วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่ 221 สมรรถภาพของชายหนุ่ม 2
ตอนที่ 221 สมรรถภาพของชายหนุ่ม 2
กนิษฐาเห็นว่าธัชชัยโกรธจริงโกรธจัง อารมณ์หม่นของเธอก็ดับลงทันใด เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาโกรธ แค่อยากให้ยืมของวรพลเพื่อตักเตือนเขา ให้เขาเห็นได้ชัด ว่าน้องชายที่รักของเขาและภรรยาของเขาอาจจะมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ
คนที่เข้าใจธัชชัยมากที่สุดอย่างวรพลจะไม่รู้ได้ยังไงว่าธัชชัยกำลังโกรธอยู่ ดังนั้นเขาจึงหาข้ออ้าง เพื่อให้บรรยากาศที่เงียบเชียบชวนอึดอัดนี้ผ่อนคลายลง
ธัชชัย มาช่วยพี่เปลี่ยนที่นั่งหน่อยสิ”
ธัชชัยเหลือบตาไปมอง จริงๆ เขาไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าพี่ชายเขาทำแบบนี้เพราะอะไร คนที่เขาโกรธหน่ะคือกนิษฐา ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพี่ชายเขาเลย “ปล่อยให้คนที่รักของพี่ทำไปสิ ”
“พี่ขอโทษได้มั้ยล่ะ? อารมณ์ดีหน่อยไม่ได้รึยังไง? ”
เขาชี้นิ้วบอกว่าหมอภาคินที่อยู่ข้างหลังผลักเขา เขาเอื้อมมือไปจับมือของวรพล แต่ก็พบว่าตัวเองไม่สามารถจับมันได้ แม้แต่มือเดียวที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ อกนั้นก็ขยับไม่ได้แล้ว เขาไม่มีวิธีไหนจะไปเล่นหมากรุกกับธัชชัยได้แล้ว
การบังคับมือและเท้าให้เคลื่อนไหว มันกลายเป็นเรื่องยากแล้วสำหรับเขา
หลังจากที่ธัชชัยเห็นแบบนั้น เขาก็เอื้อมไปจับมือของวรพลอย่างรวดเร็ว เกรงว่าเขาจะรู้สึกอึดอัด
และคิดมาก คำพูดที่ไม่แน่นอนของเขามักจะเกิดจากความผันผวนของอารมณ์ของเขาเอง
วรพลตอนนี้สวมถุงมือแล้ว แม้ว่าฉันไม่สามารถเห็นผิวหนังตัวเองถูกเผาไป แต่ความรู้สึกที่มองตัวเองด้วยค่ายังคงไม่เสื่อมตามไป
“เป็นเพราะพี่ไม่ดีเอง พี่ทำอะไรไม่ได้เลย มันทำให้แกผิดหวังใช่มั้ย? ” เสียงแหบพร่าของวรพลที่เต็มไปด้วยความมองโลกในแง่ร้ายนั้นมันช่างบาดหูธัชชัยมากจริงๆแต่เขาเข้าใจ เขายกมุมปากของเขา “ให้ผมจูบก่อนสิ แล้วผมจะให้อภัยพี่” เขาไม่ได้รอคำตอบจูบตรงแก้มของวรพลเสียงดังม๊วบให้ตายเถอะ เอาอีกแล้ว มันเป็นภาพที่บาดตาบาดใจกนิษฐามาก จนเธอรู้สึกว่าตาเธอจะบอดให้ได้ในขณะเดียวกัน ป้าอ้อยก็ยังคงเคาะประตูห้องน้ำเบาๆ เพื่อเรียกวัจสา“คุณผู้หญิงคะ คุณผู้หญิง ออกมาเถอะนะคะ มีอะไรค่อยๆ พูดค่อยๆ จา อย่าโกรธเคืองไปเลยนะคะ แล้วก็อย่าร้องไห้ด้วยป้ารู้นะคะว่าคุณผู้หญิงน้อยเนื้อเสียใจ”เธอกำลังพักผ่อนอยู่บนพื้นหลังจากที่อาเจียนหมดไส้หมดพุง ฟังป้าอ้อยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยก็รู้สึกรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างไม่มีเหตุผล สิ่งมีชีวิตน้อยๆ ในท้องของเธอเหมือนจะค่อยๆ สงบลง ไม่รบกวนเธออีกแล้ว"ป้าอ้อยคะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร"เธอยกร่างกายของเธอขึ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี จัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ และเดินออกไปทันทีที่ป้าอ้อยเห็นหน้าของวัจสา เธอก็อดสงสารไม่ได้เธอเอื้อมมือไปปัดผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของเธอก่อนจะพูด "พูดว่าไม่เป็นอะไร นี่ดูรอยแดงรอบดวงตาของคุณผู้หญิงสิคะ มันไม่ใช่ว่าไปแอบร้องไห้มาหรอ? "พูดแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้ง "ป้ารู้ว่าคุณผู้หญิงเสียใจ"แน่นอนว่าวัจสาบอกไม่ได้อยู่แล้วว่าเธอแพ้ท้อง แล้วนั่นจึงทำให้เธอน้ำหูน้ำตาไหลเหตุเพราะป้าอ้อยดูแลเธออย่างดี จัดอาหารให้สามมื้อต่อวัน ไม่ว่าจะสิ่งเล็กๆ น้อยทั้งหมดทั้งมวลป้าอ้อยล้วนแต่ ทำเพื่อเธอป้าอ้อยปฏิบัติกับเธอดีกว่าป้าแท้ๆ ของเธอเสียอีก"ป้าอ้อยคะ ฉันไม่ได้รู้สึกเสียใจเลย ไม่เลยสักนิดเดียว" คุณผู้หญิงคะ อย่าคิดมากเลยนะ มีความสุขเข้าไว้ มันจะดีขึ้นในเร็ววันนะคะ"ป้าอ้อยไม่สามารถพูดกับเธอโดยตรงเกี่ยวกับเรื่องระหว่างเธอกับธัชชัย เพราะกนิษฐาผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจริงๆ แต่นี่แน่ใจว่าคุณชายรองไม่สามารถซ่อนมันไว้ไปได้ตลอดชีวิต หากว่าคุณผู้หญิงตั้งท้องคุณชายน้อย มันคงจะเหมาะเจาะ และมันก็จะเป็นวันที่ดีเมื่อถึงเวลาที่ถูกต้องเธอไม่รู้ว่าที่ป้าอ้อยบอกว่าวันที่ดีจะมาถึงเมื่อไหร่ แต่วันที่ดีที่สุดของเธอเองใกล้เข้ามาแล้ว เธอลูบท้องของเธอที่ยังคงแบนอยู่ด้วยจิตใต้สำนึก ในไม่ช้านี้ เธอจะพาเจ้าตัวน้อยออกไปจากที่นี่ ออกไปจากเมืองนี้ เมืองที่มีเขาอยู่เธอเองก็อยู่ไม่ได้"อ้อ ป้าอ้อยคะ แล้วเวลาอาหารเย็นคืนนี้เริ่มกินกันกี่โมงหรอคะ? ฉันอยากจะหาอะไรกินในครัวกับป้าแล้วก็พ่อบ้านภูษิต"ที่เพิ่งจะอาเจียนออกไปเมื่อครู่นี้ ทำเอาเธอว่างเปล่าไปหมด ตอนนี้เธอเองก็หิวมากแทบจะกินควายได้ทั้งตัวแล้วจริงๆ "" แหง่ะ คุณผู้หญิงพูดแบบนี้ได้ยังไงหล่ะคะ คุณเป็นถึงคุณผู้หญิงบ้านตระกูลศรีทองจะมากินข้าวกับป้่ได้ยังไง? เดี๋ยวป้าจะไปจัดโต๊ะเดี๋ยวนี้เลยเมื่อป้าอ้อยเห็นว่าวัจสาไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว เธอก็เดินเข้าไปในครัวไม่นานหลังจากนั้นสำรับอาหารก็ตั้งเสร็จชายหนุ่มทั้งสองกับอีกสองหญิงสาวนั่งอยู่ด้วยกันที่โต๊ะเธอรู้สึกว่าอาหารบนโต๊ะดูน่ากินไปหมด อาหารก็ดูมีโภชนาการที่สมดุล และมันไม่ได้เป็นเหมือนอาหารขยะด้วยเพราะหิวนิดหน่อย ดังนั้นเธอจึงไม่พูดพร่ำทำเพลงก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเดียว กลับกันกับพวกคนอื่นๆ คิดว่าเธอไม่มีความสุขอยู่แล้วเดิมทีวรพลก็บอกว่าเขาจะกลับไปที่ห้องพยาบาลเพื่อจะทานมื้อค่ำบนห้อง ด้วยกลัวที่จะทำลายความอยากอาหารของหญิงสาวทั้งสองคนแต่ธัชชัยรู้ถึงสิ่งที่พี่ชายคิด ลึกๆ แล้วเขารู้ว่าวรพลต้องการที่จะนั่งเพลิดเพลินทานข้าวกับครอบครัวมานานแล้วตั้งแต่ร่างกายของเขาถูกไฟไหม้แล้วเขาก็เริ่มรู้สึกด้อยค่าและเริ่มมองโลกในแง่ร้ายหัวใจก็ยิ่งอ่อนไหวมากขึ้นหมอภาคินบอกว่าต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่น่าเศร้า ให้ดูแลเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นคิดและวิสัยทัศน์แต่ ณ จุดนี้ ธัชชัยก็ทำได้ดี เพราะเขาเป็นตัวละครหลัก มันเป็นความรักที่แท้จริงในการที่จะดูแลพี่ขายของตัวเอง โดยที่ไม่มีความลังเลเกี่ยวกับมัน