วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่ 296 ไม่นับว่าเป็นภรรยา
ตอนที่ 296 ไม่นับว่าเป็นภรรยา
ณ หมู่บ้านแจ่มใส บ้านดิน
ข้อดีของบ้านดินก็คือตอนเย็นจะอบอุ่นส่วนตอนกลางวันนั้นจะเย็นสบาย แต่ว่าข้อเสียของมันก็คือการถ่ายเทอากาศค่อนข้างแย่
วัจสาที่ไม่ใช่คนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เป็นปกติที่เธอจะปรับตัวได้ไม่ค่อยดี ดังนั้นเธอมักรู้สึกว่าตนเองหายใจไม่ค่อยสะดวกนัก
ที่ตามมาด้วยกันก็มีเพียงวัจสาคนเดียวที่เป็นผู้หญิง ส่วนอาสาสมัครคนอื่นก็เป็นผู้ชายหมด ดังนั้นเรรัตน์จึงจัดให้วัจสากลับไปนอนที่บ้านของภรรยาของครูใหญ่1คืน
เพราะว่าภรรยาครูใหญ่จัดการเรื่องอาหารของเด็กๆ ดังนั้นก็ใช้เวลาไปครึ่งวันแล้ว จึงมีเพียงวัจสาที่นั่งอยู่ในบ้านดินมืดๆ ทึบๆ อับๆ คนเดียว
แม้ว่ามันจะคือความสมัครใจและต้องการของเธอก็ตาม แต่ใจของวัจสานั้นก็ดูเหมือนยังไม่มั่นคง
เมื่อใกล้ถึงเวลาเย็น เรรัตน์ก็เข้ามาพร้อมกับไข่2ฟองและขนมแป้งข้าวโพดและที่สำคัญที่สุดก็คือน้ำร้อนอีก1ขวด ที่นี่ถ้าหากไม่กินน้ำก็อาจจะถึงตายได้เลย
“สา บรรยากาศที่นี่มันแย่ คุณกินพวกนี้เข้าไปหน่อยละกันนะประมาณพรุ่งนี้พวกเราก็กลับกันได้แล้ว”
ความแตกต่างของอุณหภูมิในบ้านดินนั้นต่างกันมากดังนั้นร่างกายของวัจสาจึงถูกห่อไว้ด้วยผ้าขนสัตว์จนแทบมิด เธอมองไปที่เรรัตน์ก่อนเม้มปากพูดขึ้นว่า: “พี่เรรัตน์ ฉันก็อยากจะเข้าไปในโรงเรียนนะ”
“บรรยากาศในโรงเรียนแย่ยิ่งกว่าที่นี่เยอะมากข้างใน พอตกดึกก็จะมีลมแรงมากๆ เหมือนมีเสียงมาผิวปากอยู่ข้างๆเธอต้องนอนไม่หลับแน่ๆ ”แน่นอนว่าเรรัตน์ไม่ได้ขู่วัจสา เมื่อก่อนเขาก็เคยนอนที่นั่น มีครั้งหนึ่งต้องนอนถึง 2 คืน และตามปกติแล้ว 2 คืนนั้นเขาก็นอนไม่หลับ ก็ขนาดเขาเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างคุ้นชินกับที่นี่ที่สุดยังทนกับอากาศที่หนาวและแปรปรวนของที่นี่ไม่ได้เลย คนอื่นๆที่มาที่นี่ก็ยิ่งทนไม่ได้แน่นอน“แต่ว่าฉันไม่อยากอยู่ที่นี่จริงๆ นะ……ที่นี่อากาศถ่ายเทก็ไม่ดี กลิ่นก็แรง……ฉันไปที่โรงเรียนไปฟังเพลงกล่อมเด็กดีกว่า”ไม่ใช่เพราะวัจสาอ่อนแอแต่เพราะว่าการถ่ายเทของอากาศในบ้านดินนั้นแย่จริงๆ มีเพียงด้านเดียวที่มีประตูและหน้าต่างอากาศจึงถ่ายเทไม่สะดวก ดังนั้นกลิ่นที่สะสมมานานนับปีมันก็ค่อนข้างแย่จริงๆ“ฮ่าๆๆ” เรรัตน์หัวเราะยกใหญ่ “รู้สึกเสียดายที่มาพักผ่อนกับพี่แล้วใช่มั้ยล่ะ? ทริปนี้บอกว่าเดินก็คือเดินเที่ยวจริงๆ แถมยังไม่ค่อยสวยแบบที่จินตนาการไว้ด้วย”เขายิ้ม สุดท้ายก็พาวัจสาไปที่โรงประถมแห่งนั้นหมู่บ้านแจ่มใสปกติจะมีกระแสน้ำที่มีทั้งดินและกรวดไหลผ่านดังนั้นเพื่อป้องกันการกัดเซาะโรงเรียนจึงสร้างทั้ง4ด้านไม่ให้ติดกับภูเขาในขณะเดียวกันก็ไม่มีที่บังลม เมื่อตกดึงลมเหนือพัดมาก็จะยิ่งแรงเป็นพิเศษสิ่งที่เรรัตน์พูดเขาไม่ได้พูดเกินจริงแต่อย่างใด มันเหมือนกับมีคนมาผิวปากอยู่ข้างๆหูจริงๆเมื่อเห็นว่าวัจสาเป็นหญิงสาวจากในเมืองและยังสวยอีก ดังนั้นครูใหญ่จึงให้นำห้องพักของตนเองไปใช้ถ้าหากบอกว่าในบ้านดินอากาศถ่ายเทไม่ดี ที่นี่ก็คือกันลมได้ไม่ดี สองที่นี้ควรที่จะชดเชยให้กันและกันสิถึงจะถูก เสียงลมที่ได้ยินอยู่ข้างหูนั้นล้วนเป็นแรงจากลมเหนือทั้งสิ้นเรรัตน์ยกถุงนอนตัวเองให้แก่วัจสา วัจสาที่นอนอยู่ในถุงนอนนั้นช่างอบอุ่นแถมสบายมากๆ อีกด้วย เพราะเทคโนโลยีวัสดุกันลมไม่ให้เข้ามาด้านในได้อย่างดีเยี่ยม แต่ว่าเรรัตน์ไม่ได้สบายแบบเดียวกันเพราะเขาเอาถุงนอนให้วัจสาดังนั้นเขาจึงได้นอนบนโซฟาที่พังซะจนไม่อาจเรียกได้ว่าโซฟา บนตัวก็มีแต่ชุดนอนคลุมด้วยผ้าห่มขาดๆ อีกสองสามผืน ทั้งตัวเหมือนกับอยู่ในกระสอบยังไงอย่างงั้น“ขอโทษนะพี่เรที่แย่งถุงนอนพี่มา” วัจสาขอโทษที่ตนเองใช้ถุงนอนของเขาทำให้เรรัตน์ตกอยู่ในสภาพการนอนแบบนี้เรรัตน์พูดติดตลกว่า: “ที่จริงพี่ก็อยากจะเข้าไปในถุงนอนนอนเบียดกับเธอนั่นแหละนะ แต่ติดที่ว่าพี่สะใภ้ของเธอไม่ยอม ฮ่าฮ่า”“ฮ่าๆๆ……” วัจสาก็หัวเราะตามขึ้นมาตั้งแต่เธอขึ้นรถมาตั้งนานนี่คือครั้งแรกที่หัวเราะออกมาอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุดหลังจากที่เธอหัวเราะเสร็จก็พูดว่า: “พี่เรนี่เป็นผู้ชายที่ดีนะเนี่ย รู้จักรักภรรยา! ”“นี่มันมีอะไรกันที่ทำให้เธอหัวเราะได้ขนาดนี้ พี่ก็แค่เชื่อฟังภรรยาก็ไม่เห็นเป็นไร” เรรัตน์พูดพร้อมกับยิ้มออกมาเมื่อวัจสาฟังจบก็เงียบไป พร้อมกับคิดขึ้นมาว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ ตนเองกำลังหนีจากอะไรอยู่ ใจของเธอก็หนักอึ้งขึ้นมาทันที“ไม่งั้นเอางี้ ในเมื่อเธอไม่อยากเล่า งั้นพี่ถาม เธอก็ตอบ”เด็กๆที่อยู่ในสถานสงเคราะห์เริ่มแรกจะไม่ชอบพูดคุยกับผู้คน พวกอาสาสมัครเหล่านี้ก็จะมีวิธีการแนวทางพิเศษๆ ในการปลอบประโลมจิตใจวิธีการของเรรัตน์ก็คือให้เธอพูดออกมาเพื่อให้ผ่อนคลายลงซึ่งมันเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้กับคนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกับวัจสาคือไม่ยอมที่จะพูดคุยกับผู้คนถึงขนาดกับปิดกั้นใจตนเองทั้ง 2 คนตกอยู่ในความเงียบอยู่นาน สุดท้ายวัจสาจึงยอมเปิดปากพูดอีกครั้ง เรรัตน์ทำเพียงแค่ฟังอย่างเงียบๆ รอจนวัจสาหยุดพูด“พี่เร ในความคิดของพวกพี่ ผู้ชายคนหนึ่งไม่ยอมบอกคุณว่าคุณคือภรรยาตามกฎหมายของแต่การปฏิบัติของเขาก็คือทำแบบเป็นสามีของคุณเลย……ไม่บอกก็จบ แต่ยังมาหลอกคุณอีกให้คุณเข้าใจว่าตนเองเป็นภรรยาของคนอื่น……พี่บอกหน่อยสิว่าทำไม? ”วัจสาพูดอย่างตะกุกตะกักแต่ในเมื่อความจริงเป็นเช่นนี้. เรรัตน์คิดอยู่สักพักสุดท้ายก็เข้าใจ แต่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของความรู้สึกและยังเป็นเรื่องที่เรรัตน์เปราะบางที่สุดด้วย