก็ยังต้องดีใจ อย่างน้อย วรพลยังคงมีห่วงอยู่บนโลกนี้ เพื่อนฉุดรั้งให้เขามีชีวิตต่อไป
“ใช่ แต่เรื่องนี้ถ้าไม่ถึงเวลาฉุกเฉิน อย่าเพิ่งพูดออกไป” ธัชชัยสั่งด้วยความเคร่งขรึม
วัจสาคิดไปคิดมาก็พอจะเข้าใจว่าทำไมธัชชัยจึงทำเช่นนี้ นี่เป็นไพ่ตายใบสุดท้ายที่จะใช้รักษาชีวิต หรือหากพูดออกไป วรพลอาจจะคิดว่าตัวเองนั้นไม่เหมาะกับกนิษฐาแล้ว ข่าวของเธออาจจะยิ่งเป็นสิ่งเร่งให้เขาจบชีวิตเร็วขึ้น
วัจสาพยักหน้าอย่างเข้าใจ “คุณจะไปกี่วัน?”
เธอไม่รู้ตัวว่าตัวเองค่อยๆพึ่งพิงธัชชัยมากขึ้นทุกวันๆ เมื่อรู้ว่าเขาจะไป ในใจนั้นแอบขัดขืน แต่แสดงมันออกมาไม่ได้ เพราะ มันเป็นความคิดที่ผิด
“ต้องดูสถานการณ์ อย่างน้อยก็ไม่กี่วัน แต่ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะรีบกลับมาภายในสิบวัน” ธัชชัยยืนมือมาลูบเส้นผมดำขลับสละสลวยของวัจสา “เธอไม่ต้องกังวล ฉันสั่งการ์ดไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องแน่นอน”
“ค่ะ รู้แล้วค่ะ จะรอคุณกลับมา” วัจสาพูดจบแล้วก็รู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้นช่างคลุมเครือ “เอ่อ ฉันหมายถึงพวกเราทุกคนรอคุณอยู่ที่บ้าน”
ธัชชัยมองดูท่าทางเป็นทุกข์ของเธอ จึงยิ้มออกมาเบาๆแล้วพูดขึ้น “แค่อยู่บ้านให้เรียบร้อย รอฉันกลับมา แล้วอย่าลืมคิดถึงฉันนะ…” สายตาจ้องไปที่เชือกสีแดงบนคอของเธอ แล้วใช้นิ้วเรียวยาวนั้นดึงมันออกมาอย่างง่ายดาย
เป็นเพียงเชือกสีแดงธรรมดาๆ ตกมาอยู่ในกำมือของธัชชัย กลับดูน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม “ของมีค่าขนาดนี้? ใครให้เหรอ?”
ฟังไม่ออกว่าเสียงของธัชชัยนั้นรู้สึกเช่นไร แต่เขาซ่อนความรุนแรงและเย่อหยิ่งในตัวเองเอาไว้
วัจสาตอบเสียงเบา “ตอนที่ฉันถูกส่งไปบ้านรับเลี้ยง ร่างกายฉันอ่อนแอขี้โรค คุณดนิตาก็ไปหาด้ายแดงนี้มาให้ฉันโดยเฉพาะ เพื่อมาคุ้มครองฉัน แต่ว่ามันก็อัศจรรย์มาก หลังจากที่ฉันใส่มันติดตัว ก็ป่วยน้อยลง ก็ใส่มาจนถึงตอนนี้ คุณพอจะนึกออกไหม? ชายวัยกลางคนคนหนึ่งไปขอเชือกแดงจากวัดมาให้ คุณดนิตาเขาเป็นคนดีมากๆ”
นี่เป็นเพียงเชือกสีแดง แต่เพราะใส่มานาน สีก็เริ่มซีดลง แต่กลับไม่มีร่องรอยของการขาดผุพัง บ่งบอกถึงเจ้าของรักและดูแลมันขนาดไหน
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มันเป็นของฉันแล้ว” ธัชชัยพูดแล้วหยิบเชือกใส่กระเป๋าเสื้อวัจสา “…”เพียงแค่เชือกที่ไม่มีราคา เขาก็ยังจะแย่งไป? แต่ว่าธัชชัยไปต่างประเทศครั้งนี้ อาจจะไปทำเรื่องอันตราย ให้เขายืมเสียหน่อยคงไม่เป็นไร“ฉันแค่ให้ยืมไปต่างประเทศนะ กลับมาต้องเอามาคืนให้ฉันด้วย” วัจสาพูดด้วยเสียงอ่อนโยน“ไม่คืนแล้ว” ธัชชัยตอบกลับด้วยอารมณ์ทั้งเหมือนเด็กและเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ นัยน์ตาของวัจสาแดงก่ำ แต่ก็ไม่อยากเถียงอะไรกับเขาอีก“คุณพักซักหน่อย ฉันจะลงไปให้ป้าอ้อยจัดอาหารเช้าให้” วัจสาพูด เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนกลางวันเขาต้องรีบไปขึ้นเครื่อง จึงให้เขาได้พักผ่อนเสียหน่อยธัชชัยไม่ได้ปฏิเสธ แต่ตอบกลับมาเบาๆ “เธอว่างแล้วช่วยจัดเสื้อผ้าให้ฉันหน่อย ไม่ต้องเยอะมาก แต่เสื้อผ้าในห้องนี้ก็พอ”ท้องฟ้าด้านนอกสว่าง วัจสามองที่ตู้เสื้อผ้า ก็นึกถึงที่ป้าอ้อยบอกเธอ ว่าที่นี่เดิมทีเป็นห้องของธัชชัย ไม่รู้ว่าทำไมถึงเปลี่ยนมาเป็นห้องหอได้ มิน่าเขาถึงเดินผิดบ่อยๆแต่ก็ไม่ได้เข้าใจผิดเขา ถ้าหากว่านี่คือความเคยชิน แล้วเรื่องที่เขาเผลอทำบ่อยๆ แล้วยังชอบวิ่งลงมานอนข้างเธอในห้องรับแขกกลางดึกอีก?คนในตระกูลศรีทองแปลกจริงๆ จัดห้องหอของคุณชายใหญ่มาไว้ตรงข้ามห้องคุณชายรอง นี่มันอะไรกัน?วัจสาส่ายหัว เลิกคิด ยังไงก็คิดอะไรไม่ออก ความจริงมันกลายเป็นเช่นนี้แล้ว อย่างมากวันหลังก็จะไม่มานอนที่นี่อีกเธอหยิบกระเป๋าเดินทางสีดำใบเล็กๆขึ้นมาจากมุมหนึ่ง เปิดตู้เสื้อผ้าเตรียมเก็บของ ผู้ชายที่นอนบนเตียงหลับไปแล้ว ใบหน้าหล่อเหลามีเคราอ่อนๆขึ้น วัจสาค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ธัชชัยรอออกเดินทางในตอนกลางวัน ตอนที่เขาจะไป วัจสาไม่ได้ออกมาส่งเขา ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อคิดว่าเขาจะไม่อยู่ ก็รู้สึกโหวงๆในใจ เธอจึงอยากให้ตัวเองพยายามยุ่งกับเรื่องอื่นๆมากกว่าในห้องรับแขกเหมือนมีคนกำลังคุยกัน คงจะเป็นธัชชัยสั่งงานก่อนจะไป วัจสาตั้งใจฟัง ไม่รู้ว่าหนังสือที่ตัวเองอ่านอยู่นั้นกลับหัวกลับหางเมื่อได้ยินเสียงรถที่กำลังแล่นออกไป…เธอก็ทนไม่ไหว รีบเปิดประตูออกไป เป็นจังหวะที่รถกำลังเลี้ยวลับสายตาไปพอดีไม่รู้ว่าเพราะอะไร วัจสารู้สึกว่านัยน์ตาตัวเอง มีน้ำอุ่นๆเอ่อล้นขึ้นมา…วันนี้เป็นวันที่สาม หลังจากที่ธัชชัยไป เวลาผ่านไปช้าเหลือเกินวัจสาตอนแรกคิดว่า เมื่อธัชชัยไม่อยู่เธอจะมีสมาธิเขียนวิทยานิพนธ์มากกว่าเดิม และนอนหลับไปสบายขึ้น กลางดึกจะไม่มีคนเปิดประตูเข้ามารอบทำร้าย…แต่เหมือนกับเธอคิดมากไป เธอคิดวิทยานิพนธ์ไม่ออกแม้แต่นิดเดียว นอนก็ไม่หลับ นอนพลิกตัวไปมาถึงตีสองตีสามทุกคืน วันที่สองก็ต้องออกไปเจอคนด้วยขอบตาคล้ำๆป้าอ้อยก็ถามว่าเธอไม่สบายรึเปล่า เธอก็ไม่ได้ตอบอาการอะไร หรือจะให้เธอตอบว่าเป็นเพราะคิดถึงความปลอดภัยของธัชชัยจึงนอนไม่หลับเหรอ?เขาจากไปแล้วสามวันยังไม่ได้ยินข่าวคราว แต่เขาอาจจะโทรมาบอกคุณภูษิตกับป้าอ้อยแล้วก็ได้ ไม่ได้บอกเธอแค่คนเดียว ธัชชัยเป็นห่วงพี่ของเขาขนาดนี้ คงไม่มีวันที่จะไม่สนใจเขาหรอกพูดถึงวรพล วัจสานอกจากแค่รับรู้เรื่องอาหารการกินของเขาในทุกวันแล้ว ก็ไม่ได้เจอเขาอีก ในสามวันมานี้ วัจสาใช้อำนาจความเป็นภรรยาตามกฏหมาย บังคับให้คุณภูษิตกับป้าอ้อยพาเธอไปพบกับวรพลพ่อบ้านภูษิตไม่ฟังวัจสาที่ดื้อรั้น แล้วยังพูดกดดัน “คุณนาย ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ให้คุณเข้าไป แต่นี่เป็นคำสั่งของคุณชายใหญ่ เขาไม่อยากพบคุณ”วัจสารู้สึกแย่มาก แต่ก็สงสัยในเวลาเดียวกัน ในงานเปิดหุ้นวันนั้นวรพลยังห่วงเธอมากไม่ใช่เหรอ? ทำไมอยู่ๆถึงไม่อยากเจอเธอขึ้นมา? เธอไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ไม่มีหลักฐานอะไร และไม่อยากจะเดาเอาเองจึงรวบรวมความกล้าไปหาป้าอ้อยเมื่อป้าอ้อยฟังความข้องใจของวัจสาเสร็จ ก็ยิ้มขึ้นเบาๆ “คุณนาย คุณต้องรู้ ว่าคุณชายใหญ่เป็นคนหยิ่งยโส เขากลัวว่าโฉมหน้าของเขาจะทำให้คุณตกใจ ก็เลยไม่อยากพบคุณ”“แต่ว่าพวกเราก็เคยเจอกันแล้วตั้งหลายครั้งไม่ใช่เหรอ? เขาก็ไม่ได้มีท่าทีหยิ่งยโสอะไร? อาการนั้นก็เป็นเพียงอาการที่ถูกไฟคอกภายนอกไม่ใช่เหรอ?”ถูกวัจสาถามรวดเดียวสามคำถาม ป้าอ้อยนึกขึ้นได้ว่าคุณชายรองเคยปลอมเป็นคุณชายใหญ่มาพบกับคุณนาย เธอจึงตอบอึกอัก “อาจเป็นเพราะช่วงนี้อาการไม่ดี เขาคงไม่อยากให้คุณเห็นสภาพเขานอนอยู่บนเตียงทำอะไรไม่ได้อย่างนั้น”บอกตามตรง ว่าวรพลเป็นแบบที่ป้าอ้อยพูดจริงๆ ตัวเองถูกเผาจนเละเป็นผี แล้วจะให้น้องสะใภ้มาพบสภาพอันน่ารังเกียจเช่นนั้นได้ไง? เขาสามารถดูเธอกับธัชชัยว่าสองคนนั้นรักกันดีขนาดไหนผ่านกล้องวงจรปิด มีความสุขขนาดไหน ความสัมพันธ์คืบหน้าบ้างไหม แค่นี้ก็พอแล้วสภาพที่ไม่น่าดูนี้ให้มันจากโลกนี้ไปพร้อมๆกับเขา“เมื่อก่อนได้ยินมาว่า คุณวรพลทานได้น้อยใช่ไหม?” วัจสานึกถึงที่ป้าอ้อยเคยบอกเธอ“ใช่ค่ะ อาหารเหลว น้ำซุปบำรุง ทานน้อยมาก ฉันก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี” ป้าอ้อยพูดถึงตรงนี้ด้วยสีหน้าโศกเศร้า ไม่กินข้าวแล้วจะเอาแรงจากไหนมารักษา?“ถ้าฉันเข้าไปบอกกับเขาได้ก็คงจะดี”“เป็นไปไม่ได้ แม้แต่คำพูดของคุณชายรองเขายังไม่ฟัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณนายเลยค่ะ” ป้าอ้อยถอนหายใจออกมา “คุณชายรองช่วงนี้ก็ไม่ได้โทรกลับมา ก็เพราะไม่อยากให้คุณชายใหญ่เป็นห่วงเขา และไม่คิดฆ่าตัวตายง่ายๆอีก”ฟังจากน้ำเสียงของป้าอ้อย ธัชชัยไม่ได้ผ่านเรื่องนี้มาแค่ครั้งเดียว ที่ใช้ความเป็นตายมาของตัวเองมาผูกมัดพี่ชายเอาไว้ มันทั้งดูปัญญาอ่อน และทำให้รู้สึกประทับใจในเวลาเดียวกัน เขาเป็นห่วงพี่ชายมากจริงๆถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้ผ่านทางโทรศัพท์ แต่ธัชชัยก็คงติดตามเรื่องราวในบ้านศรีทองจากช่องทางอื่น นี่ก็ไม่น่าเป็นห่วงแล้วคำพูดนี้เป็นการยืนยันว่าธัชชัยไม่ได้โทรมา ไม่ได้ตั้งใจที่จะปกปิดเธอ เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจวัจสาก็รู้สึกหน่วงๆไม่รู้ว่าเขาอยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง นิสัยที่ไม่เอาใครไว้ในสายตาและเลือกมากอย่างเขา ไม่รู้ว่าจะอดตายไหม…เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังเป็นห่วงธัชชัย ในใจก็เต้นแรงขึ้น ตัวเองเป็นอะไรไป? ถึงจะบอกว่าเป็นห่วงน้องเขย แต่เธอก็ยังผูกพันธ์กับคนนั้นอย่างชัดเจน…“คุณนาย?”ป้าอ้อยเรียก ทำให้วัจสาหลุดจากพวัง “ทำไมเหรอ?”“ไม่มีอะไรค่ะ ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว ฉันขอไปทำงานก่อนนะคะ”วัจสาพยักหน้า ป้าอ้อยก็เดินจากไป “ถ้าหากพี่ใหญ่ฆ่าตัวตาย ให้บอกเขาว่ากนิษฐายังไม่ตาย” คำพูดของธัชชัยขึ้นมาในหัว ถ้าหากเขาอยากเจอกนิษฐาจริงๆ หวังว่าจะไม่ค้องเปิดไพ่นี้ขึ้นมาใช้