ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 972 แก้แค้น + ตอนที่ 973 อยากออกไปจากที่นี่ไหม
ตอนที่ 972 แก้แค้น
เหยียนหมิงซุ่นเพียงพลิกตัวก็กระโดดเข้ามาอยู่ในห้อง เขาดึงตัวสาวน้อยผู้น่าสงสารเข้ามากอดไว้ จากนั้นพาเธอไปส่งถึงเตียงพร้อมกับห่มผ้าผืนบางให้เสร็จสรรพ ถือว่าเครื่องทำความเย็นภายในห้องที่เปิดอยู่นั้นกำลังเย็นพอดีเลยทีเดียว แต่อย่าหวังจะได้เย็นจนแช่แข็งเจ้าหญิงตัวน้อยของเขา!
“พี่ขอดูแผลบนตัวเธอหน่อย…”
เหยียนหมิงซุ่นพูดไม่ทันจบประโยคก็เลิกชายเสื้อของคนป่วยขึ้น เผยให้เห็นร่องรอยบาดแผลบนแผ่นหลัง แค่ดูก็รู้ว่าถูกฟาดด้วยแส้ แววตาของเหยียนหมิงซุ่นผลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา แต่แค่แวบเดียวก็กลับมาเป็นปกติ
“ยังเจ็บอยู่ไหม?”
เขาลูบคลำบาดแผลอย่างแผ่วเบาด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ
“ไม่เจ็บแล้ว พี่หมิงซุ่นรู้ได้อย่างไรว่าฉันอยู่ที่นี่? แล้วฉิวฉิวล่ะทำไมถึงมาอยู่กับพี่ได้?” เหมยเหมยไม่เข้าใจ
เหยียนหมิงซุ่นดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับเอ่ยตอบด้วยความนุ่มนวล “พ่อเป็นคนบอกน่ะ ฉิวฉิวไปตามพ่อเพื่อให้มาช่วยเธอ เจ้าตัวเล็กนี่ก็ฉลาดไม่เบานะ”
ฉิวฉิวที่ได้รับคำชมจึงส่งเสียงร้องอย่างได้ใจออกมาเพียงไม่กี่ครั้ง หางฟูฟ่องสะบัดปัดป่าย ก็มันเป็นสัตว์ฉลาดมากถึงมากที่สุดในโลกใบนี้แล้วไง !
เหมยเหมยอุ้มฉิวฉิวเข้ามาไว้ในอ้อมกอดพร้อมกับหยิกหยอกมันด้วยความตกตะลึง “ขอบคุณมากที่รัก พี่คิดว่าแกจะไปสวีทอยู่กับแฟนเสียอีก ขอโทษด้วยนะ…”
ฉิวฉิวมองเธอด้วยสายตาระอา พร้อมทั้งหันท้ายทอยให้กับเหมยเหมย ชักจะดูถูกคุณชายฉิวเกินไปแล้ว!
ในช่วงเวลาสำคัญ คิดว่ากระรอกอย่างมันเห็นกระรอกสวย ๆดีกว่าเจ้านายหรือไง?
เหมยเหมยง้อด้วยการหยิบช็อกโกแลตในลิ้นชักออกมาและป้อนให้คุณชายฉิวกิน นั่นจึงทำให้เจ้าตัวเล็กหายโมโหได้ และมันกินพร้อมกับฉาฉาอย่างเอร็ดอร่อย รวมทั้งไม่อยากจะเป็นก้างขวางคออีก
เหยียนหมิงซุ่นถามถึงความเป็นมาของเรื่องที่เกิดขึ้น เหมยเหมยจึงพูดไปตามความจริง พร้อมทั้งพูดถึงสิ่งที่เธอกำลังสงสัย “ฉันคิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อต้องหึงหวงแน่เลย เขาปฏิบัติกับเหมยซูหานต่างออกไป…”
ยิ่งคนโหดร้ายทารุณอย่างเฮ่อเหลียนเช่อแล้วด้วย เหมยซูหานเคยต่อต้านเขาอยู่หลายครั้งหลายหน แต่สุดท้ายก็ถูกฟาดด้วยแส้ไปเพียงไม่กี่ที หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก คงพูดได้เพียงว่าเฮ่อเหลียนเซ่อนั้นรักเหมยซูหานด้วยหัวใจจริง
แม้ว่าสำหรับรักแท้ระหว่างคู่ชายรักชายนั้นจะดูไม่เข้าท่านักแต่เหมยเหมยก็พอจะเข้าใจได้ เดิมทีเฮ่อเหลียนเช่อนั้นก็เป็นประเภทนิยมชมชอบต่อทั้งสองเพศอยู่แล้ว ซึ่งการที่เขาตกหลุมรักเหมยซูหานจึงนับว่าเป็นเรื่องปกติ
เพียงแต่เหมยซูหานกลับ…
“แต่ก็ไม่รู้ว่าเหมยซูหานเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าไม่ใช่เพราะเหมยซูหานเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยฉัน ฉันคงไม่อาจมีชีวิตรอดมาได้…”
จนป่านนี้แล้วเหมยเหมยยังคงรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความรู้สึกที่เธอมีต่อเหมยซูหานนั้นดูซับซ้อนมาก
แม้ว่าจะเป็นเพราะเหมยซูหานถูกทำร้ายอย่างคาดไม่ถึง แต่กระนั้นก็ถือว่าเหมยซูหานได้ช่วยชีวิตเธอไว้ เพียงแค่ไม่รู้ว่าเหมยซูหานจะขัดขวางเฮ่อเหลียนเช่อด้วยวิธีไหน?
เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ได้รู้สึกขอบคุณเหมยซูหานเลยสักนิด “หากไม่เป็นเพราะมัน เธอคงไม่ถูกเฮ่อเหลียนเช่อลากตัวไปหรอก เหมยเหมยพักผ่อนแล้วก็วางใจได้ เอาไว้คืนพรุ่งนี้พี่จะมาหาใหม่!”
เขากลับไม่ได้บอกเหมยเหมยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเหมยซูหานหลังจากนั้น เฮ่อเหลียนชิงได้บอกเขาแล้วว่าเหมยซูหานถูกเฮ่อเหลียนเช่อข่มขืน จากการคิดวิเคราะห์ของตัวเขาเหมยซูหานยอมแลกร่างกายเพื่อช่วยเหมยเหมย แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกที่จะขอบคุณอยู่ดี
แต่เขาเองก็รู้สึกเห็นใจต่อสิ่งเลวร้ายที่เหมยซูหานต้องพบเจออยู่บ้าง การที่ได้พบเจอกับคนวิปริตอย่างเฮ่อเหลียนเช่อนั้นนับว่าเป็นชะตากรรมของเหมยซูหานที่ถูกลิขิตเอาไว้!
แต่นั่นก็ไม่ได้เกี่ยวกับเขา!
เขาพูดคุยกับเหมยเหมยอยู่พักใหญ่ พอเหมยเหมยรู้สึกสบายใจขึ้นก็สามารถเข้าสู้ห้วงนิทราได้อย่างรวดเร็ว เหยียนหมิงซุ่นจึงก้มลงจูบบนริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงออกไปจากห้องผู้ป่วย
เขาต้องไปแก้แคนให้กับเจ้าหญิงตัวน้อย…
เฮ่อเหลียนเช่อเดินเข้ามาภายในคฤหาสน์ด้วยสีหน้าบึ้งตึง เขาเพิ่งกลับมาจากบ้านของหนิงเฉินเซวียน มีปากเสียงทะเลาะกับหนิงเฉินเซวียนอย่างรุนแรง แต่เมื่อเขาเดินเข้ามาในบ้าน สีหน้าท่าทางก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาก จากนั้นจึงกวักมือเรียกหาลูกน้อง
“วันนี้ได้ออกไปไหนหรือเปล่า?”
ลูกน้องส่ายหน้า “ไม่ครับ ขนาดประตูห้องยังไม่เปิดออกมาเลย นอนอยู่ในห้องตลอด ผมให้หมอจัดยาให้เขาแล้วครับ ไม่เป็นอะไรแล้ว ”
เฮ่อเหลียนเช่อพยักหน้าอย่างพึงพอใจพร้อมเตรียมจะเดินขึ้นบ้าน ในตอนนี้เขารู้สึกฟุ้งซ่านมาก อยากจะอยู่ข้างกายเหมยซูหานเงียบ ๆสักหน่อย
ขณะที่เดินขึ้นบันไดไป หน้าต่างบานสูงบนดาดฟ้าชั้นสองถูกโจมตีจนเกิดเป็นรูเล็ก ๆหลายรู เงาทมิฬของบุคคลหนึ่งได้กระแทกเข้ากับกระจกกันกระสุนจนแตกกระจายพร้อมพุ่งใส่เฮ่อเหลียนเช่อ…
………………………………………………..
ตอนที่ 973 อยากออกไปจากที่นี่ไหม
เฮ่อเหลียนเช่อไม่ทันได้ป้องกันตัวจึงได้รับหมัดจากเงาทมิฬนั้นหลายหมัดติดต่อกัน ทั้งเจ็บทั้งตกใจ เขาเกิดความตื่นตระหนกปนสงสัยต่อตัวตนของเงาทมิฬผู้นี้เป็นมาก
เมืองหลวงมีคนฝีมือดีถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
นึกไม่ถึงเลยว่าฝีมือจะทัดเทียมกับเขาได้?
“แกเป็นคนที่ไอ้แก่เฮ่อเหลียนชิงนั่นส่งมาใช่ไหม?” เฮ่อเหลียนเช่อถามด้วยน้ำเสียงติดตำหนิ
เงาทมิฬก็คือเหยียนหมิงซุ่น เขาโพกปิดใบหน้าเอาไว้และไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด ได้แต่โจมตีใส่ระรัว
ช่วงนี้ฝึกพลังทู่น่า[1]อยู่ทุกวัน พลังในตำแหน่งตันเถียน[2]ก็ไหลเวียนรวมกันได้มากขึ้น รวมทั้งแผนการฝึกอบรมที่เฮ่อเหลียนชิงได้ออกแบบมาเพื่อเขานั้นทำให้กำลังวังชาของเหยียนหมิงซุ่นเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งไม่ด้อยไปกว่าเฮ่อเหลียนเช่อเลย
หากพูดตามความเป็นจริง พละกำลังของเหยียนหมิงซุ่นยังไม่อาจแซงหน้าเฮ่อเหลียนเช่อได้ เพียงแต่เขาได้เปรียบในการโจมตีก่อน รวมถึงเฮ่อเหลียนเช่อที่มีจิตใจไม่แน่นิ่ง เป็นธรรมดาที่จะไร้เรี่ยวแรงไม่ได้ดั่งที่ใจคิด นั่นจึงทำให้ฝีมือของเหยียนหมิงซุ่นสามารถเทียบชั้นกับเขาได้
ลูกน้องคนอื่น ๆที่กรูกันเข้ามาก็ได้ถูกเหยียนหมิงซุ่นจัดการจนราบเป็นหน้ากลอง เขาใช้อาวุธลับที่เฮ่อเหลียนชิงทำขึ้นเพื่อตัวเขา นั่นคือบูมเมอแรง
บูมเมอแรงหนึ่งอันสามารถใช้ซ้ำกันได้หลายครั้งอย่างต่อเนื่องเพียงแต่ยากที่จะควบคุมแรงได้ เหยียนหมิงซุ่นฝึกฝนอยู่เป็นเวลานานกว่าจะสามารถใช้มันได้อย่างเห็นผล ในค่ำคืนนี้นับเป็นครั้งที่เขาได้ใช้จริง ๆสักที
ผลลัพธ์ถือว่าไม่เลวเลย บูมเมอแรงเพียงหนึ่งอันที่เขาใช้สามารถล้มลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อได้เป็นโขยง ซึ่งไม่รุนแรงถึงขั้นคร่าชีวิตเพียงแต่ทำให้เอ็นกล้ามเนื้อของพวกเขาขาดเท่านั้นเอง
อีกหน่อยหากเชื่อมมันขึ้นมาใหม่ได้ก็ไม่สามารถกลับมาช่วยเฮ่อเหลียนเช่อทำเรื่องเลวระยำได้อีก ถือว่าเขาได้ช่วยพวกนั้นไว้ตั้งหนึ่งชีวิตนะ!
เหยียนหมิงซุ่นถือจังหวะที่เฮ่อเหยียนเช่อเผลอดึงเอาแส้หนังที่พันอยู่รอบเอวของเขาออกมา พร้อมกับฟาดแส้ไปครั้งหนึ่งอย่างรุนแรง โดยใช้พละกำลังมหาศาล ไร้ซึ่งความปรานี!
“แกเป็นใคร? ถ้ากล้ามากก็บอกชื่อเสียงเรียงนามมา ทำลับ ๆล่อ ๆจะมีประโยชน์อะไร?”
เฮ่อเหลียนเช่อร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด แต่ก่อนเป็นเขาเองที่ใช้แส้เทียวฟาดคนอื่น วันนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาได้ลิ้มรสชาติของการถูกแส้ฟาด เจ็บเสียยิ่งกว่าอะไร!
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเยาะไปที จากนั้นขยับร่างกายพร้อมกับออกแรงฟาดแส้อีกครั้ง ในจังหวะนั้นเสื้อผ้าของเฮ่อเหลียนเช่อขาดวิ่นเป็นเศษผ้า ร่างกายส่วนบนเปลือยเปล่า ตามตัวปรากฏรอยเลือดอยู่หลายจุดซึ่งลึกพอสมควร
เฮ่อเหลียนเช่อพยายามหลบแส้แต่มีหรือที่เหยียนหมิงซุ่นจะยอมให้สมดั่งใจได้ เขาเหวี่ยงแส้ฟาดลงไปต่อเนื่องอยู่หลายครั้ง เสียงแส้ฟาดนั้นดังจนแสบแก้วหู รอยเลือดตามร่างกายของเฮ่อเหลียนเช่อก็เพิ่มขึ้นมาอีกหลายจุด ผิวถลอกปอกเปิกจนแตกช้ำ
เหยียนหมิงซุ่นจ้องมองเฮ่อเหลียนเช่อที่มีเลือดสีสดไหลอาบด้วยความพึงพอใจ ฉับพลันจึงฟาดแส้ลงไปซ้ำอีกหลายครั้ง เฮ่อเหลียนเช่อนับว่าเป็นชายชาตรีเพราะเขาไม่ส่งเสียงร้องออกมาเลยสักนิด เพียงแค่จ้องเขม็งไปที่เหยียนหมิงซุ่นไม่วางตา ราวกับต้องการจดจำรูปร่างลักษณ์ของเขาไว้
เหมยซูหานที่อยู่ในห้องได้ยินความเคลื่อนไหวจากภายนอกจึงวิ่งออกมา พลันเหลือบเห็นเฮ่อเหลียนเช่อที่มีเลือดอาบท่วมตัวจึงส่งเสียงร้องอย่างตื่นตระหนก
แต่ลูกน้องของเฮ่อเหลียนเซ่อได้ส่งสัญญาณเป็นนัย ๆให้ลูกน้องคนอื่นเข้ามาช่วย เหยียนหมิงซุ่นเองรู้ดีว่าไม่ควรอยู่ที่นี่นานกว่านี้ เขาหันไปมองใบหน้าซีดเซียวของเหมยซูหาน พร้อมปรับโทนเสียงให้ต่ำพร้อมกับเอ่ยถาม “อยากออกไปจากที่นี่ไหม?”
เห็นแก่ความเป็นเพื่อนร่วมชั้นมาสามปี รวมทั้งเมื่อวานที่เขาได้ช่วยเหมยเหมยไว้ครั้งหนึ่ง ตัวเขาเองเลยจะช่วยเหมยซูหานสักครั้ง!
เหมยซูหานมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความตื่นเต้น หากออกไปจากที่นี่ได้ถือว่าเป็นความฝันที่ซ่อนอยู่ของเหมยซูหานเลยล่ะ เหมยซูหานพยักหน้าตอบโดยไม่แม้แต่จะคิดพลางเดินตามเหยียนหมิงซุ่นไป…
เฮ่อเหลียนเช่อเจ็บปวดจนแทบไม่อยากจะหายใจ เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดร่องรอยบาดแผลตามร่างกายเลยสักนิด แต่หัวใจของเขานั้นกลับเจ็บปวดนัก
เขาไม่ได้ร้องขอให้เหมยซูหานอยู่ที่นี่ต่อ หนิงเฉินเซวียนบอกเขามาตั้งแต่เด็กแล้ว ของที่อยากได้ต้องแย่งชิงมา หากไม่เต็มใจที่จะอยู่ก็ทำลายพวกมันทิ้งเสีย
การขอร้องอ้อนวอนมีแต่พวกที่อ่อนแอเท่านั้นที่จะทำ พวกที่เข้มแข็งไม่จำเป็นต้องร้องขอให้ดูน่าสงสาร!
เฮ่อเหลียนเช่อจ้องเหมยซูหานไม่วางตาแต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำพูดใด ๆออกมา เลือดตามตัวก็ไหลรินไม่หยุดจนไหลมากองรวมกันเป็นธารอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา แลดูสยดสยอง
หากเหมยซูหานไปจากที่นี่จริง เขาจะต้อง…ทำลาย…เขา!
ด้วยมือของเขาเอง!
เหมยซูหานที่เดินไปอยู่ข้างหน้าต่างได้หันหน้ากลับมาอย่างไม่รู้ตัว และมองคนเลือดอาบที่ยืนขึ้นอย่างดื้อรั้น…
……………………………………………………….
[1] การฝึกกำหนดลมหายใจเข้าออก ช่วยบำบัดและเพื่อขับพิษออกจากร่างกาย
[2] ชื่อตำแหน่งบนร่างกายบริเวณท้องน้อยใต้สะดือ 3ชุ่น ซึ่งในลัทธิเต๋าได้กำหนดตำแหน่งตันเถียนในร่างกายไว้ 3แห่ง ได้แก่ ตันเถียนบน จะอยู่บริเวณหว่างคิ้ว ตันเถียนกลาง อยู่บริเวณใต้หัวใจ ตันเถียนล่างอยู่บริเวณใต้สะดือ