ฉันถูกกลืนกินไปโดยท้องฟ้าที่ร่วงหล่นลงมา
พอฉันรู้สึกตัว ฉันก็กำลังมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนอยู่
“…..เอ๋?”
ลุกขึ้นมา ฉันก็หันมองสังเกตรอบๆตัว ดูเหมือนว่าฉันจะสลบอยู่บนสักแห่งที่มีพื้นปูด้วยแผ่นหิน
นี่ไม่ใช่จุดเกิดของเมืองดูอัลลิส และก็ไม่ใช่เตียงที่ฉันควรจะอยู่หลังจากที่ล็อกเอาท์แล้วด้วย กลับกลายเป็นสถานที่ที่มีศาลเจ้าก่อตั้งขึ้นบนแผ่นดินผืนที่ถูกตัดขาดจากทุกสิ่ง
ตัดขาด ฉันมีเหตุผลที่เลือกใช้คำนี้
พื้นดินกว้างยืดออกไปราว100เมตรในทุกทิศทาง แต่เลยจากนั้นไปแล้วภาพทิวทัศน์ได้บิดเบี้ยวและพังทลายลงไป
มันเหมือนกับโลกต่างมิติที่มักจะเห็นได้จากในอนิเมะหรือมังงะ ฉันคิดว่าที่นี่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
จะว่าไปแล้ว ตรงที่ฉันยืนอยู่คือลานกว้างของศาลเจ้า ซึ่งก็มีศาลเจ้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ข้างหน้าฉัน
‘ถ้างั้นก็เข้าไปสำรวจดูหน่อยละกัน’
ลากร่างกายและจิตใจที่เหนื่อยล้าไปข้างหน้า ฉันค่อยๆเคลื่อนตัวไปยังศาลเจ้า ประตูเปิดไว้อยู่แล้ว เชิญชวนให้ฉันเข้าไป
ระหว่างทางฉันสังเกตได้ว่าอวาตาร์ของฉันอยู่ในสภาพเดียวกับจังหวะก่อนที่อโพคาลิพส์จะปล่อยเวทมนตร์ขั้นสุดยอดนั้น
ฉันเหลือHPอยู่แค่นิดเดียว และด้านข้างลำตัวของฉันเองก็ยังคงเป็นรูโหว่อยู่ ความต่างอย่างเดียวคือ[หมาป่าผู้หิวโหย]ถูกยกเลิกไปแล้วและความเสียหายตามระยะเวลาจากอาการเลือดไหลเองก็หายไปแล้วด้วย ฉันหายจากอาการพวกนั้นแล้ว ถ้าจะสรุปอย่างนั้นจะฟังดูมีเหตุผลหรือเปล่านะ?
ฉันเองก็บอกไม่ได้ว่านี่คือฝันหรือความเป็นจริง แต่ลางสังหรณ์ของฉันบอกว่านี่ไม่ใช่ความฝัน
มีเพียงแท่นบูชาตั้งไว้อยู่ในศาลเจ้า
บนแท่นวางอยู่นั้นมีปิ่นปักผมโลหะสีแดงสดพร้อมกับลายสลักดอกโฮซุกิตรงปลาย
เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งนี้จะสร้างมากจากหิหิอิโระกาเนะเหมือนกับ[บทบรรเลงเดี่ยวแห่งคาเมลเลียจันทรา]ที่ฉันสวมใส่อยู่?
“โอ้ย–”
พอฉันเอื้อมมือไปจับอย่างไม่คิดอะไร มือของฉันก็ถูกต้านออกมาโดยกำแพงที่มองไม่เห็น จริงๆก็ไม่ได้เจ็บอะไรหรอกแต่ว่า…รู้สึกเหมือนกับโดนไฟฟ้าสถิต จากที่ถูกช็อตไปดูเหมือนจะถูกปฏิเสธล่ะ
“ตื่นแล้วสินะ บุตรีแห่งยักษ์เอ๋ย”
โดยไร้ซึ่งเสียง กลิ่น หรือตัวตน เจ้าของเสียงได้ปรากฏตัวขึ้นมาด้านหลังของฉัน
ด้วยความตกใจ ฉันหมุนตัวแล้วได้เผชิญหน้ากับ[อวาตาร์ของฉัน]
“อะ–…ไร….เอ๋?ใครกัน?”
“ฟุฮ่ะฮ่ะฮ่ะ ดูเหมือนว่าเจ้าจะสับสนสินะ เป็นข้าเองผู้ที่พาเจ้ามายังที่แห่งนี้และข้าเองที่ช่วยเจ้าจากเจ้ามังกรบริสุทธิ์นั่น”
“อ่า…อย่างงั้นเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน”
มองหน้าเธอเหมือนกับกำลังมองกระจกอยู่เลย
ตัวตนที่กำลังยิ้มอยู่ข้างหน้าฉันเหมือนกับอวาตาร์ของฉันทุกประการแม้กระทั่งรูโหว่บนท้อง พอมองจากตรงนี้แล้วนั่นดูเจ็บชะมัด
“ในตอนนี้ข้านั้นไม่อาจใช้รูปลักษณ์ของตัวข้าได้ เช่นนั้นข้าจึงเลียนแบบร่างกายของเจ้า แม้จะไม่น่าสบอารมณ์แต่ช่วยอภัยที่ข้าทำเช่นนั้นด้วย”
“อ-อืม แล้ว…คุณเป็นใครน่ะ?”
“โอ้ว ข้าลืมที่จะแนะนำตัวไปเลยสินะ”
ตัวตนที่ยืมรูปร่างของฉันหัวเราะขณะที่พูดออกมา”ไม่ดีเลยน้า” แล้วตอบคำถามของฉัน
“นามของข้าคือชูเท็น ข้าคือผู้ปกครองเหนือ[โดวจิ]ทั้งมวล”
ชูเท็น ถ้าฉันสะกดตามการออกเสียง จะเขียนว่า 酒呑หรือเปล่านะ?
ชื่อนั่น ฉันรู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินอยู่บ่อยๆนะ
“อะไรกัน? ปฏิกิริยาของเจ้าน่าเบื่อจริง เจ้าน่าจะตกใจมากกว่านี้หน่อยนะ แบบ โดหย๊าาา!? น่ะรู้ไหม?”
“อ่า อืม ขอโทษทีนะ ฉันแค่สับสนอยู่น่ะ”
“ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องเป็นอย่างนั้น ในเมื่อข้าเป็นผู้ลากเจ้ามาจากมังกรบริสุทธิ์นั่น เจ้ากำลังจะเข้าไปในห่วงความตายตามชะตากำหนดอยู่เลยนะ”
ก็คงอย่างนั้น เพราะว่าถ้าเธอปล่อยฉันไว้ฉันคงจะตายจากระยะเวลากำหนด แล้วก็ตายจากการตกจากที่สูง แล้วก็ตายจากเวทมนตร์นั่น
ไม่บ่อยหรอกนะที่จะได้ตายจากสามสาเหตุการตายที่ต่างกันน่ะ
โดยเฉพาะเวทมนตร์ขั้นสุดยอดนั่น
เวทมนตร์แห่งสัจธรรม มันบอกมาอย่างนั้น แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าคันจิสะกดด้วยตัวอะไรบ้าง เพราะงั้นฉันเลยไม่เข้าใจในความหมายของมัน
อย่างมากฉันก็คิดว่าน่าจะมีตัว「理.」
สงสัยจังว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนองน้ำ ในตอนที่ฉันกับโรวสู้กัน จริงอยู่ว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น แต่ด้วยเวทมนตร์ระดับนั้น…
ไม่ใช่ว่าจะกลายเป็นหลุมบ่อขนาดใหญ่เลยเหรอ?
ย้อนนึกกลับไปแล้ว เป็นไปได้ไหว่ามอนสเตอร์ประเภทกิ้งก่าหลบซ่อนกันไปเป็นลางว่ามังกรจะมาน่ะ?
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ดูจากท่าทางของโรวแล้วเธอก็น่าจะไม่รู้เช่นกัน แต่บางทีรินจังอาจจะรู้อะไรบางอย่างก็ได้
“[เวทมนตร์แห่งสัจธรรม]เป็นหนึ่งในเวทมนตร์ขั้นสุดยอด ถ้าสามารถเชี่ยวชาญเวทมนตร์ทุกรูปแบบได้ ก็จะสามารถเข้าถึงเวทมนตร์แห่งสัจธรรมได้ แต่ว่านะ นอกจากเรื่องที่ว่าจะสามารถใช้งานมันได้ไหม เวทมนตร์แห่งสัจธรรมนั้นค้นหาตัวตนที่เปี่ยมด้วยพลังเวทมนตร์และความสามารถในการควบคุมอย่างละเอียดอ่อน หากขาดคุณสมบัติเหล่านั้นไปแล้ว ก็ไม่อาจใช้งานมันได้อย่างสำเร็จหรอก”
เวทมนตร์ทุกประเภท…นั่นหมายความว่าเวทมนตร์รักษาและเวทมนตร์สนับสนุนเองก็สามารถไปถึงจุดนั้นได้เหมือนกันเหรอ?
ฉันคิดว่าอย่างนั้นนะแต่ว่าฉันนึกไม่ออกเลยว่าเวทมนตร์ที่ไม่ใช่เวทโจมตีจะออกมาเป็นยังไงเมื่อถึงขั้นนั้น
“อย่างไรก็ตาม เวทมนตร์ระดับนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถใช้ได้ แม้แต่เจ้าหายนะก็ไม่สามารถใช้ได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้านั่นยังหยุดเวลาอีก ป่านนี้คงไปพักแล้วกระมัง”(ชูเท็นเรียกอโพคาลิพส์ตามความหมายว่าหายนะไม่ได้ใช้ชื่อ)
“คึคึคึ” ชูเท็นหัวเราะอย่างสบายใจ
สงสัยจังว่าทั้งสองไม่สนิทกันอย่างนั้นเหรอ หรืออาจจะสนิทกันก็เป็นได้?
ไม่ว่าจะเป็นยังไง จากในมุมมองของมังกรแล้ว นั่นอาจจะเป็น[รางวัล]จริงๆก็ได้
ถ้าเชื่อตามที่ชูเท็นเล่ามา นั่นคือเวทมนตร์ที่ทำให้เจ้านั่นหมดแรงเลยนี่นา
“ชูเท็นเองก็ใช้ได้เหรอ?”
“คึคึคึ ถ้าข้าใช้ได้ข้ามั่นใจว่ามันจะต้องรู้สึกดีแน่ แต่ว่าน่าเสียดายนะ ข้าเป็นตัวตนที่ห่างไกลจากวงเวียนของเวทมนตร์และศาสตร์เวทต่างๆน่ะสิ ข้าไม่ได้บอกไปแล้วเหรอ? ข้าเป็นตัวตนที่ปกครองเหนือ[โดวจิ]ทั้งมวลน่ะ”
“เข้าใจใช่ไหม?”
ชูเท็นมองมาด้วยสายตาไตร่ถาม ฉันรู้สึกถึงชิ้นส่วนต่างๆที่ต่อกันเมื่อฉันเข้าใจ
“…ชูเท็น…[โดวจิ]”
“อย่างที่เจ้าว่ามา สิ่งที่ข้าปกครองอยู่เหนือความรุนแรงบริสุทธิ์ทั้งมวล ในหัวข้อนั้นแล้ว จักบอกได้ว่ามังกรนั่นกับข้ายืนอยู่ในด้านที่ตรงกันข้ามที่สุดเลย”
มังกรที่อยู่ในขีดสุดของเวทมนตร์ และโอนิที่อยู่ในขีดสุดของพละกำลัง
ฉัน…สาเหตุที่มีอาชีพพิเศษ[โดวจิ]ที่ปรากฏให้ฉันได้เลือก ในตอนนี้ฉันก็ได้เข้าใจแล้วว่ามีที่มาจากไหน
เป็นเพราะว่าโอนิข้างหน้าฉันมีตัวตนอยู่ในโลกนี้ ก่อกำเนิดอาชีพพิเศษที่เรียกว่า[โดวจิ]ขึ้นมา
“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าเป็นผู้สืบเชื้อสายคนแรกที่ได้เยี่ยมเยือนข้าในรอบหลายร้อยปี ข้าจักชี้ทางให้แก่เจ้า”
ชูเท็นผู้หยิบพัดเหล็กจากที่ไหนไม่รู้ขึ้นมามีรอยยิ้มพึงพอใจก่อนจะหัวเราะออกมา
“เพื่อที่เจ้าจะวิวัฒน์พลังของข้า…ไหนดูสิ ในคำของพวกเจ้า คงต้องเรียกว่าค่าความชำนาญอาชีพใช่ไหมนะ? เพื่อที่จะวิวัฒน์พลังของเจ้า เจ้าจักพัฒนาระดับค่าความชำนาญให้สูงกว่าเจ็ดสิบ เมื่อเจ้าสำเร็จในการนั้นแล้ว เหลือเพียงแต่ว่าเจ้าจักแสดงพลังของเจ้าให้โลกได้รับรู้หรือไม่ คึคึ ดูเหมือนว่าข้าไม่ต้องกังวลในส่วนหลังแล้วสินะ”
แสดงพลังให้โลกรับรู้ หรือว่าเธอจะพูดถึงฉายาที่ได้จากการปราบบอสยูนีคกันนะ หรือบางทีอาจจะหมายถึงชื่อเสียงในหมู่NPCก็ได้?
จากการที่บอกว่าจะชี้ทางให้ ดูเหมือนว่าเธอคงจะไม่มีความตั้งใจที่จะบอกฉันตรงๆสินะ
“ค่าความชำนาญอาชีพ70 นั่นหมายความว่าจะต้องเป็นเลเวล90….อีกนานน่าดูเลยนะ”
“ไม่เช่นนั้นหรอก มนุษย์หญิงที่ร่วมมือกับเจ้าสู้กับมังกรด้วยก่อนหน้า ระดับของเธอเองก็สูงเกิน60ไปแล้ว รายนั้นก็เป็นวัตถุดิบที่ดีพอตัว แต่ถ้าข้าแตะต้องมนุษย์นั่นไป เจ้าคนเจ้าปัญหานั่นคงจะมาเยือนข้าเป็นแน่”
เมื่อมองชูเท็นที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าขณะที่อธิบายคนอื่นว่า[เจ้าปัญหา] จะต้องเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าลำบากแน่ๆ
ก็ในเมื่อคนตรงหน้าฉัน เทพโอนิที่เป็นถึงตัวตนที่อยู่ในระดับมังกรบริสุทธิ์คนนั้นยังเรียกว่าเป็นปัญหาเลย
“มีคนที่เหมือนกับชูเท็นสำหรับมนุษย์ด้วยเหรอ?”
“เจ้านี่หัวไวจริงนะ หากแต่ว่าสถานการณ์นั้นแตกต่างจากที่เจ้ากำลังคิดอยู่ พวกเราไม่ใช่ตัวตนที่เฝ้ามองแต่ละเผ่าพันธุ์ แต่ว่า พวกเรานั้นเฝ้ามองในสิ่งที่พวกเจ้าเรียกกันว่าอาชีพต่างหาก หากแต่ตัวข้านั้นเป็นตัวต้นที่แตกต่างจากพวกอื่นนัก ก็ในเมื่อจำนวนผู้ที่ข้าเฝ้ามองนั้นน้อยกว่าใคร ตรงข้ามกันแล้ว เทพแห่งดาบและเทพแห่งเวทมนตร์มักจะยุ่งอยู่เสมอเลย โดยเฉพาะเทพแห่งเวทมนตร์ หายนะเองก็เป็นบริวารของเทพนั้นด้วยล่ะนะ”
“เจ้านั่นเป็นบริวาร…? ฉันคิดว่าระดับมังกรนั่นน่าจะเป็นฝ่ายที่มีบริวารด้วยซ้ำ”
“ข้าก็ไม่รู้สินะ ถ้าพูดง่ายๆล่ะก็นั่นหมายความว่าหมอนั่น มังกรบริสุทธิ์นั้น แต่เดิมแล้วไม่ได้มีพลังมากขนาดนั้น หากแต่ ถ้าไม่มีผู้ใดที่สามารถกลายเป็นเทพแห่งเวทมนตร์คนต่อไปได้ปรากฏตัวขึ้นมา หมอนั่นก็จะชิงตำแหน่งนั้นไปเอง”
ฉันรู้สึกเหมือนจะได้ยินเรื่องอะไรบางอย่างที่สำคัญมากเข้าให้ แต่ถ้าให้พูดตามตรงแล้ว ฉันเหนื่อยมากเลยล่ะ ฉันไม่เหลือพลังงานพอที่จะคิดอะไรกับเรื่องที่เธอพูดเล่ามาแล้ว
“ฟุฟุ ดูเหมือนว่าข้าจะพูดมากเกินไปหน่อยสินะ แต่ว่า ช่วยอดทนอีกสักหน่อยนะ อย่างไรเสียข้าก็ต้องให้รางวัลแก่ผู้ที่หักเขาของเจ้านั้น เพราะเจ้านั้นเป็นมังกร มันถึงไม่คิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นในการแสดงพลังเวทมนตร์ให้ดูเป็นรางวัล แม้ว่าจะมีแต่พวกโง่เขล่าที่ไล่ตามความรู้เรื่องเวทมนตร์เท่านั้นที่จะดีใจก็ตาม”
รางวัล ชูเท็นได้พูดอะไรที่ทำให้ฉันตื่นตัวขึ้นมาเล็กน้อยแล้วจึงหยิบปิ่นปักผมแบบเดียวกับชิ้นก่อนหน้าแต่คนละสี ดีไซน์เป็นดอกโฮซุกิดูคล้ายแต่แตกต่างกับก่อนหน้านี้ บางทีวัสดุที่ใช้อาจจะต่างกัน
เชื่อฟังท่าทางของเธอที่ชี้ให้ฉันหันหลัง ชูเท็นก็จัดทรงผมของฉันด้วยปิ่นปักผมนั่น
“นี่เป็นเครื่องหมายที่จักพาเจ้ามายังศาลเจ้านี้ ในที่ยมโลกนี้จักต้องใช้เครื่องหมายสำหรับการพาเจ้าข้ามผ่านโลกคนเป็นมายังโลกคนตาย”
“ถ้าฉันสวมปิ่นนี้ ฉันจะมาที่นี่ได้อีกงั้นเหรอ?”
“เมื่อความชำนาญอาชีพของเจ้าสูงเกินสามสิบ เดินทางไปยังดินแดนซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทาง จบลงที่ศาลเจ้าเล็ก ณ สุดขอบ และถวายคำบัญชาแด่นามของข้า เชื้อเชิญมายังส่วนลึกที่สุดของยมโลก ที่นั่นข้าจักรอเจ้าอยู่”
ฉันจดจำคำที่ชูเท็นกล่าวเอ่ยมาในลักษณะคำทำนายและสลักทุกคำไว้ยังจิตวิญญาณของฉัน
ในเมื่อเธอพูดถึงเลเวลอาชีพถึง30 ในระดับเลเวลตัวละครจะต้องถึงขั้นต่ำที่50
พอถึงเลเวลนั้นแล้วให้ไปที่ดินแดนซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทาง…ก็คือ ฉันต้องไปที่เมืองแห่งการเริ่มต้นสินะ แล้วจากนั้นก็คงต้องไปหาศาลเจ้าเล็กๆสักที่ในทิศใต้ ซึ่งคือป่าสุดขอบเขต
“ผู้อาศัยในยมโลกนั้นแข็งแกร่ง เจ้าสามารถเลือกที่จะพาพวกพ้องมาด้วยหรือเจ้าจักท้าทายด้วยตนเองก็ได้ แต่ว่า เจ้าจักต้องไม่ประมาทยมโลกเด็ดขาดหากคิดจะท้าทาย”
[[เควสพิเศษ:ศาลเจ้า ณ สุดขอบเขต–ยมโลกของคิชิน–]ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว](คิชิน เทพมาร)
“อย่าได้ใจร้อนไป และพยายามเข้าล่ะ ข้ามีความคาดหวังกับเจ้าไว้สูงนะ ซุคุนะ”
ดูเหมือนคำพูดที่ฟังดูเหมือนคำทำนายนั่นจะเป็นประโยคทางการสู่เควสล่ะนะ
ลูบไล้เครื่องประดับทองแดงดูแล้ว ฉันรู้สึกว่าความเย็นที่ส่งมานั้นให้ความสบายใจ
“เอาเถอะ สำหรับตอนนี้เจ้าควรจะพักผ่อนไปก่อนนะ”
มือขวาของชูเท็นขยับไวจนเห็นเพียงภาพติดตา
เมื่อฉันรู้ตัว HPที่เหลืออยู่ของฉันก็ถูกกระชากออกไปจนหมด และร่างกายที่อยู่ในสภาพใกล้ตายมาตลอดก็ได้รับโทษจากการตายที่ล่วงเวลามานาน
ส-สุดท้ายก็ฆ่าฉันงั้นเหรอ
ย้อนนึกดูแล้วฉันก็ไม่ได้จะโทษเธอหรอกนะ แต่ก่อนที่จะถูกส่งไปจุดเกิด ฉันจำได้ถึงความสุขบนใบหน้าของชูเท็นหลังจากที่ทำมันลงไปแล้วสาบานว่าจะต้องมาบ่นเรื่องนี้กับเธอครั้งหน้าที่ได้เจอกัน
—————————————-
ชูเท็น โดวจิ มาแล้ว!
น่าเสียดายที่ยังไม่ได้เห็นตัวตนจริงๆนะ ในอนาคตจะมีอิบารากิหรือเปล่านะ?
MANGA DISCUSSION