วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่ 95 มายุ่งกับภรรยาของคนอื่นแบบนี้ มันดีแล้วงั้นหรอ
ตอนที่ 95 มายุ่งกับภรรยาของคนอื่นแบบนี้ มันดีแล้วงั้นหรอ
อย่างไรก็ตาม ปรมะไม่ได้กลับไปอย่างที่เขาบอกป้าอ้อย ในทางกลับกัน เขายังคงยืนอยู่เตรอยู่ข้างทางไม่ยอมไปไหน
เป็นเวลาเดียวกับที่วัจสามองลงมาจากชั้น3 แล้วพบเข้ากับปรมะ เนื่องด้วยชั้น3ไม่ได้เปิดไฟ ดังนั้นคนข้างนอกมองมาก็จะมองข้างในไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
เดิมทีที่เธอยืมอยู่ตรงช่องระบายอากาศก็เพื่อรอธัชชัยกลับมา แต่ยังไม่ทันที่ธัชชัยจะกลับมา เธอกลับเห็นเป็นปรมะ
ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองคงตาฝาดไป ปรมะจะหาที่นี่เจอได้ยังไง แต่เมื่อคนข้างล่างยืมนิ่งอยู่ตรงประตูบ้าน ไม่ไหวติง เธอถึงได้เห็นชัดๆว่านั่นคือปรมะ
วัจสากำลังจะเปิดปากตะโกน แต่ก็หุบลงอย่างฉับพลัน เธออยากจะบอกเขาเรื่องที่เธอติดแหงกอยู่แบบนี้มา12ชั่วโมงได้แล้ว แต่ก็กลัวว่าถ้าเธอบอกไป เขาจะรีบวิ่งขึ้นมาพังประตูเพื่อช่วยเธอ แล้วนั่นก็จะเป็นการรบกวนวรพลแน่ๆ
แล้วอีกอย่างเธอก็ไม่ได้ชอบปรมะตั้งแต่แรกเริ่ม อีกทั้งตอนนี้เธอก็เป็นคุณผู้หญิงของบ้านตระกูลศรีทองแล้วด้วย มองยังไงเธอก็ไม่ควรจะไปยุ่งกับเขาอีก
ปรมะเขาเป็นคนดีคนหนึ่งเลยแหละ ดังนั้นวัจสาเลยยิ่งไม่อยากลากเขาลงมา แต่ตอนนี้เธอกำลังเดือดร้อนมากๆ และแค่ต้องการใครสักคนมาช่วยเธอออกไป เธอเลยสับสนไม่รู้ว่าควรจะยังไงดี
ที่ปรมะยังคงไม่ไป เพราะเขาคิดว่าเหตุผลที่ไม่ให้วัจสามาเจอคนมันไม่ได้เป็นเพราะเธอป่วยแต่เป็นเหตุผลอื่นที่ไม่สามารถบอกคนอื่นได้ เพราะป้าแม่บ้านเมื่อตะกี้พูดไม่ชัดเจน นั่นทำให้ปรมะแอบสงสัยอยู่ในใจเล็กน้อย
วัจสาเห็นเข้าก็รู้สึกว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ถ้าธัชชัยกลับมาแล้วเจอปรมะ มันจะดีกว่าถ้าเธอบอกให้เขาไปก่อนที่ธัชชัยจะมา
พอคิดได้ดังนั้นวัจสาจึงเปิดปากเล็กๆของเธอ “ปรมะ….ปรมะ….คุณรีบไปก่อนเถอะ”
วัจสาพูดไม่ได้ดังมากเท่าไหร่ เพราะเธอกลัวว่าเสียงจะไปรบกวนวรพลที่กำลังพักผ่อน แล้วก็ไม่อยากรบกวนป้าอ้อยและพ่อบ้านภูษิตด้วย
ปรมะได้ยืนเหมือนคนเรียกชื่อเขาแว่วๆ แล้วเสียงนั้นก็คล้ายกับเสียงวัจสา เขาจะหมุนตัวหาไปรอบด้าน จนสุดท้ายเมื่อมองไปยังหน้าต่างเล็กๆบนชั้น3 เขาก็พบเข้ากับใบหนาเล็กๆของวัจสา
“วัจสา ทำไมคุณถึงไปอยู่บนนั้นหล่ะ? คุณโอเคมั้ย?”
พอเห็นว่าปรมะเห็นเธอแล้ว วัจสาก็ถอนใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะตอบ “ฉัน…ไม่เป็นอะไรคุณรีบกลับไปก่อนเถอะ ไว้คุยกันที่มหาลัย”
ปรมะ สังเกตว่าเสียงของวัจสาดูไม่เหมือนคนป่วย แล้วใบหน้าของเธอก็ส่อแววกลัวอะไรสักอย่าง เขาจึงลองถามหยั่งเชิง “วัจสา คุณลงมานี่หน่อยสิ ฉันมีของมาให้”
วัจสาไม่ได้คิดว่าปรมะจะดื้อด้านขนาดนี้ เธอจะยิ่งกลัวว่าธัชชัยจะกลับมาเจอ ใจนึงก็อยากจะโน้มน้าวให้เขากลับไป แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่อยากทำแบบนั้น ซ้ำยังอยากที่จะช่วยเธอ“เรา…เรามีอะไรก็เดี๋ยวค่อยไปคุยกันที่มหาลัยดีกว่า ฉันอยากนอนแล้วหล่ะ” วัจสาตอบอึกอักปรมะเห็นดังนั้นก็มั่นใจยิ่งขึ้นว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ “วัจสา เธอคงไม่ได้โดนใครขังเอาไว้ข้างบนใช่มั้ย? ฉันจะขึ้นไปช่วยเอง”“อย่า! ไม่ต้อง….ฉันขึ้นมาดูดาวข้างบน ทิวทัศน์บนนี้สวยมากเลย คุณกลับไปก่อนเถอะนะ แล้วพรุ่งนี้อย่าลืมลาให้ฉันด้วย” วัจสายกเอาเหตุผลขึ้นมาเพื่อไม่ให้เขาเข้าราวกับอยู่ในป่าห้ามพูดถึงเสือ อยู่บ้านศรีทองห้ามพูดถึงธัชชัยจริงๆ สิ่งที่วัจสากลัวสุดท้ายก็เกิดขึ้นจนได้ อะไรจะโชคร้ายอย่างนี้ในขณะที่วัจสากำลังคุยอยู่กับปรมะอยู่นั้น ก็มีแสงจากไฟหน้ากระทบมาบนตัวของปรมะ เขาใช้มือข้างหนึ่งบังแสงนั้นไว้วัจสาใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม จบกัน กลัวอะไรก็ได้อย่างนั้นจริงๆธัชชัยที่อยู่ในรถกำลังมองสิ่งที่อยู่ผู้ชายที่กำลังชะโงกหัวคุยกับภรรยาของตัวเขาเองอยู่ตรงหน้า นี่มันเหมือนเขาโดนสวมเขาเลยมั้ย? อีกคนก็ตะโกนให้กลับ อีกคนก็บอกให้เธอลงมาแล้วก็ยังมีดอกกุหลาบในมือที่ดูเหมือนจะเอามาให้วัจสาและที่สำคัญ จากสิ่งที่วัจสาตะโกนออกมา ชื่อของเขาคือ ปรมะ…นั่นมันคือชื่อของคนรักสมัยป๊อปปี้เลิฟของเธอ นั่นทำให้ธัชชัยรู้สึกคันไม้คัดมืออย่างบอกไม่ถูก รู้สึกอยากจะต่อยคนขึ้นมาอย่างพิเศษ คนนี้ๆไม่กลัวตายหรืออย่างไร ที่วิ่งโล่มาถึงบ้านของเขา สวีทกันระหว่างชั้นเนี่ย มีแต่พวกเขาเท่านั้นแหละที่ทำได้ธัชชัยลงจากเฟอร์รารี่คันสีดำของเขา ก่อนจะรุดหน้าเดินก้าวยาวๆไปหาด้วยความฉุนเฉียวเมื่อวัจสาเห็นธัชชัยลงจากรถมาเท่านั้น หน้าเธอก็ถอดสีแบบฉับพลัน เธอตะโกนออกไปอย่างรวดเร็ว “ปรมะ เชื่อฉัน กลับไป รีบกลับไป! ”แต่ถึงเวลานี้เขาจะหนีกลับไปได้อย่างไรหล่ะ ปรมะวางกุหลาบในมือลง สายตามองตรงไปยังธัชชัยที่หน้าบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ “คุณคงจะเป็นคุณชายบ้านตระกูลศรีทอง วรพลหรอ?”เป็นเพราะว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้เขาไปต่างประเทศกับแม่ของเขา ดังนั้นปรมะจึงไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับวรพล นั่นเลยทำให้คิดว่าคนที่เดินตรงมาหาเขาด้วยความโกรธนั้นคือวรพลหน้าที่นิ่งตึงไม่ไหวติงของธัชชัยไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา แต่ง้างหมัดต่อยไปที่หน้าของปรมะหนึ่งหมัดทันที ปรมะร่วงลงไปทับดอกกุหลาบของเขาบนพื้นอย่างฉับพลันวัจสาตกใจสุดขีด ตะโกนสุดเสียง “ธัชชัย คุณบ้าไปแล้วหรอ? ต่อยคนตามใจแบบนี้ได้ยังไง….ปรมะฉันขอร้องคุณกลับไปที ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”เมื่อวัจสาเห็นปรมะล่วงลงไปกับพื้นแบบนั้นก็รู้สึกไม่ดี ความอารมณ์รุนแรงของธัชชัยเธอรู้ดีว่ามันเป็นยังไง ดังนั้นจึงไม่อยากให้ปรมะต้องเจอแบบเดียวกับที่เธอเจอผู้ชายคนนั้นนี่คือซาตานในนรกดีๆนี่เองธัชชัยทั้งร่างกำยำแถมยังหมัดหนักไม่เบา เทียบเท่ากับวิศาลเลยทีเดียว คนอ่อนแอแบบปรมะไม่มีทางสู้กับเขาได้เลยเธอกลัวว่าปรมะจะถูกทำร้ายโดยผู้ชายที่โหดร้ายอย่างเขา ที่นอกจากจะทำร้ายโดยตรงแล้วก็อาจจะทำลายถึงชีวิตของเขาด้วยที่ธัชชัยทำนี่มันไร้เหตุผลเกินไปแล้ว ปรมะถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเธอ เลยมาหาเธอที่บ้านตระกูลศรีทอง เขาก็คงไม่ถูกคนใจร้ายที่นี่ต่อย นี่มันมากเกินไปจริงๆโหดร้ายมากๆพอปรมะกำลังจะพยายามลุกขึ้นจากพื้น เขาก็โดนซัดเข้ามาอีกหมัด นั่นมันเนื่องจากเขาได้ยินว่าเป็นชื่อ ปรมะ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาคันไม้คันมือขึ้นมาอีกรอบ ถ้าไม่ได้มาทำอะไรกันอยู่หน้าประตูบ้านเขาแล้ว เขาก็คงไม่เห็นการกระทำที่ผิดศีลธรรมต่อหน้าต่อตาเขาเองหรอก ปรมะที่เป็นรอง และหมดแรงตั้งแต่แรกเริ่ม พอโดนต่อยเข้าไปตรงจมูกอีกหมัดทำให้เขามึนไปในทันที “ธัชชัย! คุณหูหนวกหรือไง ฉันบอกว่าให้วางมือ ต้องฆ่าให้เขาตายก่อนรึไงคุณถึงจะพอใจอ่ะ!”วัจสาไม่รู้จริงๆว่า ยิ่งเธอพูดเพื่อปกป้องคนข้างล่างเท่าไหร่ ไฟในใจของธัชชัยก็ยิ่งร้อนระอุเท่านั้น เขาชกไปที่ปากขิงชายตรงหน้าจนเลือดไหลออกไม่หยุดวัจสาเห็นใบหน้าของปรมะเต็มไปด้วยเลือด เธอร้อนใจจนตะโกนแบบไม่กลัวที่จะรบกวนการพักผ่อนของวรพลอีกต่อไป “ป้าอ้อย!พอบ้านภูษิต! รีบออกไปช่วยเขาที ธัชชัยกำลังจะฆ่าคนแล้ว!” มันเป็นเพียงในช่วงเวลาที่วัจสาเพิ่งจะเข้าใจด้านกระหายเลือดของธัชชัย ผู้ชายคนนี้ ที่มันน่ากลัวจริงๆผู้ชายคนนี้จะโกรธอะไรก็ไม่เคยมีลางบอกเหตุใดๆ เขาไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ทั้งหยิ่งยโสละเอาแต่ใจ นั่นแหละสันดานดินของเขาหล่ะ ถ้าเขามีความสุขที่จะทำ เขาจะทำอะไรก็ได้ ยังไงก็ตามก็ไม่มีใครมีอำนาจพอที่จะสามารถมาอะไรเขาได้อยู่แล้ววัจสาสามารถบอกได้เลยว่าครึ่งชีวิตของเธอที่แต่งเข้ามาในบ้านศรีทองนี้ แล้วคนที่เธอต้องร่วมด้วยเป็นแบบนี้ บอกได้เลยว่าต่อไปมันคงจะยิ่งลำบากกว่านี้เข้าไปอีกด้วยกลัวว่าป้าอ้อยกับพ่อบ้านภูษิตจะไม่ได้ยินเสียงของเธอ วัจสาจึงยกเก้าอี้อันน้อยของเธอ ตีเข้ากับข้างกำแพงอย่างแรงไม่หยุด ดังนั้นแม้จะไม่มีใครออกไป คนข้างล่างก็อาจจะได้ยินเสียงดังอึกทึกนี้ ในที่สุด ไม่นานพ่อบ้านภูษิตกับป้าอ้อยก็รีบวิ่งออกไปที่เกิดเหตุ แล้วให้ยามเฝ้าประตูช่วยแยกปีศาจในร่างคนอย่างธัชชัยออกปรมะที่หน้าชุ่มเลือดค่อยๆตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้นหญ้า หมัดของธัชชัยหนักขนาดที่ ใบหน้าอันสง่างามของเขาเต็มไปด้วยเลือกและรอยฟกช้ำทั้งที่คางและจมูก เลือดที่มุมปากก็ยังคงไม่หยุดไหลซ้ำร้ายแว่นตาของปรมะก็ตกหายไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงหรี่ตามองผู้ชายตรงหน้าแบบไม่ค่อยจะชัดเจน วัจสาเรียกเขาว่าธัชชัย ไม่ใช่วรพล แต่ก็คงจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องในบ้านตระกูลศรีทองนี่แหละ”ป้าอ้อยรีบตรงมาช่วยพยุงปรมะ และหยิบแว่นที่แตกอยู่บนพื้นให้เขาใส่ “คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”ในปาดยังคงมีเลือดคลั่งอยู่นิดหน่อย เขาจึงบ้วนทิ้งก่อนที่จะตอบป้าอ้อย “ฉัน…ไม่เป็นอะไร ขอบคุณมากครับ”ธัชชัยผู้ซึ่งยังไม่หายเคียดแค้น ก็แขวะอย่างเย็นชา “ก็แค่เด็กเนิร์ดหนอนหนังสือ โดนแค่สองหมัดก็ร่วงแบบนี้ ยังจะมีหน้ามาขโมยภรรยาคนอื่นอีก มันควรหรอ เหอะ!” ธัชชัยมองยังไงก็เห็นว่าชายตรงหน้าคุยกับวัจสาแบบเบิกบานทั้งยังหนุ่มแน่น คุยกันเจื้อยแจ้วสนุกสนาน ไม่เหมือนตอนที่คุยกับตัวเองโดยสิ้นเชิงแต่ก็แค่เด็กเนิร์ดโง่ๆคนนึง วัจสาทำไมโง่แบบนี้ รสนิยมห่วยแตกบรมปรมะที่โดนคำพูดดูถูกจากธัชชัยก็ไม่ไหวติง ไม่ได้หนี กลับยืนเผชิญหน้าแล้วพูด “คุณธัชชัย.ที่พวกคุณทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง วัจสาไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของคุณ ที่คุณจะมาขังหน่วงเหนี่ยวเธอไว้แบบนี้ไม่ได้ คุณต้องปล่อยเธอเดี๋ยวนี้”“ฉันจะขังเธอไว้แล้วคุณมายุ่งอะไรด้วย? คุุณเป็นอะไรกับเธออย่างนั้นหรอ? ฉันอยากจะขังเธอไว้ แล้วคุณจะทำไม? ” ธัชชัยพูดอย่างไม่แยแส พยายามหาเรื่องวัจสาที่อยู่ข้างบนได้ยินบทสนทนาอย่างชัดเจน ก็กลัวว่าปรมะจะพูดอะไรไม่เข้าหูธัชชัยแล้วจะไม่มีใครช่วยเขา จึงรีบตะโกนออกไปช่วย “ฉันบอกแล้วไง ปรมะคุณรีบกลับไปที เรื่องของฉันคุณไม่ต้องมายุ่ง รีบไปเร็วๆ” ปรมะได้ยินเสียงวัจสา สายตาจึงเปลี่ยนขึ้นไปมองบนชั้นสาม ก่อนจะตะโกนอย่างหนังแน่น “วัจสา คุณไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่ให้เขาทำแบบนี้อีกต่อไป ฉันต้องช่วยคุณลงมาให้ได้”ธัชชัยหัวเราะเย็นๆออกมา ภรรยาของเขามองชายอื่นต่อหน้าเขาเนี่ยนะ ให้ตายเถอะ เขาดูเหมือนกลายเป็นคนบาปที่ไปแยกคู่รักเลยมั้ย? จู่ๆเขาก็อยากจะชกผู้ชายตรงหน้าขึ้นมาอีกสักรอบ ดวงตาของธัชชัยแดงก่ำด้วยความโกรธ