วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่ 216 คุณผู้หญิงตระกูลศรีทอง
ตอนที่ 216 คุณผู้หญิงตระกูลศรีทอง
บวกกับที่วัจสาปกปิดมันไว้ค่อนข้างดีเพื่อที่ปกป้องเด็กน้อยในท้อง นี่ก็นับได้ว่าระดับสติปัญญาของเธอทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดเลยทีเดียว
“โครม!”เสียงประตูดังขึ้น แม้ประตูห้องน้ำก็รั้งกนิษฐาไม่ได้
ภายในห้องน้ำวัจสานั่งอยู่บนชักโครกอย่างใจเย็น เมื่อเห็นว่ากนิษฐาพังประตูเข้ามาเธอก็ตกใจเล็กน้อยให้ดูเหมือนว่าเธอกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่จริงๆ
กนิษฐาเธอไม่เคยต้องมาต่อรองกับความไม่ชัดเจน เธอจ้องไปที่วัจสาก่อน พูดด้วยเสียงเย็นชา “วัจสา ฉันได้ยินมาว่าเธอมีเพื่อนร่วมหอคนนึง เธอต้องกลับบ้านตระกูลศรีทองไปกับฉัน ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่ได้เห็นหน้าของเพื่อนคนนั้นของเธออีก”
เพื่อนร่วมหอ? นี่กนิษฐากำลังหมายถึงแวววัยอย่างนั้นหรอ “กนิษฐา คุณทำอะไรกับแวว? ”
ยัยแววส่งข้อความมาให้เธอไปหาตอนเวลาเรียน แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรกับเธอ คงไม่ใช่ว่าจะโดนกนิษฐาหลอกให้ไปทำอะไรซะแล้ว?
“ตอนนี้ฉันจะยังไม่ทำอะไรเธอ แต่หากว่าเธอปฏิเสธที่จะกลับบ้านไปกับฉันหล่ะก็พูดยากหน่อย ในตอนนี้เธอยังสลบอยู่ แต่เมื่อเธอฟื้นขึ้นมา แล้วพบว่ากำลังนอนทอดกายอยู่ข้างชายหนุ่มคนหนึ่ง ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าในตอนนี้อารมณ์ของใครมันจะพลุ่งพล่านมากกว่ากัน” กนิษฐาพูดด้วยเสน่ห์พราวแพรว ใช้มือลูบไล้ผมตัวเองไปมา
น้ำเสียงที่เธอใช้เหมือนกับตอนของธัชชัยไม่มีผิดเพี้ยน ทั้งน่าเกลียดและไร้ยางอาย ในด้านนี้นี่พวกเขาช่างเหมาะสมกันได้ดีมากทีเดียว
วัจสาไม่รู้จะทำยังไงดี ถ้ายัยแววฟื้นขึ้นมาแล้วเจอตัวเองสภาพแบบนั้น เธอต้องคิดจะฆ่าตัวตายไปเลยแน่ๆ กนิษฐาที่น่าละอายจริงๆ วัจสาทำได้แค่ตอบรับเธอเท่านั้น
“ได้ ฉันจะกลับบ้านตระกูลศรีทองไปกับคุณ แต่คุณต้องปล่อยยัยแววเดี๋ยวนี้ แล้วก็อย่าไปยุ่งกับเธออีก” เธอพูดออกมาอย่างร้ายกาจ แม้ว่ายังไม่รู้จะให้บทเรียนกับกนิษฐายังไง แต่อย่างน้อยวิธีนี้ก็ทำให้เธอไม่ได้ลากยัยแววเข้ามาลงเหวไปด้วยกนิษฐาเลิกคิ้วขึ้น “อืม คุณไม่มีสิทธิมาต่อรองกับฉันนะ แต่ถ้ายังจะยืนแบบนั้น ฉันก็โอเค”ทันใดนั้นเองลูกระลอกของอาการคลื่นไส้ก็พลันตีขึ้นมาค้างเติ่งอยู่ที่คอหอย เธอทำได้เพียงแค่อั้นมันเอาไว้ จนหน้าขาวซีดบิดเบี้ยวไปอย่างทรมาน“กนิษฐา คุณช่วยออกไปและปิดประตูให้ฉันก่อนได้มั้ยหล่ะ ฉันจะได้ทำธุระของฉันสักที”กนิษฐาดูเหมือนเป็นรากเหง้าผู้ดี จึงรู้ทันทีว่าเธอจะต้องรักษาความสะอาด วัจสาถึงได้พูดหยาบโลนเพื่อให้เธอออกไปพอได้ยินวัจสาพูดแบบนั้น เธอก็เดินหนีออกมาทันทีด้วยท่าทีที่รังเกียจปลายฤดูใบไม้ร่วงที่เมืองS ดวงทินกรอ่อนแสงลงแล้ว แม้จะเป็นช่วงเวลาบ่ายแต่สิ่งที่โชคดีไม่ใช่แค่แสงแดดที่อับลง ขณะที่วัจสากำลังนั่งอยู่บนถนนหน้าหอพักนั่นเอง เธอเงยหน้าขึ้นไป ก็เห็นเมฆขาว สีครามสวยทั้งยังมีมีเหล่านกโผบินเป็นกลุ่มก้อน พวกมันดูมีอิสระดีจังวัจสามองภาพตรงหน้าก็อดไม่ได้ที่จะคิดแบบนั้นเธอไม่ได้เห็นท้องฟ้าที่บริสุทธิ์แบบนี้มานานแล้ว วันนี้อากาศดีจัง แต่สิ่งที่เธอได้พบเจอนั้นกลับไม่ดีตามมีหญิงสาวคนหนึ่งสลบไสลอยู่ในอ้อมแขนของเธอ เธอคนนั้นคือแวววัย ด้วยเพราะฤทธิ์ของยายังไม่หายไป วัจสาจึงอยู่เป็นเพื่อนเธอตรงนั้น รอจนกว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาตอนที่เธอตามกนิษฐาลงมาข้างล่างนั้น ร่างของแวววัยก็สลบไสลอยู่ตรงนี้แล้ว ยังโชคดีที่เสื้อผ้าอาภรณ์บนตัวยังอยู่ครบจึงมั่นใจว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ เมื่อเห็นว่าไม่ได้มีบาดแผลอะไรเธอก็โล่งใจว่าแวววัยไม่ได้ถูกทำร้ายมากนักวัจสาก็ไม่ได้มีแรงอะไรมากนัก ด้วยเพราะว่าในท้องยังมีเจ้าตัวเล็กอยู่ด้วย เธอจึงไม่กล้าที่จะใช้แรงแบกพยุงหญิงสาวขึ้นไปด้วยกลัวพลัดตกลงมา ดังนั้นทางที่ดีที่สดคือนั่งรออยู่เป็นเพื่อนเพื่อรอให้แวววัยฟื้นขึ้นมาวัจสานั่งเหม่อมองฟ้าราวชั่วโมง แวววัยที่อยู่ในอ้อมกอดก็ขยับตัวตื่นฟื้นขึ้นมาเธอเปิดเปลือกตาอันหนึ่งอึ้ง มองไปรอบๆ ด้วยความงงงันก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นความตกใจ“สา ทำไมพวกเราถึงได้มาอยู่ที่นี่กันได้? ฉันเหมือนว่าจะโดนใครบางคนเอาผ้ามาปิดจมูกแล้วสลบไป”ทันทีที่เธอตรวจสอบว่าเสื้อผ้าของเธออยู่ในสภาพดี ตั้งแต่เรือนร่างตลอดจนความรู้สึกต่างก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ ความบริสุทธิ์ของที่เธอควรจะมียังคงอยู่เธอถอนหายใจออกมายาวเหยียดอย่างโล่งใจ “โอ่ยยย ทำฉันกลัวแทบตาย นึกว่าจะได้ลิ้มรสสัมผัสหนักๆ ซะละ แม้ว่าจะเป็นการถูกปล้นก็เถอะ”“ยัยแวว พูดอะไรเลอะเทอะอีกแล้ว แกเลิกพูดว่าแกน่าเกลียดอะไรเทือกๆ นี้ทีได้มั้ย แกก็ออกจะดูดี ดูดีกว่าฉันด้วยซ้ำ” วัจสาบ่ออกมา เธอแกล้งทำเป็นโกรธ จริงๆ แล้ววันนี้ที่แวววัยต้องเจอเรื่องแบบนี้ทั้งหมดเป็นเพราะตัวเธอเอง เธอจึงค่อนข้างจะรู้สึกผิดมากทีเดียว”หากไม่เพราะเธอ แวววัยก็คงไม่ถูกกนิษฐาโยงร่างแกมาด้วยแบบนี้หลังจากพูดคุยกันจนรู้เรื่องแล้ว แวววัยก็ตัดสินใจไม่ได้แจ้งความ เหตุเพราะเธอก็ไม่ได้บาดเจ็บหรือโดนทำร้ายหนักอะไรวัจสาเองก็เห็นด้วยกับเธอ แต่ไม่ใช่เพราะด้วยเหตุผลนี้ เธอกังวลเกี่ยวกับตัวเธอเองกับแวววัยว่าเธอจะไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับกนิษฐา แล้วก็เกรงว่าหากแจ้งความไป ทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้นผลสุดท้ายที่วัจสาต้องการคือการที่ไม่อยากให้แวววัยเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยจู่ๆ วัจสาก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงบอกแวววัยไป “ยัยแวว แกคิดว่าที่อันตรายที่สุดคือที่ปลอดภัยที่สุดมั้ย? ”เธอก้มลงหยิบกระเป๋าของตัวเองเพื่อตรวจสอบเงินดูอีกครั้งอย่างจริงจัง และพบว่าไม่มีอะไรตกหล่นไป ก่อนจะตอบ “คนที่จะพูดประโยคนี้ได้ก็มีแต่คนโง่เท่านั้นนั่นแหล่ะ”