“อึน~~…ฟุเฮะ…”
มาโผล่ในโรงแรมในเมืองทรีอาที่ที่ฉันล็อกเอาท์ออกเมื่อวาน ฉันได้บิดร่างกายไปมาพร้อมกับเช็คสิ่งที่ฉันตั้งใจจะทำในวันนี้
ฉันมีนัดกับโคฮาคุเพื่อฝึกฝนกับเธอในช่วงเที่ยง ตอนแรกฉันตั้งใจจะมาถึงที่นี่เร็วกว่านี้นะถ้าไม่ใช่เพราะชูเท็นพาตัวฉันไป แผนการในวันนี้เลยต้องเลื่อนออกไปเล็กน้อย
ฉันเปิดหน้าจอเมนูขึ้นมาเพื่อดูเวลา แต่กลับพบสิ่งที่ผิดแปลกไป
“อึน? เอ๋? เวลาไม่ได้ผ่านไปเลยเหรอ…?”
เวลาที่ฉันล็อกอินเข้าเกมกับเวลาตอนนี้…ไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย
ฉันมั่นใจว่าฉันไปที่แห่งนั้นได้ห้านาทีเป็นอย่างต่ำแต่ว่า…สงสัยฉันจะดูเวลาผิดแล้วล็อกอินไวกว่าที่คิดล่ะมั้ง?
“เอาเถอะ ไหนดูสิ ใจกลางเมืองทรีอาคือที่ที่สังเวียนวารีอยู่สินะ?”
ถือตั๋วที่โคฮาคุให้เอาไว้ในมือ ฉันได้ออกมาจากโรงแรม
ที่ที่เธอนัดฉันไว้คือส่วนหนึ่งของสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในทรีอา เรียกกันว่าสังเวียนวารี
สัปดาห์ละครั้งจะจัดทำการแข่งขันขึ้นมาและถ้าผู้เล่นจ่ายค่าบริการก็จะสามารถเข้าร่วมแข่งได้ นอกจากนั้นแล้วในเวลาอื่นยังมีการแข่งขันระหว่างมอนสเตอร์ที่สามารถลงเดิมพันได้ จะเรียกว่าบ่อนพนันที่ควบคุมโดยเจ้าของเมืองก็ไม่ผิดนัก และยังมีสังเวียนเล็กๆข้างๆกับสังเวียนวารีที่เปิดให้ใช้เป็นสถานฝึกสาธารณะอีกด้วย
ดูเหมือนว่าสถานฝึกนั่นจะเป็นที่ที่ถูกใช้เมื่อได้รับเควสฝึกฝนกับNPCนะ การได้ฝึกกับNPCนักผจญภัยเองก็ฟังดูเหมือนจะเป็นการฝึกที่ดีนะ
และแน่นอนว่านั่นก็คือเหตุผลที่ฉันถูกเรียกตัวไปที่แห่งนั้น
☆
“วันนี้เองก็มาพยายามเต็มที่กันเถอะนะ~~”
[หวัดดี]
[หวัดดีดี]
[หวัดดีดีดี]
“นั่นมันบทสวดอะไรกันล่ะ”
ฉันยิ้มขมขื่นให้กับช่องคอมเมนต์ที่ดูจะสามัคคีกันในการทักทายเหลือเกิน
เพราะฉันต้องแบ่งความสนใจให้กับโคฮาคุและไลฟ์สตรีมเมื่อวานนี้ ฉันเลยไม่ได้พูดคุยกับผู้ชมมากนัก
ในตอนนั้นอาจจะไม่เป็นอะไรแต่ในเมื่อฉันกำลังจะไปเจอกับโคฮาคุอีกครั้งในวันนี้ ฉันเลยคิดว่าน่าจะคุยกับคนดูก่อนในตอนนี้สักหน่อยน่ะ
“ดูเหมือนจะยังพอมีเวลาอยู่นะ…”
[วันนี้มีแผนจะทำอะไรน่ะ?]
[สวยจัง เหมือนเวนิสเลย]
[ฮิเอ๋ ทางน้ำดูลึกจัง…ไม่ใช่ว่าลึกมากเลยเหรอนั่น?]
[น้ำใสดีจังนะ]
“น่าจะลึกจริงๆล่ะนะ อ๊ะ เห็นมังกรวารีด้วยล่ะ”
ขณะที่ฉันเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ของเมืองทรีอา เมืองแห่งวารี ฉันก็ค่อยๆเดินตามทางที่มุ่งสู่บริเวณสังเวียน
เป็นไปตามที่ชื่อป้อมปราการทะเลสาบได้บอกไว้ ทรีอาถูกตั้งอยู่ที่ใจกลางของทะเลสาบ แต่ฉันก็สงสัยจังนะว่าพวกเขาทำยังไงถึงสร้างเมืองขึ้นมาได้แบบนี้กัน
มีลำธารไหลผ่านทั่วทั้งเมือง แทนที่จะเดินแบบนี้ฉันคิดว่าการเดินทางคงจะให้ความสำราญมากกว่าถ้าโบกเรือแจวเหมือนกับแท็กซี่นั่งไปล่ะนะ
เพราะว่าที่ที่ฉันกำลังไปนั้นค่อนข้างเด่นชัดหาเจอได้ง่ายฉันเลยไม่ได้นั่งเรือไป แต่ขากลับคงจะสบายน่าดูเชียวล่ะ
“เฮ้ แม่สาวตรงนั้นน่ะ! ไม่คุ้นหน้าเท่าไหร่เลยนะ!”
ขณะที่ฉันกำลังมองไปรอบๆระหว่างที่เดิน ฉันก็ถูกคุณลุงเจ้าของรถเข็นขายอาหารคนหนึ่งเรียกเข้า
“ฉันพึ่งมาถึงที่นี่เมื่อวานนี้เองนี่นา”
“อย่างนี้นี่เอง ถ้างั้นหนูคงยังไม่เคยได้ลิ้มลองอาหารประจำเมืองอย่างซาลาเปามังกรวารีสินะ? ไหนๆก็มาถึงที่แล้วจะลองสักหน่อยไหมล่ะ?”
“โอ้ ขายตรงกันน่าดูเลยนะ…ถ้างั้นเอามาสองเลยละกัน”
“ขอบใจที่อุดหนุนนะ!”
จ่ายไป 500 ไอริส ฉันก็ได้ซาลาเปาสองชิ้นยักษ์…เดี๋ยวสิ นี่มันจะใหญ่ไปแล้วนะ!?
เส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ราวๆ 30 เซนติเมตร และส่วนสูงที่ราวๆ 6 เซนติเมตร มีสองชิ้นในถุงทำให้ถุงใหญ่แน่นขึ้นมาทันตา
[โคตรเบิ้ม]
[อย่างใหญ่เลย]
[BIG]
[ไซส์ดูจะเพี้ยนไปแล้ว?]
ดูเหมือนว่าเหล่าคนดูจะมีความคิดเดียวกับฉัน ฉันเผลอมองไปที่รถเข็นคันอื่นๆ อืม ดูเหมือนว่านี่จะเป็นขนาดปกติของที่นี่ล่ะ
น่าจะเอาไปเผื่อโคฮาคุด้วย…ตอนซื้อมาฉันก็คิดอย่างนี้ล่ะนะแต่แบบนี้โคฮาคุจะกินได้ไหมล่ะ?
รับซาลาเปามาด้วยสีหน้าคายไม่ออก พ่อค้าหัวเราะร่าพร้อมกับที่ฉันเดินจากมา
อย่างน้อยๆใหญ่ไปก็ดีว่าเล็กไปล่ะนะ แต่ถึงอย่างนั้นซาลาเปายักษ์ 30 เซนติเมตรก็มากไปหน่อยนะ
“อ๊ะ อร่อยดีนี่นา”
[รสชาติเป็นยังไงอ่ะ?]
[ดูชุ่มจัง]
[ดูฉ่ำจัง]
“ก็เหมือนซาลาเปาทั่วๆไปนี่ล่ะ”
[ชิ]
[ชิ]
[เคะ]
รีแอคชั่นของคนดูจะดุดันกันเกินไปแล้ว
ถึงแม้ว่าจะเป็นซาลาเปาที่ใหญ่กว่าปกติไปบ้างโดยที่มีรสชาติปกติ นั่นล่ะคือสาเหตุที่มันอร่อยล่ะ
แล้วทำไมถึงมีชื่อว่าซาลาเปามังกรวารีกันนะ….?
หลังจากนั้นฉันก็ได้ซื้อปลาย่างเสียบไม้มาก่อนที่จะถูกแย่งไปโดยลูกมังกรวารีจากในลำธาร เป็นการเดินเล่นที่เพลิดเพลินน่าดูเชียวล่ะ
☆
“โอ๊ะ มาไวจังเลยนะ”
“ไม่สิ โคฮาคุต่างหากที่มาไวกว่าอีก ไวกว่ามากเลยด้วย”
“ฉันแค่ตั้งหน้าตั้งตารอมันมากขนาดที่มารออยู่ได้สองชั่วโมงแล้วน่ะ”
บริเวณสนามฝึกที่ถูกสร้างขึ้นข้างๆสังเวียนวารีเป็นสนามฝึกที่กว้างมากพอที่จะจัดงานแข่งขันได้อีกที่เลยล่ะ โคฮาคุยิ้มขึ้นมาขณะที่ทักหาฉัน
ตอนนี้ยังเหลืออีกชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาเที่ยง ถ้านับสองชั่วโมงก่อนหน้านั้นอีก หมายความว่าเธอมารอตั้งแต่ 9 โมงแล้ว?
รอบๆตัวพวกเราคือเหล่าNPCและผู้เล่นที่ฝึกฝนกันอย่างกระตือรือร้น บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความร้อนแรงจากการที่พวกเขาฝึกใช้สกิลและเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ
แล้วก็ เพราะว่าโคฮาคุเป็นNPCที่มีชื่อเสียงหรือเปล่านะ? หรือเพราะพวกเขาแค่อยากรู้อยากเห็นกัน? แม้ว่าเธอจะแค่ยืนอยู่เฉยๆก็ได้ตกเป็นเป้าสายตาไป
“เอ้านี่ ซาลาเปามังกรวารี ฉันให้อันนึงนะ”
“โอ้ว น่าคิดถึงจังเลยนะ เพราะว่ามันคุ้มค่ากับราคาฉันเลยกินอยู่บ่อยๆในสมัยก่อนล่ะนะ….อืม อร่อยจริงๆเลย”
“มันใหญ่กว่าที่คิดไว้อีก ตกใจหมดเลยล่ะ”
ซาลาเปาที่ให้ไปก็คือซาลาเปามังกรวารีแบบเดียวกับที่ฉันกินไประหว่างทาง แต่โคฮาคุก็รับไปด้วยความยินดีก่อนที่จะกินไปจนหมดภายในพริบตา
ขอเดานะ จริงๆเธอน่ะกินจุน่าดูเลยสิ ใช่ไหม?
“ขอบใจนะ อร่อยมากเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก แล้ว วันนี้พวกเราจะทำอะไรกันดีล่ะ?”
“ก่อนหน้านั้นเธอได้จำท่ารำที่ฉันสอนให้ไปเมื่อวานนี้ได้หรือยังล่ะ?”
“[ท่ารำอสูรร้าย(Rasetsu no Mai)กับท่ารำสองคม(Moroha no Mai) สินะ]”(Rasetsu อสูรร้าย หมายถึงรากษส)
“อืม เก่งมากเลยนะที่จำได้”
สกิลหายาก [ระบำยักษา(Oni no Mai)] [ท่ารำที่หนึ่ง อสูรร้าย]และ[ท่ารำที่สอง สองคม] ทั้งสองคือสกิลที่ใช้งานได้ง่ายและแทบไม่มีข้อเสียในการใช้งานเลยสำหรับชาวคิจิน
ท่ารำอสูรร้ายจะทำให้ค่าปัญญาที่มีกลายเป็น 0 แลกมากับการที่ความสามารถทางกายภาพจะถูกบัฟเพิ่มขึ้น เป็นสกิลที่เข้าใจได้ง่ายๆ
สามารถเรียนรู้ได้ก็ต่อเมื่อมีค่าความแข็งแกร่งเกิน100 ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่เดิมที่แล้วถ้าค่าความแข็งแกร่งไม่ถึง100ก็เรียนสกิลระบำยักษาไม่ได้แต่แรกอยู่ดี
ผลของท่ารำอสูรร้ายเองก็ค่อนข้างสูง อยู่ที่20%เลย แถมข้อเสียก็ไม่ได้แย่อะไรด้วย ถ้าจะให้พูดถึงข้อเสียของมันจริงๆก็คงเป็นเรื่องที่ผลระยะเวลาที่สั้นที่ 1 นาที และการจะใช้งานอีกครั้งก็ต้องรอถึง 10 นาทีน่ะ
ในส่วนของท่ารำสองคม ก็ตามที่ชื่อบอกเลย เป็นสกิลที่จะโยนค่าพลังป้องกันของผู้ใช้ออกไปจนหมด
มันจะทำให้ค่าความทนทานและค่าพลังป้องกันเวทมนตร์กลายเป็นเป็น 0 อีกทั้งยังสูญเสียโบนัสพลังป้องกันจากอุปกรณ์สวมใส่อีกด้วย กลับกันแล้ว ความแข็งแกร่งทางกายภาพและความว่องไวจะถูกเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
อัตราส่วนในการเพิ่มขึ้นคือ x2 สำหรับความแข็งแกร่ง และ x1.5 สำหรับความว่องไว ซึ่งเป็นการทวีคูณขึ้นมาอย่างมาก แต่เพราะพลังป้องกันถูกลดเหลือ 0 จึงทำให้เทคนิคที่จะใช้ถูกจำกัดลงไปจากเพราะเรื่องของแรงสะท้อน
ยกตัวอย่างนะ สกิล[สิบกลีบซากุระ]ของสกิล[ต่อสู้มือเปล่า]นั้นพึ่งพาพลังป้องกันของผู้ใช้เพื่อลดความเสียหายที่สะท้อนกลับมา เพราะงั้นถ้าหากไม่มีค่าพลังป้องกันเลยตัวผู้ใช้เองก็คงสลายไปด้วยทั้งอย่างนั้น
และที่เห็นได้ชัดจากการโยนพลังป้องกันของตัวเองทิ้งไปจนหมด การโจมตีทุกรูปแบบของศัตรูล้วนเป็นการโจมตีที่ถึงตายได้ เรียกได้ว่าเป็นสกิลดาบสองคมจริงๆล่ะนะ
และผลระยะเวลาของมันอยู่ที่ 5 นาที และถึงจะใช้เปล่าๆก็ส่งผลดีอยู่แล้ว ผลของมันยังสามารถใช้เพื่อคูณผลของท่ารำอสูรร้ายหรือ[หมาป่าผู้หิวโหย]ได้อีกด้วย
ง่ายๆก็คือฉันสามารถที่จะมีค่าความแข็งแกร่งที่มากกว่าเดิมถึงสามเท่า และความว่องไวที่เพิ่มขึ้นถึงสองเท่าอีกเลยด้วย
จะว่าไปแล้ว ดูเหมือนว่าถ้าใช้พร้อมกันแล้วจะเป็นผลของ[หมาป่าผู้หิวโหย]ที่ถูกคูณนะ
คงเป็นเพราะว่าท่ารำสองคมเป็นเพียงสกิลแยกย้อยออกมาของสกิลใหญ่ในขณะที่หมาป่าผู้หิวโหยเป็นสกิลหายากเดี่ยวๆในตัวมันเองล่ะนะ
มองเผินๆแล้วถึงแม้ว่าผลจะยอดเยี่ยมแต่ข้อเสียเองก็เยอะเช่นกัน แต่ถึงหมาป่าผู้หิวโหยดูจะเป็นสกิลที่แย่กว่าท่ารำสองคม มันกลับมีผลเอฟเฟคที่ทรงพลังอย่างการถูกคูณโดยบัฟอื่นๆได้เช่นกัน
ยกตัวอย่างง่ายๆคือ บัฟ x2 ที่ให้ค่าความแข็งแกร่งจากความแข็งแกร่งพื้นฐานที่ +100% และบัฟ x3 ที่+200% ถ้าบวกแยกกันก็จะได้ +300% ซึ่งจะเท่ากับการบัฟ x4 แต่ถ้าเอา บัฟ x2 กับบัฟ x3 มาคูณกันเองแล้วก็จะได้บัฟ x6 ความได้เปรียบของมันก็เห็นกันได้อย่างชัดเจน
ค่าความแข็งแกร่งที่ต้องการในการเรียนรู้สกิลนี้คือ 150 แต้ม และมีระยะเวลาที่ต้องรอหลังการใช้หนึ่งชั่วโมง พอเทียบกับท่ารำอสูรร้ายแล้วยิ่งเป็นสกิลที่ใช้ได้น้อยครั้ง แต่ถ้าเทียบกับหมาป่าผู้หิวโหยแล้ว ท่ารำสองคมเป็นสกิลที่ใช้ได้บ่อยกว่ากันมาก
“ฉันพึ่งจะสอนเธอไปเมื่อวานนี้เองคงจะยังไม่ชินกับระบำยักษาสินะ? เพราะงั้นฉันเลยคิดว่าจะใช้เวลาวันนี้เพื่อทดสอบกันหน่อยน่ะ”
พูดแบบนั้นแล้ว โคฮาคุก็ส่งสัญญาณเรียกNPCคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆสนามฝึกซ้อม
หลังจากนั้น ผู้เล่นและNPCคนอื่นๆที่อยู่รอบๆพวกเราก็ถอยห่างออกไปกันเป็นกลุ่มๆทำให้ที่นี่กลายเป็นสังเวียนเล็กๆอีกครั้งโดยที่มีฉันกับโคฮาคุอยู่ภายใน
“ฉันไปขอเช่าพื้นที่นี่มาใช้นิดหน่อยน่ะ หลังจากจ่ายค่าใช้งานไปก็ได้รับอนุญาตมา”
“พวกเราจะสู้กับมอนสเตอร์อะไรอย่างนั้นเหรอ?”
หลังจากที่ได้ยินโคฮาคุบอกว่าจะเหลือเพียงพวกเราสองคนในที่นี่ ฉันเลยถามออกไปคิดว่าจะเป็นการฝึกสู้กับมอนสเตอร์แบบที่สังเวียนข้างๆทำ
ได้ยินแบบนั้น โคฮาคุก็ยิ้มขึ้นมาก่อนที่จะส่ายหน้าของเธอช้าๆ
“ไม่หรอก สิ่งที่ซุคุนะต้องสู้ด้วยน่ะไม่ใช่มอนสเตอร์หรอกนะ”
“เอ๋?”
“เธอน่ะแข็งแกร่ง และยังมีพรสวรรค์เหนือกว่าคนอื่นมากอีกด้วย ในส่วนของพรสวรรค์การต่อสู้แล้ว แม้แต่ฉันที่เป็นคิจินที่แข็งแกร่งที่สุดยังแทบจะเทียบกับเธอไม่ได้เลย เพราะอย่างนั้นฉันถึงเชื่อว่าฉันต้องสอนให้เธอรู้ถึงสิ่งหนึ่ง”
โคฮาคุกระโดดไปยังใจกลางสนามฝึกซ้อมด้วยท่าทีสบายๆก่อนจะตั้งท่าอย่างเงียบๆ
ได้ยินเธอพูดออกมาแบบนั้นพร้อมกับที่เห็นเธอทำท่าทางเช่นนั้นแล้ว ฉันก็ไม่ได้โง่ขนาดที่จะเข้าใจผิดไปได้
ฝึกซ้อมต่อสู้ เพื่อการนั้นแล้วโคฮาคุได้จองสนามฝึกซ้อมเอาไว้
รับรู้ถึงสิ่งนั้น ฉันก็ได้เคาะสนับมือโลหะบนแขนเบาๆก่อนจะปรับสมาธิ
ณ ใจกลางสังเวียนวงกลม ทั้งโคฮาคุกับฉันต่างอยู่ในท่าเตรียมพร้อม
โคฮาคุหลับตาลงก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
ในชั่ววินาทีนั้น ทั่วทั้งสนามฝึกเต็มไปด้วยความกดดันอันเยือกเย็นและรุนแรง
“เข้ามาให้เต็มกำลัง ฉันจะบดขยี้เธอด้วยสิ่งที่เธอนั้นแข็งแกร่งที่สุดเอง”
เบื้องหน้าคือเจ้าหญิงแห่งยักษา
แม้มีแค่เธออยู่เพียงลำพัง ฉันกลับถูกความกดดันเข้าถาโถมราวกับกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายอยู่เลย
MANGA DISCUSSION