วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่34 ขยี้ตามอง “สามี” ใหม่
ตอนที่34 ขยี้ตามอง “สามี” ใหม่
เช้าวันต่อ ตอนที่วัจสาลืมตาขึ้นมา ก็เก้าโมงเช้าแล้ว
เมื่อคืนนี้อ่านเอกสารจนถึงดึก อยู่ๆ ก็หลับไป นาฬิกาปลุกดังขึ้นก็ไม่ได้ยิน วัจสาก้าวลงจากเตียงนอนรีบพุ่งตัวไปห้องน้ำรับล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งหน้าทาปากสำเร็จกระบวนท่าเพียงหนึ่งลมหายใจ เพราะว่าเวลามันกระชั้นชิดเกินไป ดังนั้นจะชักช้าอืดอาดไม่ได้
ตอนนี้บรรยากาศก็ดีสุดๆ เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทำให้ผู้คนสายตาสดใส เหมือนกับแสงอาทิตย์ในยามเช้า รู้สึกสบายเป็นพิเศษ
ตอนที่วัจสาเดือนไปที่ห้องรับแขก วรพลที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็จ้องมองเธออย่างเงียบๆ วรพลที่สามารถออกจากบ้านได้นั้น แน่นอนว่าย่อมเป็นธัชชัยที่ใส่หน้ากากปลอมตัวเป็นวรพล
วัจสาดูอารมณ์ดีราวกับผีเสื้อตัวหนึ่งที่กำลังโบยบินรอบดอกไม้ เมื่อก่อนธัชชัยรู้สึกว่าใบหน้าของเธอก็ไม่เลว คิดไม่ถึงว่าวันนี้มองอย่างนี้แล้ว เธอจะสวยมากกว่าทุกวัน
วัจสาเดินเข้ามา นั่งยองๆ ลงข้างเท้าของเขา จับมือเขาแล้วขอโทษ ถึงแม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยแผลเป็น “ขอโทษนะ ฉันตื่นสายอ่ะ…รอฉันนานเลยสิ?”
ใบหน้าและดวงตาอันดุร้ายของวรพลตัวปลอมในตอนนี้ มันไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับวัจสาสักนิดเลย เคยเห็นรูปร่างที่น่ากลัวของเขา แต่ก็รู้ว่าหัวใจของเขาดวงนั้นอบอุ่นและใจดี เขาก็เคยเป็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง
หลังจากวันนั้นวัจสาก็ไม่ได้เจอวรพลเลย ก็เลยเป็นห่วงสุขภาพของเขามาก สัมผัสตัวเขาอย่างอ่อนโยน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่ระยิบระยับ วรพล คุณดีขึ้นบ้างไหม? ฉันเป็นห่วงคุณมากจริงๆ
เธอพูดกับผู้ชายคนนี้ว่าเธอเป็นห่วงเขาไม่หยุด คิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่อยู่ภายใต้ใบหน้านี้จะมีสีหน้าที่มืดครึ้ม เพราะว่าวัจสาเรียกชื่อวรพลด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานและอ่อนโยนจริงๆ เขาเกิดความรู้สึกหึงหวงขึ้นมาแล้ว
“พูดมากหลายครั้งแล้ว เรียกฉันว่าสามี” เสียงที่แหบแห้งของเขาตำหนิเธออย่างเย็นชา
วัจสาตะลึงงัน เหมือนกับว่าวรพลเริ่มหงุดหงิดแล้ว แต่ว่าเคยมีประสบการณ์เมื่อครั้งก่อน สองตัวอักษรนี้มันช่างยากที่จะเอ่ยปากออกมาจริงๆ
เธอมองไปยังข้างบนตึกแล้วถามว่า “คุณสามีคะ คุณธัชชัยจะไปกับพวกเราไหมคะ?”
น้ำเสียงของเธอแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความหวังที่จะพึ่งพา อาจจะเป็นเพราะว่าตัวเธอเองจะทำอะไรไม่ได้ในการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทบีเค-เทโร ถ้าหากคนกลุ่มนั้นโวยวายขึ้นมาตัวเองคงทำได้แค่เข็นวรพลออกไปเท่านั้น
“เขาไม่ได้ไปด้วยหรอก พวกเราไปกันเถอะ”
ธัชชัยจูงมือวัจสา ถึงแม้ว่าฐานะของเขาจะไม่ใช่ และไม่ได้ถูกสัมผัสตัวของเธอโดยตรง แต่ว่าสามารถจับมือผู้หญิงคนนี้ด้วยวิธีนี้ ธัชชัยก็อารมณ์ดีมากที่สุดแล้วการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทบีเค-เทโร กาลเทศะต้องเข้มงวด ในขณะที่วรพลปรากฏตัว เสียงผู้คนก็ดังเกรียวกราวทั้งหอประชุม เดิมทีธัชชัยก็ยืนยันผู้ถือหุ้นทุกท่านแล้วว่าอาการป่วยของวรพลหมดหนทางเยียวยา สีหน้าดูเป็นกังวลแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า อุบัติเหตุในครั้งนั้นจะทำลายรูปร่างหน้าตาของเขาให้เสียหายเท่านั้น กลับไม่ได้ทำความเสียหายให้กับพลังในร่างการของเขาเลย แม้กระทั่งกำลังวังชาของเขายังดูแข็งแรงกว่าเมื่อก่อนด้วยมนานนุตกใจจนพูดไม่ออก เมื่อวันก่อนตอนที่เขาทำทีเข้าไปเยี่ยมดู คนในตระกูลศรีทองรักษาวรพลเป็นอย่างดี อาจจะเป็นสถานที่ที่ไม่ให้ใครเข้าไปเยี่ยมได้ ดังนั้นเขาก็เลยไปข่าวลือไปทั่ว ว่าคุณชายใหญ่ตระกูลศรีทองใกล้ตายแล้ว ตระกูลศรีทองก็ใกล้จะเป็นของเขาเต็มทีแล้วแต่มาวันนี้ วรพลกลับมาปรากฏตัวการประชุมผู้ถือหุ้น หน้าของมนานุเหมือนกับโดนตบ “เพรียะ เพรียะ เพรียะ” อย่างไม่ต้องสงสัยวรพล กวาดสายตาไปมองคนทั้งหมดในที่ประชุมนี้ ลักษณะท่าทางของทุกคนก็เริ่มระมัดระวังขึ้นทันที หัวใจเต้นถี่กระชั้นขึ้น เริ่มกลัวว่าวรพลจะดูออกว่าตัวเองเคยคิดวางแผนกับมนานุ“ที่เรียกหุ้นส่วนทุกท่านมาประชุมในวันนี้ ก็คืออยากจะประกาศหนึ่งเรื่อง ถึงแม้ว่าใบหน้าของฉันจะถูกทำลายจนเสียหายเพราะเคยประสบอุบัติเหตุ แต่สมองของฉันยังอยู่ ตราบใดที่ยังมีฉันอยู่ ก็จะขาดพวกคุณไม่ได้ ดังนั้น สิ้นปีนี้เงินปันผลจากผลการดำเนินงานจะมากขึ้นไม่น้อยลง แน่นอน ถ้าหากใครคิดอยากจะทำอะไร คนนั้นเงินสักแดงเดียวก็จะไม่ได้ แม้กระทั่งการร่วมธุรกิจก็จะถูกขึ้นบัญชีดำ”เสียงแหบแห้งนิ่งสงบแต่ไม่ชัดเจนเท่าไหร่นักของวรพล แต่ทุกๆ คำพูดมีเสียงออกมา ประโยคท่อนนี้มีความหมายอยู่สองอย่างก็คือ อย่างแรกเพื่อปลอบใจของทุกคน อย่างสองคือเตือนคนที่คิดจะปองร้าย“ยังมีอีก น้องชายของฉันธัชชัยปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการทำธุรกิจ เป็นที่ทราบกันดีว่า เมืองเอสของเขาได้กลายเป็นหนึ่งในสามกลุ่มเรียบร้อยแล้ว—เจ้าของกลุ่มธุรกิจกลางคืน เขาคงไม่ลดตัวมาแย่งชิงเอาทรัพย์สมบัติของตระกูลศรีทองหรอก เพียงแค่ร่วมมือกับเขา เชื่อว่าพวกเราจะได้รับประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ดีกว่ามาคิดหาวิธีกดดันฝ่ายตรงข้าม”พอวรพลพูดจบ ทุกคนก็เริ่มคิดตาม จริงๆ แล้วพวกเขาคิดว่าธัชชัยจะเข้าร่วมทำธุรกิจด้วย แต่คำพูดของวรพลเหมือนกำลังให้เขากินยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัยมีเพียงมนานุที่ไม่เชื่อแม้แต่น้อย อีกทั้งยังทำสีหน้ายโสโอหังอย่างยิ่ง“เอาล่ะ หน้าที่สำคัญในวันนี้ คือจะมายืนยันให้แน่ชัด เรื่องการเลื่อนตำแหน่งและถอดทอนตำแหน่งของบริษัทบีเค-เทโรระดับกลางทุกท่าน” มองดูวรพลใช้เพียงสองสามคำก็สามารถทำให้ทุกอย่างผันผวนไม่แน่นอน ทำให้สถานการณ์สั่นสะเทือนได้แล้ว วัจสาจำเป็นจะต้องเปลี่ยนมุมมองสามีของเธอใหม่เสียแล้วถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาจะไม่สมบรูณ์พร้อม แต่ก็ทำให้คนที่อยู่ตรงหน้ารู้สึกหนาวยะเยือกเข้ากระดูกแล้ว และยังแสดงออกถึงพรสววร์และสติปัญญาที่พรั่งพรูออกมา เพียงแต่ว่าวิธีการปฏิบัติและคำพูดเหมือนกับผู้ชายชั่วร้ายคนนั้น อาจจะเป็นเพราะพวกเขามีความสัมพันธ์เป็นพี่น้องกันหลังจากนั้นวัจส้เดินขึ้นมาบนเวที เธออ่านประกาศของการเลื่อนตำแหน่งและถอดตำแหน่งด้วยน้ำเสียงที่ใสกังวานเพื่อเป็นการปลอบโยนเจ้าสุนัจจิ้งจอกมนานุคนนั้น ธัชชัยจึงแบ่งแผนกการขยายตลาดให้กับเขา ถึงแม้จะรู้ว่าเขาคงไม่พอใจ ในเวลาเดียวกันก็จัดให้ผู้หญิงที่มากความสามารถท่านหนึ่งที่เรียนจบจากอเมริกากลับมาเข้ามาแผนกการเงินของบริษัทบีเค-เทโรแผนกการเงินย่อมจะต้องเป็นคนที่มือสะอาดอีกทั้งยังต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์สุจริตด้วย เพื่อให้ได้คนนี้มาธัชชัยลำบากไม่น้อย ถึงจะได้คนนี้มาหุ้นส่วนในที่ประชุมทั้งหมดได้ฟังการประกาศการเลื่อนและถอนตำแหน่งจะหมด มีเพียงแค่การกระซิบกระซาบกันเท่านั้น แต่ไม่มีใครแสดงความไม่พอใจออกมาสักคน จริงๆ แล้วผู้อาวุโสส่วนใหญ่ก็เป็นหุ้นส่วนมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ เพื่อเห็นแก่หน้าคุณพ่อ จึงต้องสนับสนุนลูกชายคนโตของคุณพ่อ แต่ไม่ใช่น้องชายต่างมารดาอีกอย่าง คนที่ทำธุรกิจ จะต้องคำนึงถึงผลกำไร นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาให้ความสำคัญเป็นที่ทราบกันดีว่า ความสัมพันธ์ของคุณชายใหญ่และคุณชายรองทั้งคู่สนิทสนมกันมาก อีกทั้งธัชชัยเจ้าของเมืองเอสผู้ยิ่งใหญ่อยากได้อะไรต้องได้ การกระทำใดๆ สามารถส่งผลกระทบต่อกลุ่มธุรกิจได้ กับวรพลก็เพียงเพื่อเจริญเติบโตไปได้เท่านั้นเดิมทีคิดว่าวรพลใช้ไม่ได้ บางคนถึงกับจำใจต้องเลือกมนานุ ตอนนี้วรพลก็ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยความสบายดี ยังต้องมีอะไรที่ต้องสงสัยอีกเพราะว่าประโยคที่วรพลพูดออกเมื่อครู่นี้ สถานการณ์ทั้งหมดก็กลับมาเป็นปกติมั่นคงขึ้นแล้ว ในชั่วขณะเขาก็สามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว จากนี้ไปคือการประคองสถานการณ์ไปให้รอด ทำใหเธอถึงกับต้องเปลี่ยนแปลงมุมมองใหม่วัจสาถึงกระทั่งคิดว่าได้นั่งรถโรลส์-รอยซ์ ค่อยๆ ถอนหายใจออกมาเบาๆ ราวกับอยู่ในความฝัน แต่ว่าผู้ชายที่อยู่ในฝันนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ในสถานการณ์แบบนั้นกลับไม่มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ผิดมนุษย์มนาเกินไปแล้ว สามีของเธอช่างล้ำเลิศอะไรปานนี้วัจสาในเวลานี้ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าผู้ชาที่ตัวเองเลื่อมใสศรัทธานั้น จะเป็นวรพลสามีของเธอจริงๆแต่ว่าออกจากบ้านมาก็เป็นเวลานานแล้ว วัจสากังวลว่าวรพลจะไม่สบายเอาได้ ก็เลยสะกิดไปที่ไหล่ของเขาเบาๆ แล้วพูดว่า “พูดมาเยอะแล้ว เหนื่อยไหม?” พูดเสร็จก็เรียกให้คนขับรถเอาน้ำมาให้ขวดหนึ่ง“วรพลคะ ดื่มน้ำสักหน่อยค่ะ” วัจสานวดมือให้กับเขาเบาๆ พริบตาเดียวเขาก็เริ่มออกแรงบีบขวดน้ำนั้นธัชชัยที่เดิมทีได้รับการนวดอย่างอ่อนโยนจากวัจสา อารมณ์ทั้งหมดก็ถูกทำลายลงเพราะคำว่า “วรพล” เขาขมวดมุ่นพูดว่า “ไม่ใช่บอกให้เรียกสามีเหรอ?”วัจสาเดิมทีคิดว่าคำนี้ไม่มีอะไรมากมาย อยู่บ้านก็เรียกตั้งหลายรอบ แต่ว่าตอนนี้มีคนขับรถอยู่ด้วย เธอจึงรู้สึกขวยเขินนิดหน่อย เธอจึงพูดออกไปว่า “คุณสามี….”ธัชชัยร้องฮึหนึ่งที และดื่มน้ำไปหนึ่งอึกวัจสาเห็นท่าทีของเขาดูสุขกายสบายใจ ในใจก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา “วันนี้คุณร้ายกาจมากเลยนะ ทำให้มนานุเหมือนตายทั้งเป็นได้” ครั้งที่แล้วเธอยังจำได้ว่าเขาโหดเหี้ยมอำมหิตมาก ถือมืดมาคิดจะแทงเธอให้ตาย!วัจสาไม่ปิดบังความรู้สึกของตัวเองว่าเธอเลื่อมใสศรัทธาและชมเขา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา แต่ภายในของเขาโดดเด่นและล้ำเลิศกว่าใครธัชชัยสีหน้ากระตุกวาบ ลำคอกลืนน้ำลงไปอย่างลำบาก ผู้หญิงคนนี้พูดออกมาไม่ได้ใส่ใจกับมันเท่าไหร่ แต่พอได้ฟังคำว่า “ร้ายกาจมาก” สามตัวอักษรนี้มีความหมายแฝงที่ไม่เหมือนกัน ทำให้คนจินตนาการไปไกลได้หลายหน้ากระดาษาเลยทีเดียวในเมื่อเธอเรียกเขาว่าสามีแล้ว ก็ย่อมต้องสามารถใช้สิทธิของการเป็นสามีได้ ธัชชัยหันหน้าไปมองใบหน้าน้อยๆ ที่แดงระเรื่องของวัจสา ก็เกิดความรู้สึกที่บ้าคลั่งดั่งคลื่นทะเลที่กำลังซัดสาดเข้ามาเป็นคืออารมณ์ที่คุ้นเคยอยู่ในร่างกายซึ่งมันเป็นความปรารถนาทางอารมณ์ของผู้ชายตรงหน้านี้มีหญิงสาวผิวขาวราวกับหยกเรือนร่างอรชรอ้อนแอ่น ในเวลานี้เธอคือของของธัชชัยคนเดียว ตอนนี้ก็เป็นเหมาะแก่การขอร้องเธอแล้วมองเห็นสายตาที่เร่าร้อนของผู้ชายที่เลื่อมใสศรัทธาจ้องมองมาที่เธอ ใบหน้าของวัจสาก็แดงระเรื่อมากขึ้นไปอีก เธอก้มหน้าก้มตาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ห่มผ้าห่มบนของของวรพลให้เรียบร้อยคุณหมอภาคินกำชับเอาไว้ว่า ผิวหนังของวรพลที่ทำขึ้นมาไม่สามารถถูกลมหรือแสงแดดจากพระอาทิตย์ได้ ดังนั้นตอนที่จะออกมาจึงให้เขาห่มผ้าเอาไว้ ตอนนี้ก็มาถึงรถแล้ว ไม่ได้ถูกปัจจัยจากนอกโลกกระทบกระเทือน เธอเองก็กังวลใจ กลัวว่าวรพลจะไม่สบายเอาได้ จึงยื่นมือไปช่วยเขาแต่ว่ามันมีที่ไม่พอสำหรับมือ ตอนที่เธอโก่งเอวไม่ทันระวังมือดันไปถกกางเกงของวรพลขึ้น ในชั่วขณะนั้นขาที่ล่ำสันแข็งแรงและเต็มไปด้วยกำลังวังชาก็ปรากฏออกมาให้เห็น นี่ทำให้เห็นว่าเป็นขาที่มีขนและดูสุขภาพดีมากวัจสาตะลึงงันไปกับภาพที่เห็น หรือว่าแผลจากไฟไหม้ของวรพลจะมีแค่ท่อนบนเหรอ? และท่อนล่างของเขายังดูสภาพดีอีกด้วย? มิน่าล่ะคืนวันนั้น เธอถึงโดนลวกแค่ที่ด้านหลัง…ท่อนล่างนี้ของเขาจึงดูสุขภาพดีไม่น้อย….ธัชชัยเห็นเธอตกตะลึง จึงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดุดัน “ทำไม? ร่างกายของฉันมันมีจุดไหนที่ให้แปลกใจเหรอ? ถ้าหากว่าเธออยากจะดู ฉันก็จะถอดให้เธอดูหมดนี่เลย’’น้ำเสียงแหบแห้งที่เดาทางไม่ถูกนี้ทำให้วัจสารู้สึกไม่มีอะไรจะพูดไปชั่วขณะ “ฉันไม่ได้บอกว่าอยากดูสักหน่อย…” วาจาท่าทางไม่เรียบร้อยและเหลวไหลอย่างนี้มันช่างดูเหมือนกับน้องชายของเขา ธัชชัยจริงๆ ของแบบนี้มันถ่ายทอดทางพันธุ์กรรมได้ด้วยเหรอ?เธอรีบพับขากางเกงของธัชชัยลง นั่งลงข้างๆ อย่างเงียบๆ มองดูวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถด้วยจิตใจที่ผ่อยคลายยิ่ง