วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่ 109 แล้วถ้าหากว่าเธอรู้ว่าผมไม่ได้รักเธอหล่ะ
ตอนที่ 109 แล้วถ้าหากว่าเธอรู้ว่าผมไม่ได้รักเธอหล่ะ
“พี่จะบอกเธอเลยก็ได้ ผมก็จะบอกเธอได้เหมือนกัน และถ้าเธอรู้ว่าคนที่เธอชอบเป็นคนเดียวกับที่เธอแต่งงานด้วย และที่เป็นแบบนั้นก็เพราะเป็นพี่อยากให้เป็น คิดดูแล้วกันว่าแบบนี้วัจสาจะเสียใจหรือเปล่า?”
ธัชชัยพูดก่อนจะหยุดไปชั่วครู่ แล้วพูดต่อ “แล้วที่พี่วางแผนกับวิศาลเรื่องให้ผมมีลูก อันนั้นผมก็ชอบมาก แต่ว่าน้องสะใภ้ที่น่ารักของพี่คนนั้นดูเหมือนจะไม่ชอบ ที่จริงก็คือต่อต้านเลยด้วยซ้ำ เธอแทบจะไม่รอที่จะซื้อยาคุมข้างทางกลับมากินด้วยไม่ไหวเลยหล่ะ ถ้าพี่หวังจะให้ผมบอกกับเธอ ว่าการที่ผมนอนกับเธอนั้นมันเป็นแค่เพราะหน้าที่ ถ้างั้นพี่ก็ไปบอกเธอได้เลย ”
สิ่งที่ธัชชัยพูดมันทำให้วรพลเงียบไป เขาเงียบไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมา เปลี่ยนมืออีกข้างให้เช็ดตัว ก่อนจะพูด “ธัชชัย แล้วแกจะต้องเสียใจมันจะมีวันนึงที่ทุกๆอย่างที่แกทำกับวัจสา มันจะทำให้แกเสียใจสักวัน”
วรพลไม่ได้คิดว่าคำพูดของเขาจะเป็นดั่งคำทำนาย
ธัชชัยดูไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด เขายิ้มๆเย็นก่อนจะพูด “จบเรื่องนี้ค่อยพูดกันอีกที พอถึงตอนนั้นผมบอกได้เลยว่าแม้แต่นิดเดียวผมก็จะไม่เสียใจ ผมออกจะตื่นเต้นและท้าทายด้วยซ้ำ”
พอธัชชัยพูดจบ เขาก็เช็ดมืออีกข้างของวรพลอย่างเบามือเสร็จพอดี จากนั้นก็ห่มผ้าให้อย่างอ่อนโยน
“พี่ใหญ่ พี่หน่ะรู้ดีกว่าใคร ว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกทอดทิ้งจากชายหนุ่มที่เธอชอบ มันเจ็บปวดมากมายขนาดไหน ยิ่งตอนนี้เธอวัจสาก็ยังคงมีความหวังอยู่ในใจอยู่ด้วย”
ความเฉยเมยของธัชชัยทำให้วรพลตกใจขึ้นมาอย่างเงียบๆ เขาไม่เคยคิดเลยว่าความเกลียดชังของตัวเขาเองได้ปิดผนึกหัวใจของเขา ทำไมธัชชัยถึงได้กลายเป็นคนที่ไร้หัวใจและเย็นชาได้ถึงขนาดนี้ วรพลยังคงอยู่รู้จึงถามต่อ “ธัชชัย การมีลูกของตัวเองนี่มันไม่ดีหรอ? การที่จะมีเลือดเนื้อเชื้อไขตัวน้อยๆของตัวเอง มันเป็นอะไรที่น่ารักจะตายไป…”
วรพลยังไม่ทันพูดจบประโยคที่ธัชชัยก็ตัดบทเขาพูดขึ้น “พี่ใหญ่ พี่รู้ดีว่าตอนนี้สภาพจิตใจผมเป็นยังไง นอกจากร่างกายของพี่และการแก้แค้นแล้ว เรื่องอื่นผมไม่สนใจเลยสักนิด แล้วก็อย่าพูดเรื่องความรงความรักอะไรนั่นอีกอย่าเอาเด็กไร้เดียงสามาบังคับผมเลย มันจะไม่ดีทั้งตัวเขาเองและตัวผม”
วรพลตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิด หรือว่ามันเร่งรีบเกินไป? วิธีการที่เขาทำกับธัชชัยมันเป็นการช่วยหรือทำร้ายเขากันแน่? และที่สำคัญก็คือ วัจสา เธอต้องถูกลากลงมาพัวพันกับเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย
ฝนเรื่องนี้ คนที่วรพลรู้สึกอยากขอโทษที่สุดก็คือวัจสา
เมื่อเห็นว่าวรพลเงียบงันไป ธัชชัยจึงพูดขึ้นมาอีก “เราคุยกันเรื่องอื่นบ้างกันเถอะ”
“เอ คุยเรื่องอะไรดีนะ อ้อ เรื่องนี้ดีกว่า เรื่องความสัมพันธ์ของพี่กนิษฐาผู้หญิงที่พี่ตกหลุมรักหน่ะ! ผมเคยเห็นเขานะ ลักษณะก็ไม่ได้ดีไปกว่าวัจสาเลย อ้อใช่สิ พี่เคยนอนกับเธอแล้วรึยังหรอ?”
ถึงแม้ว่าธัชชัยจะดูเหมือนมีทัศนคติที่แย่ แต่คำถามที่เขาถามทุกอย่างมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน มันเป็นการทดสอบการพูดของพี่ชายของเขา
พอพูดถึงกนิษฐาขึ้นมา ดวงตาที่มืดมนของวรพลก็แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
“เธอตายไปแล้ว แกจะไปเอ่ยถึงทำไมอีก? อย่าคิดว่าจะมาสืบอะไรจากฉัน ฉันบอกแกไปแล้วไงว่าเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุครั้งนั้น! แกจะเสียเวลาสืบเสาะอะไรกับคนตาย จะทำอะไรกันแน่ ? ”
วรพลไม่ได้เป็นคนโง่ เขารู้ว่าน้องชายเขาสงสัยว่ากนิษฐามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในตอนนั้นแต่นี่กนิษฐาก็ตายไปแล้ว เขาจะเป็นผู้ปกป้องเธอเอง!ธัชชัยยิ้มออกมาเล็กน้อย “มันแค่ถามสบายๆก็เท่านั้น พี่อย่าตื่นเต้นเกินไปสิ ผมแค่อยากรู้ก็เท่านั้นว่าถ้าเธอยังอยู่ พี่จะรักเธอหัวปักหัวปรำเลยมั้ย?”วรพลไม่ได้ตอบคำถามนี้ เพียงมองไปข้างๆที่มีรูปหญิงสาวยับๆอยู่ใบหนึ่งในรูปนั้นคือกนิษฐา คำตอบของคำถามนั้น ไม่บอกธัชชัยก็รู้ดีกนิษฐา ผู้หญิงคนนี้มีบทบาทในหัวใจของพี่ชายเขาจริงๆเคยมีครั้งหนึ่งที่เขาอยากจะฉีกรูปนั้นทิ้งไปซะ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ พี่ชายของเขาโคม่าหนักต้องอยู่โรงบาลทั้งวันทั้งคืน หลังจากนั้นธัชชัยก็ไม่ไปแตะรูปใบนั้นของวรพลอีกเลย เขาแค่รู้สึกเกลียดผู้หญิงคนนี้มากขึ้นเข้าไปอีกก็เท่านั้นในสายตาของวรพล กนิษฐาที่อยู่ในรูปนี้ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจชั้นดีของเขา ถ้าไม่มีมันแล้วหล่ะก็ เขาก็คงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปจากนี้แล้วธัชชัยไม่อาจจะจินตนาการถึงได้ว่า เหตุใดผู้ชายคนนึงถึงได้รักผู้หญิงคนนึงมากถึงขนาดนี้ ขนาดที่ถ้าไม่มีเธอแล้วชีวิตเขาก็เหมือนจะว่างเปล่าจนถึงตอนนี้ ธัชชัยก็ยังไม่เจอผู้หญิงคนไหนที่ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นทั้งชีวิตของเขาได้เลยจนกระทั่งมีวัจสา …แต่เธออาจจะเป็นแค่เหยื่อที่บริสุทธิ์เท่านั้นหลังจากที่ธัชชัยออกจากห้องบำบัดมาแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชาและดุดัน ใบหน้าประดุจเทพปั้นนั้นราวกับโดนประทับคำสาปจากซาตานในขณะเดียวกันบนโต๊ะอาหารวัจสากับป้าอ้อยก็กำลังช่วยกันเตรียมมื้อเย็นที่สุดวิเศษพ่อบ้านภูษิตยังพูดเลยว่าหมูตุ๋นน้ำแดงกับเนื้อกระเทียมพริกไทยกำลังร้อนๆได้ที่เลยทีเดียววัจสาไวต่อความรู้สึก เธอ สังเกตได้ว่าธัชชัยกำลังโกรธอะไรบางอย่างอยู่ดังนั้นเพื่อเป็นการไม่เพิ่มเชื้อไฟให้แก่เขาเธอเลยวางตะเกียบบนโต๊ะ กำลังจะเดินไปที่ห้องครัว คิดว่าพอเขากินอิ่มสักหน่อยเธอเองก็จะไปกินกับป้าอ้อยและพ่อบ้านภูษิตแต่ว่าป้าอ้อยก็ไม่ยอมที่จะให้เธอทิ้งโอกาสในครั้งนี้ “คุณผู้หญิงคะ คุณกินก่อนเลยค่ะ ในครัวแค่ฉันก็พอแล้ว” พูดจบก็กดวัจสาลงกับเก้าอี้ไม่ยอมให้เธอลุกขึ้นเมื่อเธอมองไปเห็นว่าธัชชัยนั่งกินข้าวคนเดียวบนโต๊ะใบใหญ่ หัวใจเธอจึงอ่อนลง จึงนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนเขาเห็นว่าทั้งสองไม่ขยับกันสักที ป้าอ้อยจึงเตือนขึ้นมาเบาๆ “คุณผู้หญิง ตักซุปให้คุณชายรองสิคะ ”ด้วยเพราะว่าซุปมันอยู่ทางขวามือของวัจสา เธอจึงตอบรับคำ “อ้อ ได้สิ”เธอจึงหยิบชามไปวางตรงด้านหน้าของธัชชัย เพื่อจะตักซุปเห็ดอุ่นๆให้เขา ใช่แล้ว ตอนกลางวันเขายังปวดท้องอยู่เลยนี่เนาะขณะที่วัจสาเดินเข้าไปใกล้ เธอก็นึกถึงตอนที่อยู่ด้านนอกที่เขาช่วยเธอเช็ดหน้า ที่ดูเหมือนเขาจะเช็ดหน้าให้เธอจริงๆ เขาดูไม่มีความรู้สึกอะไรเลย แต่ในส่วนของเธอกลับจดจำการกระทำของเขาได้จนถึงตอนนี้เธอคงไม่ได้โดนพิษหรือโดนป้ายยาอะไรไปใช่มั้ยนะ? มันเป็นความรู้สึกราวกับการตกหลุมรักจริงๆหรอ? แต่ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่เธอก็ไม่ควรจะเอาใจไปไว้กับน้องเขยของตัวเองเธอดึงสติกลับมาโดยไว ไม่อย่างนั้นก็คงช่วยอะไรไม่ได้คงต้องตายไปเลยหล่ะมั้ง ศีลธรรมของฉันนี่มันหายไปไหนหมดแล้ว!ฟันขาวของเธอค่อยๆกัดริมฝีปากล่าง เธอค่อยๆรวบรวมสติของเธอไว้และตักซุปเห็ดไปไว้ที่ข้างหน้าของเขาดูออกเลยว่าธัชชัยไม่ชอบกินผักเท่าไหร่ เพราะหลังจากเขากินไปสองคำก็ไม่กินต่อแล้ว เธอเห็นถึงขั้นที่เขาทำปากจิบๆวัจสานั่งกินข้าวกับเขาแค่เพียงสองคน นั่งแบบไม่ใกล้ไม่ไกล เธอไม่ได้มองไปทางเขา แต่ว่าจากมุมของสายตาก็สามารถเห็นได้ว่าเขากินอะไรบ้าง หรือว่าได้กินซุปหรือเปล่าวัจสาคิดว่าเธอต้องโดนป้ายยาแน่ๆ เธอไม่ได้อยากจะเป็นห่วงเขาอยู่เห็นๆ แต่กลับคอย สังเกตดูอยู่ตลอดเวลาในขณะที่เธอกำลังคิดไปเรื่องอยู่นั้น ธัชชัยก็คีบหมูตุ๋นน้ำแดงขึ้นมา แต่เปลี่ยนทิศทางจากชามเขามาเป็นชามของเธอ เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ก็เหมือนเป็นคำสั่งอย่างเงียบๆว่า ให้ฉันกินมันลงไปเดี๋ยวนี้วัจสาใจจริงไม่ได้ชอบกินอีหมูตุ๋นน้ำแดงอะไรนี่เลยดังนั้นเธอเลยไม่ได้แตะต้องมัน ได้แต่ดินเห็ดต่อไป แล้วก็หันไปมองธัชชัย เธอไม่กล้าที่จะคีบหมูตุ๋นน้ำแดงไปคืน กลัวว่าจะทำให้ชายหนุ่มโมโหขึ้นมาอีก“ทำไมถึงไม่กินหล่ะ?” ยังดีที่เสียงที่ออกมานั้นยังมีความอ่อนโยนวัจสาตอบอย่างตรงไปตรงมา “มันเลี่ยนหน่ะ…ฉันไม่ชอบกิน…”ชายหนุ่มจิ๊ปากก่อนจะพูด”น่ารำคาญจริงๆ”เขาคีบเอาหมูตุ๋นกลับไปจากชามของเธอ เดิมทีวัจสาคิดว่าเขาคงจะเอาไปกินหล่ะมั้ง แต่เขาไม่ได้ทำแบบนั้น เขาเพียงแต่เอาส่วนที่เป็นไขมันออก และเอาส่วนที่เป็นเนื้อล้วนมาใส่ให้ในจานของเธอเธอจ้องไปที่หมูในชามของเธอ ตาของเธอเรื่อแดงขึ้นมา ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครเอาหนังออกให้เธอมาก่อนจริงๆแล้วแม้กระทั่งเนื้อสัตว์ เธอก็ไม่ค่อยจะกินเท่าไหร่ เพราะว่ามีปีหนึ่งตอนหน้าหนาวในบ้านตระกูลเดิมขุนทด ตอนนั้นเธอน่าจะอายุประมาณ5-6ขวบ เธอยังไม่รู้ประสามากมาย เธอแย่งกินเนื้อสัตว์อยู่กับรสริน แล้วก็โดนรสรินตบหน้ามา ตัวเธอร้องไห้ไปบอกปยุต ปยุตก็ทำเป็นสอนรสรินอยู่ไม่กี่คำไม่คิดเลยว่าในคืนนั้นกลับห้องไปจะนอน ก็พบว่าผ้าห่มกับที่นอนเปียกไปด้วยน้ำ ลมหนาวซัดเข้ามาเป็นระลอกๆ ยิ่งเธอรู้ว่าใครเป็นคนทำแล้ว หัวใจของเธอก็ยิ่งเหน็บหนาวเข้าไปอีกสุดท้ายวัจสาก็เลือกที่จะไม่บอกใคร เธอพยายามใส่เสื้อผ้ามากเท่าที่เธอทำได้ และนอนตัวสั่นตลอดทั้งคืน พอวันต่อมาตื่นขึ้นมาไข้ขึ้น ก็โดนวราลีว่าเอาอีกตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา วัจสาก็ไม่กล้าที่จะแย่งเนื้อกินกับสามพี่น้องนั่นอีกเพราะแค่เป็นเธอ ใครก็ไม่สนับสนุนจากนั้น แม้แต่เนื้อสัตว์เธอก็แทบจะไม่กินการที่ชายหนุ่มกัดเอามันหมูออกให้เธอนั้นมันทำให้หมูนั้นอร่อยมากเป็นพิเศษ เหมือนกับว่าไม่มีอาหารไหนจะอร่อยเท่า เธอลิ้มรสมันด้วยใจที่พองโต มันเป็นช่วงเวลาที่นับครั้งได้ที่เธอรู้สึกใกล้ชิดสนิทกับผู้ชายคนนี้เธออยากจะให้กลิ่นหมูที่ชายหนุ่มคีบให้มานั้นยังคงอยู่ในปากของเธอ นั่นมันทำให้เธอรู้สึกดีมากจริงๆพอวัจสากินหมดไปหนึ่งชิ้น ธัชชัยก็คีบชิ้นที่สอง ที่สาม ให้เธอต่อมาเรื่อยๆ แล้วทุกๆชิ้นนั้นชายหนุ่มก็กัดเอามันออกให้เธอหมดแล้วด้วย “ฉันไม่กินแล้ว คุณกินเถอะ” วัจสามองไปที่ชายหนุ่มก่อนจะละสายตาไป พูดด้วยเสียงอ่อนโยน“ฉันแค่อยากให้เธอกิน” พอธัชชัยพูดจบก็คีบชิ้นที่สี่มาวางให้บนชามของวัจสาอีกหน้าหล่อเหลาประดุจเทพปั้นที่กำลังเคี้ยวหมูอยู่นั้น นั่นยิ่งทำให้เขาดูทรงพลัง แค่มองเขากินข้าวก็ทำให้อิ่มไปด้วยอย่างไรอย่างนั้น“เพราะฉันชอบที่คุณมองฉันแบบเหมือนตกหลุมรักอย่างนั้นแหละ” เขาหันหน้ามาเล็กน้อยก่อนจะแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมาตรงมุมปาก เขามองไปยังหน้าของหญิงสาวอย่างใกล้ชิด เธอยิ่งเธอเขินอาย เธอยิ่งน่ารักจริงๆ“อะไร ใครตกหลุมรักกันฮะ? ไหนคุณบอกสิ้ว่าคนหน้ายาวขนาดนี้ใครจะไม่มองบ้างฮะ?” แม้ว่าหน้าของเธอจะเรื่อแดงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ดูอ่อนแอ แถมยังพยายามจะเถียงธัชชัยอีก ธัชชัยหลุดขำออกมาทันที อารมณ์ที่หมองหม่นจากที่ออกมาจากห้องบำบัดเมื่อกี้หายไปทันที การที่ได้ต่อปากต่อคำกับเธอคนนี้นี่มันก็เลวเลยจริงๆ