วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่ 115 อยากได้อะไรฉันให้นายหมด
ตอนที่ 115 อยากได้อะไรฉันให้นายหมด
ขณะที่วัจสากำลังฟังภาวินีพูดอยู่ ก็ตระหนักขึ้นว่า ถ้าหากว่าธัชชัยไม่มาจริงๆ งั้นก็เป็นเรื่องตลกขบขันของผู้อื่นแล้ว ภาวินีและตัวเองต่างก็เสียหน้าไปหมด
วัจสาเป็นคนที่มีจิตใจดีอยู่แล้ว ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยชอบพี่น้องตระกูลเดิมขุนทดทั้งสามคน แต่ว่าเรื่องที่ทำให้ภาวินีเสียหน้า เธอทำออกไม่ได้จริงๆ
วัจสาเปิดโทรศัพท์ดูอย่างเหม่อลอย สังเกตว่าจะแปดโมงแล้ว แต่ว่าแม้แต่เงาของธัชชัยก็ยังไม่มี ผู้ชายคนนี้ตอบตกลงแล้วแท้ๆ หรือว่าจะไม่ทำตามคำพูดหรอ? หรือว่าลืมไปแล้ว?
วัจสาคิดไปสักพัก สุดท้ายก็ตัดสินใจโทรหาเขา แต่ภาวินีกลับยื่นมือมากดมือเธอไว้ “พี่วัจสา ไม่ต้องเร่งเขาแล้ว ถ้าหากว่าธัชชัยอยากมาจริงๆ เขาน่าจะอยู่ระหว่างทางแล้ว ไม่งั้นพี่เร่งเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
บนใบหน้าของภาวินียังคงยิ้มแย้มเบิกบาน มีแต่ตัวเธอเองที่รู้ว่าตื่นเต้นเพียงไหน
สิ่งที่วัจสากังวลคือผู้หญิงคนนี้จะไม่มีใจ ถ้าหากเขาไม่มาเขาต้องมีข้ออ้างหมื่นๆข้อมายืนยันว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก แต่ว่าตัวเองและภาวินีกลับถูกทิ้งอยู่ที่นี่ คอยรับสายตาที่ไม่แยแสจากผู้อื่นหรอ?
เธออับอายคนเดียวก็ช่างเถอะ อยู่กับธัชชัยนานแล้ว ใบหน้าตัวเองก็ด้านระดับหนึ่งแล้ว แต่ว่าภาวินีไม่เหมือนกัน เพื่อนของเธอยังพาเพื่อนๆมากมายมาดูการนัดบอดของเธอ……คิดภาพไม่ออกเลยว่าหากธัชชัยไม่มาตามนัด พรุ่งนี้จะถูกแพร่กระจายเสียหายขนาดไหน
ในขณะที่พวกเขากำลังถกเถียงกันอยู่นั้น โทรศัพท์ของวัจสาก็ดังขึ้น
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เทวดาไม่เคยหักหลังคนที่มีใจจริงๆ คือธัชชัย!
เธอรีบกดปุ่มรับสาย “ฮัลโหล ธัชชัย นายถึงไหนแล้ว? ใกล้ถึงหรือยัง?”
น้ำเสียงของธัชชัยมีความรำคาญเล็กน้อย “อะไรถึงแล้วหรือยัง? เธอไปไหน อย่าบอกนะว่าออกไปทำเรื่องนิสัยไม่ดีอีกแล้ว?”
“ธัชชัย! นายลืมไปแล้วใช่ไหม……” ทันใดนั้นวัจสาก็พึ่งตระหนักได้ว่าข้างๆเธอยังมีผู้หญิงอีกคนอยู่ จึงพูดเสียงเบาลง “วันนี้ฉันส่งสถานที่และเวลาให้นายแล้วไม่ใช่หรอ? แปดโมงครึ่ง นัดบอดที่บ้านพักตากอากาศภูผา! ฉันกับภาวินีรอนายอยู่ที่นี่แล้ว! ตอนนี้ก็จะแปดโมงแล้วเนี่ย”
ธัชชัยเกือบเป็นบ้าเพราะคำพูดของผู้หญิงคนนั้น ที่แท้เธอหาตัวเองอย่างเร่งรีบขนาดนี้ เป็นเพราะจะให้เขาไปนัดบอด ยังเตรียมเวลาและสถานที่นัดบอดไว้เรียบร้อยแล้วด้วย กล้าตั้งใจกว่านี้อีกไหม? ยังเป็นบ้านพักตากอากาศภูผาอีก! ตอนนี้ธัชชัยแค่อยากทับลงบนตัวของผู้หญิงอย่างแรง!
วัจสานึกดูแล้ว ตรงนี้ก็ไม่ใช่สถานที่คุยโทรศัพท์ เธอจึงบอกภาวินีว่าขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แล้วนำโทรศัพท์เก็บใส่กระเป๋าไปโทรข้างใน
“คุณชายรอง ถือว่าฉันขอร้องล่ะ นายรีบมาเถอะ ตระกูลเดิมขุนทดไม่รู้เป็นบ้าอะไร ยกมากันทั้งครอบครัว ถ้านายไม่มา ภาวินีจะเสียหน้ามาก อีกอย่างเธอยังมีชื่อเสียงว่าเป็นสุภาพสตรีด้วย ชื่อเสียงก็จะเสียหายได้” นี่เป็นครั้งแรกเลยที่วัจสาพูดเสียงต่ำบวกกับความโมโหกับธัชชัย นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเพราะเรื่องนัดบอด
วัจสารู้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องพูดดีๆพูดเพราะๆด้วยจึงจะชอบ เพื่อที่จะให้เขามา พูดดีๆหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้วทันใดนั้นธัชชัยก็เปลี่ยนน้ำเสียง แล้วถามว่า “ถ้าหากฉันไปแล้ว มีข้อดีอะไร?”เป็นเพราะเขาฟังน้ำเสียงที่เร่งรีบของผู้หญิงออก เขาถึงต้องรีบจับโอกาสนี้ไว้ อีกอย่างผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ร้ายมาก หาแฟนให้สามีของตัวเอง เธอมีความสุขมากหรอ? ถ้ามีใบทะเบียนสมรสอยู่ในมือ เขาอยากจะรีบทุบผู้หญิงคนนี้ให้ตื่น! ดูว่าตัวเองทำเรื่องซื่อบื้ออะไรไป!แต่ว่ายังไงตอนนี้เขาก็มีเวลาว่าง เล่นสนุกกับเธอหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร เขาคิดบทเสร็จตั้งแต่แรกแล้ว จะใช้กลยุทธ์ทุกข์กาย มาแสดงเป็นละครเรื่องหนึ่ง!วัจสาฟังน้ำเสียงว่ามีความหวังจากผู้ชายออก จึงรีบตอบกลับว่า “อยากได้อะไรฉันให้นายหมด ตอนนี้ยอมมาแล้วใช่ไหม?”ยังไงก็สามารถหลอกเขาให้มาตอนนี้ได้ ขอแค่เขามาแล้ว เรื่องต่อจากนั้นอาจจะง่ายก็ได้ ยังไงตัวเองก็ไม่มีอะไรให้ธัชชัยอยู่แล้ว อยากได้เงินก็ไม่มี มีแต่ชีวิตนี้ชีวิตเดียว“ได้ นี่เธอเป็นคนพูดเองนะ! เสียงของธัชชัยมีความแหบ และความเกรี้ยวกราด “อีกครึ่งชั่วโมงฉันจะถึงตามเวลา วัจสา เธอเตรียมตัวดีๆละกัน!”ถึงแม้ผู้ชายคนนี้จะตอบตกลงแล้ว แต่ทำไมมือของตัวเองถึงเย็นขนาดนี้ล่ะ? แต่ยังไงเขาก็ตอบตกลงจะมาแล้ว ยืดเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก็ได้แล้ว!เธอกลับถึงโต๊ะอาหารด้วยสีหน้าที่สบายๆชิวๆ ภาวินีนั่งอยู่อย่าสง่างาม สงสัยว่าทำไมหลังจากวัจสาคุยโทรศัพท์เรียบร้อยแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปเลย แต่ก็ไม่ได้ถามออกจากปากตรงๆ กลับใช้วิธีถามอ้อมๆ“พี่วัจสา ในเมื่อคุณชายรองไม่มาแล้ว งั้นพวกเราก็ทานกันเถอะ ทานเรียบร้อยแล้วเดี๋ยวฉันส่งกลับบ้าน”ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภาวินีคือผู้หญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยม พูดง่ายๆแค่ไม่กี่ประโยคแต่กลับมีเป้าหมายแอบแฝงอยู่“ถ้าภาวีนีหิวแล้วก็สั่งอะไรมาทานก่อนได้ พวกเราทานไปด้วยรอเขาไปด้วย ธัชชัยบอกว่าจะถึงภายในครึ่งชั่วโมง”วัจสากลับมีสีหน้าที่ภูมิใจอ่อนๆ สามารถให้ยัยธัชชัยมาได้ ในที่สุดก็อธิบายให้ภาวินีได้แล้ว และไม่ต้องให้คนในกลุ่มพวกนั้นมามองความตลกอับอายแล้วภาวินีรักษาสีหน้าที่เฉยเมย แล้วพูดต่อตามประโยคของวัจสาว่า “ได้เลย งั้นพวกเราก็ทานกันก่อน พอถึงเวลาคุณชายรองมาถึงแล้วเราค่อยสั่งเพิ่ม”พอได้ยินว่าธัชชัยกำลังมา ไม่ว่าเขาจะมาด้วยความสมัครใจหรือไม่ ก็ถือว่าให้หน้าเธอต่อพวกที่ชอบเม้าท์เรื่องชาวบ้านพวกนั้นแล้ว รอดูละกันว่าพอถึงเวลาใครกันแน่ที่จะเสียหน้า!ผ่านไปสิบนาที พนักงานนำอาหารว่างสองสามจานที่น่ากินมาเสิร์ฟ วัจสาและภาวินีจึงเริ่มทานกันก่อน ที่จริงแล้ว ภาวินีที่เป็นถึงหญิงสุภาพสตรีในเมือง S เธอจะไม่รู้ได้ไงว่าการเริ่มทานอาหารก่อนแขกนั้นเสียมารยาทขนาดไหน แต่เธอตั้งใจทำแบบนี้หนึ่งเพราะอยากให้พวกคุณหญิงคุณนายคิดว่าธัชชัยจะไม่ปรากฏตัว ดูถูกตัวเองมาตั้งนานขนาดนี้ สองคือพอถึงเวลาแล้วก็สามารถรู้ได้ว่าวัจสาอยู่ในใจของธัชชัยมากขนาดไหน!เหมือนกับสุภาษิตที่ว่ายิงนัดเดียวได้นกสองตัวพอภาวินีเห็นใบหน้าของวัจสาแล้ว ก็จะนึกถึงเหตุการณ์จูบครั้งนั้นที่อยู่ในห้องครัวบ้านศรีทอง วัจสามีสิทธิ์อะไรที่ได้เข้าใกล้ก่อน? เธอมีสิทธิ์อะไรไปอ่อยคนที่ตัวเองชอบ? ภาวินีเกลียดเข้าไส้มากจริงๆ!ฉะนั้นไม่ว่าธัชชัยจะจริงใจหรือไม่ ถ้าหากเขายอมที่จะแต่งเธอเข้าบ้าน งั้นเธอก็จะไม่ปฏิเสธ หลังจากเข้าบ้านศรีทองแล้ว ก็จะปรับเปลี่ยนสไตล์ในบ้านใหม่ จะไม่มีเหตุการณ์ที่ว่าพี่สะใภ้อ่อยน้องสามีอีกแน่นอน! วัจสาก็จะไม่หน้าด้านแบบนี้อีกแล้ว! วัจสาดูแล้วเหมือนจะหิวมาก ในไม่ช้าก็ทานมะม่วงที่อยู่ข้างหน้าจนหมด เธอกำลังจะดูว่าภาวินีกำลังกินอยู่ไหม แต่จู่ๆก็ได้รับแววตาที่โหดร้ายจากภาวินีที่นั่งอยู่ข้างหน้าเธอเธอไม่พูดอะไรเลย ค่อยๆขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าภาวินีเป็นอะไรไป ทำไมถึงมองตัวเองด้วยแววตาแบบนี้? คงไม่ใช่เพราะโกรธที่ตัวเองไม่ได้ให้ธัชชัยมาตรงเวลาหรอกมั้ง?เธอจึงถามว่า “ภาวินี ทำไมไม่กินล่ะ? ไม่ชอบรสชาตินี้หรอ?” ในจานของภาวินิคือมูสกีวี่ เป็นรสชาติที่ธัชชัยชอบมากที่สุด เธอทำทุกอย่างที่ธัชชัยชอบ“เปล่า ฉันแค่ไม่ค่อยหิว หรือว่าให้พี่ดีไหม ดูพี่หิวมากเลย ข้างปากยังมีเศษติดอยู่ด้วย” หลังจากภาวินีพูดจบ ก็นำทิชชู่เช็ดตรงข้างปากให้วัจสา การกระทำอ่อนโยนมาก ไม่เหมือนกับผู้หญิงที่มีแววตาโหดร้ายเมื่อกี้เลยทางนี้ยังพูดไม่จบ คุณผู้หญิงสามตระกูลตระกูลเดิมขุนทดที่เห็นว่าเรื่องยังไม่มากพอได้เข้ามาแล้ว“เฮอะๆ ฉันว่าแล้ว พี่ภาวินี น้องสาวคนนี้เตือนพี่แล้วนะ ธัชชัยไม่มีทางมาแน่ จะอยู่ต่อให้อับอายทำไมล่ะ?” เสียงหัวเราะของรสรินเสียวหูมากจากการดูของเธอแล้ว ทั้งสองเริ่มทานอาหารกันแล้ว งั้นก็ยืนยันได้แล้วว่าธัชชัยจะไม่มาแน่นอน ตอนนี้ไม่ไปเยาะเย้ยเธอสักกหน่อย จะไปตอนไหนล่ะ? อีกอย่างยังสามารถทำให้ภาวินีเกลียดวัจสาได้ด้วย! ใครให้เธอทำให้ตัวเองเสียหน้าในครั้งที่แล้วล่ะ! สามารถแก้แค้นคนสองคนได้ภายในครั้งเดียว รสรินจะปล่อยโอกาสนี้ไปได้ยังไงล่ะ?คุณผู้หญิงตระกูลเดิมขุนทดทั้งสามคน ที่จริงแล้วก็แค่สวยงามแค่ภายนอก อย่างรสรินยิ่งไปใหญ่ วางท่าทีรังเกียจซึ่งกันและกันอย่างเห็นได้ชัดเจน“รสริน เธอพูดอะไรเนี่ย ฉันก็แค่ทานข้าวกับพี่วัจสา ทำไมถึงเป็นการอับอายล่ะ? เธอไม่รู้กาลเทศะก็ช่างเถอะ แม้กระทั่งพี่วัจสาก็ไม่ทักทาย?”ความหมายก็คือรสรินไม่มีมารยาท“ทานข้าวกับพี่วัจสา? พี่ภาวินี พี่น่าจะยังไม่รู้ ตอนนี้ผู้หญิงสุภาพสตรีในเมืองSต่างก็รู้กันหมดแล้วว่าคืนนี้พี่จะมานัดบอดกับธัชชัย แต่ว่าน่าเสียดายจริงๆ คนอื่นก็แค่เห็นพี่เป็นของเล่น พอนึกได้ก็เอาขึ้นมาเล่น ตอนนี้ไม่อยากมาแล้ว แม้กระทั่งโทรมาก็ไม่มี!”รสรินตอนนี้โหดเหี้ยมขนาดไหนก็สูญเสียขนาดนั้น ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ดูถูกตัวเธอแบบนี้ไม่ใช่หรอ? วัจสาที่สมควรตาย ยังจะเอาของๆเธอไปให้อาหารหมาอีก!แน่นอนว่าต้องมีคนไม่พอใจแน่ๆ เพราะว่าพวกคุณหญิงคุณนายที่นั่งอยู่ข้างๆวราลีต่างก็ปิดปากหัวเราะกันทั้งนั้น เหมือนกับว่ากำลังดูละครของสองพี่น้องนี้อยู่เด็กผู้หญิงคนนี้ปากเสียจริงๆ! เธอใส่รองเท้าส้นสูง เดินต๊อกแต๊กๆไปทางโต๊ะของวัจสาจากนั้นก็ดึงเด็กผู้หญิงของตัวเองมา “รสริน แกยุ่งอะไรเนี่ย! ไม่มีกาลเทศะ กลับไปนั่งที่ของตัวเองเลย!” หลังจากวราลีดื่มหมดแล้ว ก็โมโหใส่บนตัวของวัจสา“วัจสา ทำไมแกแกล้งน้องอีกแล้ว? ครั้งที่แล้วยังทำให้รสรินอับอายไม่พออีกหรอ? ฉะนั้นรอบนี้ก็เลยจะทำให้น้องสาวภาวินีเป็นที่ตลกของเมืองSใช่ไหม?”ภาวินีที่ทำตัวเป็นคนดีมาตลอดเปิดปากพูดปกป้องวัจสา “หม่ามี๊ ไม่ใช่อย่างนี้แท้ๆ……”ภาวินียังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกน้ำเสียงที่ต่ำเข้ามาพูดแทรก “คุณป้าวราลี ใครกล้ารังแกคุณผู้หญิงบ้านท่านครับ?”น้ำเสียงที่ทั้งต่ำทั้งแหบนี้ไม่ใช่ของธัชชัยจะเป็นของใครอีกล่ะ? รูปร่างที่สูงใหญ่ของเขาเดินตรงมาทางโต๊ะของวัจสาทันใดนั้นภาวินีก็เปลี่ยนท่าทีเป็นรอยยิ้มที่สวยสง่า “คุณชายรอง…… ไม่มีใครรังแกพวกเราค่ะ……ท่าน ท่านนั่งเลยค่ะ……ขับรถคงจะเหนื่อยแย่สินะคะ?” ภาวินีทำท่าทีเอาใจใส่ ผู้ชายคนนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งหล่อ เป็นคนที่ไม่มีที่ติเลยจริงๆ!“ขออภัยครับ คุณภาวินี ผมมาสายแล้ว” ธัชชัยมองไปทางภาวินี แล้วพูดขอโทษเบาๆ“ห๊ะ น่าจะเป็นฉันมากกว่าที่ควรพูดขอโทษ พวกเราไม่ได้รอคุณมาก็เริ่มทานกันก่อนแล้ว” ภาวินีทำตัวน่าสงสาร แต่ก็ทำให้คนอื่นตำหนิไม่ลงธัชชัยไม่มีอารมณ์มองเธอต่อไปแล้ว แววตาของเขาหยุดลงบนตัวของวัจสา ค่อยๆขมวดคิ้วขึ้น แล้วพูดเหมือนไม่มีเสียงว่า : ฉันมาแล้ว อย่าลืมข้อดีของเธอนะ!