ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 910 ไม่เกี่ยวกับฉัน + ตอนที่ 911 อู่เยวี่ยที่โดนเหยียดหยาม
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 910 ไม่เกี่ยวกับฉัน + ตอนที่ 911 อู่เยวี่ยที่โดนเหยียดหยาม
ตอนที่ 910 ไม่เกี่ยวกับฉัน
เหมยเหมยยังไม่ทันอ้าปากเซียวเซ่อก็พูดเสียงเย็นชา “เซียวเวยเธอไม่รู้เรื่องอะไรแล้วมาพูดแทรกทำไม?”
เซียวเวยไม่ได้สุขุมรอบคอบเหมือนเซียวจิ่งสิงน้องชายเธอ สีหน้าเย็นชาลงทันทีแล้วพูดเสียงตำหนิ “เซียวเซ่อเธอรู้จักเคารพผู้ใหญ่ให้เกียรติกันบ้างหรือเปล่า? เธอต้องเรียกฉันว่าคุณอา”
“ไม่รู้ ครูส่วนตัวไม่เคยสอนฉัน” เซียวเซ่อปฏิเสธคำขาด
เซียวเวยโกรธจนหางคิ้วตั้งขึ้น กำลังจะระเบิดอารมณ์แต่ดันถูกเซียวจิ่งสิงห้ามไว้
เซียวจิ่งสิงส่งสายตาให้เธอ แม้เซียวเวยเป็นพี่สาวแต่ปกติเธอเชื่อฟังคำของน้องชายอยู่แล้วเลยได้แต่หักห้ามใจไว้ ทำหน้าตึงยืนอยู่ข้าง ๆไม่ยอมไปไหน
เหมยซูหานดูเหมือนจะมีความรู้สึกพิเศษกับจ้าวเหมย ถึงเซียวเวยไม่ได้ฉลาดมากแต่สัญชาตญาณของผู้หญิงทำให้เธอรู้ว่าเหมยซูหานมีความรู้สึกพิเศษกับเหมยเหมย
ซึ่งทำให้เธอไม่พอใจอย่างมาก!
แน่นอนว่าคู่กรณีที่เธอไม่พอใจคือเหมยเหมย ไม่ใช่เหมยซูหาน
เซียวเวยคิดว่าต้องเป็นเหมยเหมยที่ยั่วเหมยซูหานก่อน ในแง่นี้เธอมีความคิดเหมือนผู้หญิงทุกคนที่ไม่เคยเอาผิดกับผู้ชายที่เป็นฝ่ายนอกใจก่อนเลยสักนิด
คู่กรณีที่สร้างความโกรธแก่เซียวเวยเปลี่ยนจากเซียวเซ่อมาเป็นเหมยเหมยทันที ดวงตาคู่โตถลึงใส่อย่างไม่คิดปิดบัง
ผู้หญิงที่แสดงอารมณ์ออกมาชัดเจนแบบนี้เหมยเหมยไม่เคยเก็บมาใส่ใจอยู่แล้ว
เธอมองเหมยซูหานกับอู่เยวี่ยที่ยังยืนอยู่แวบหนึ่งแล้วหันไปมองเซียวเวยอีกแวบหนึ่งก็ยิ้มเยาะ หน้าตาของเหมยซูหานดึงดูดผู้หญิงได้ง่ายจริง ๆ แต่อนาคตของเซียวเวยคนนี้ไม่ค่อยน่าพิสมัยเท่าไรนัก!
ด้านหน้ามีอู่เยวี่ยจอมวางแผน ข้างหลังมีคนโรคจิตอย่างเฮ่อเหลียนเช่อที่คอยจับตามองอยู่ คนอย่างเซียวเวยไม่พอให้สองคนนั้นเล่นด้วยซ้ำ!
“คุณเซียวไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังก็อยากให้ระวังคำพูดด้วย เดี๋ยวตอนที่ฟ้าผ่า ระวังคนชั่วอย่างคุณจะพลอย โดนผ่าไปด้วย”
เหมยเหมยพูดเสียงเรียบ เซียวเวยชะงักไปชั่วอึดใจหนึ่งเพราะไม่เข้าใจในความหมาย จนผ่านไปครู่ใหญ่ถึงเข้าใจจึงทำหน้าโกรธ อ้าปากกำลังจะพ่นคำด่าออกมา
เซียวจิ่งสิงคว้าเธอไว้แล้วถลึงตามองเธออย่างตักเตือนอีกครั้งหนึ่ง ยิ้มให้เหมยเหมย “ไม่รบกวนแล้ว เชิญคุณจ้าวตามสบาย”
เหมยเหมยแค่ยิ้มบาง ๆไม่ได้พูดอะไร เซียวจิ่งสิงคว้าแขนเซียวเวยที่ไม่พอใจให้เดินจากไป วันนี้งานฉลองวันเกิดคุณแม่ พวกเขาเป็นลูกชายลูกสาวแท้ ๆหากเป็นแกนนำป่วนงาน ไม่รู้ว่าคุณพ่อจะโกรธขนาดไหน!
เหมยซูหานเองก็ห้ามอู่เยวี่ยที่กำลังโกรธจัดไว้ เผยยิ้มงดงามราวกับลมฤดูใบไม้ผลิ “เหมยเหมย คุณครูอู่เป็นครูที่มีบุญคุณต่อฉัน บุญคุณแค่น้ำหยดเดียวก็ต้องตอบแทนเป็นเท่าตัว ฉันทนเห็นครูที่มีบุญคุณกับฉันลำบากไม่ได้…”
กลุ่มแขกต่างพยักหน้าเห็นด้วยกันถ้วนหน้า รู้สึกชื่นชมเด็กหนุ่มผู้อ่อนโยนและสง่าอย่างเหมยซูหานคนนี้เป็นอย่างมาก
สมัยนี้เด็กที่รู้จักตอบแทนบุญคุณยิ่งจะน้อยลงเรื่อย ๆ!
เหมยเหมยมองเขาอย่างเย้ยหยัน กระตุกยิ้มมุมปากอย่างประชดประชัน “นายจะตอบแทนบุญคุณก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ไม่ว่านายจะตอบแทนเป็นเท่าตัวหรือตอบแทนด้วยการแลกกับชีวิตตัวเองก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแม้แต่น้อย และเช่นกันฉันเองก็อยากขอร้องนายอย่าพาคนน่ารังเกียจคนนี้มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก โดยเฉพาะตอนที่ฉันเพิ่งกินอิ่ม”
อู่เยวี่ยตาแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม พลางมองเหมยซูหานอย่างน่าสงสารจับใจ แขกคนอื่น ๆก็เห็นใจเธอเช่นกัน ได้แต่คิดว่าเหมยเหมยทำเกินไป
เหมยซูหานมองใบหน้าที่เย็นชาของเหมยเหมยแล้วถอนหายใจยาว หันหลังเดินจากไปพร้อมอู่เยวี่ยที่ไล่ตามไปติด ๆ
เหมยเหมยมองแผ่นหลังอู่เยวี่ยด้วยสายตาเย็นชา หากไม่ใช่เพราะกลัวโดนจับได้เธอจะให้ฉิวฉิวฉี่รดตัวอู่เยวี่ยสักหน่อย
ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยพลาดที่จะมาทำตัวชวนคลื่นไส้ต่อหน้าเธอเลย ช่างน่าสะอิดสะเอียนที่สุด!
เซียวเซ่อเลิกคิ้วให้เหมยเหมย หยิบกระดูกซี่โครงที่เธอเคยแทะจากบนโต๊ะแล้วใช้ลมปราณดีดออกไป แสงขาวผ่านวาบก่อนที่อู่เยวี่ยจะล้มหัวคะมำอยู่ที่พื้น
………………………
ตอนที่ 911 อู่เยวี่ยที่โดนเหยียดหยาม
บริเวณพื้นลานหน้าบ้านของตระกูลล้วนถูกปูด้วยหินบลูสโตนสีเขียวอมน้ำเงินที่มีความคงทนแข็งแรง อู่เยวี่ยที่ล้มลงอย่างแรงจนเกิดเสียงดังเรียกให้แขกคนอื่นในงานต่างหันมองมาทางเธอ
อู่เยวี่ยเจ็บจนลุกไม่ได้อยู่พักใหญ่ เหมยซูหานรีบโน้มตัวลงไปพยุงเธอขึ้นมา พอเธอเห็นดังนั้นเลยซบอยู่ในอ้อมแขนของเหมยซูหานราวกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ
ภาพที่เหมยเหมยเห็นสร้างความพอใจให้กับเขา ก่อนจะคีบกระดูกซี่โครงชิ้นโตใส่ถ้วยเซียวเซ่อ เหมยซูหานกับอู่เยวี่ยสนิทสนมกันสิถึงจะดี พอเฮ่อเหลียนเช่อเห็นเข้าจะได้หึงไง!
เฮ่อเหลียนเช่อไม่มีทางปล่อยอู่เยวี่ยไปง่าย ๆแน่ แค่คิดว่าอู่เยวี่ยจะโดนเฮ่อเหลียนเช่อที่แสนโรคจิตแก้แค้น เหมยเหมยก็รู้สึกสบายไปทั้งตัวและก็คาดหวังอย่างบอกไม่ถูก…
อู่เยวี่ยเดินกะเผลก ๆกลับที่นั่ง บริเวณเข่ากับข้อศอกถลอกจนเลือดซิบและเจ็บจนเธอเหงื่อแตกพลั่กๆ
โอหยางซานซานที่นั่งอยู่ทางขวามือของเธอที่หันไปถามถึงความสัมพันธ์ของอู่เยวี่ยกับจ้าวเหมยจากเซียวเวยจนรู้เรื่อง ก็เริ่มทำการเปรียบเทียบในใจ พลางถามด้วยความเป็นห่วง “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
อู่เยวี่ยแอบได้ยินเสียงกระซิบกระซาบแต่เพราะโอหยางพูดเสียงเบามากเธอเลยได้ยินไม่ค่อยถนัดนัก เหมือนทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดและได้ยินเสียงอีกฝ่ายแต่กลับฟังไม่รู้เรื่องสักทีว่าอีกฝ่ายกำลังพูดเรื่องอะไร
โอหยางซานซานสังเกตเห็นสายตาที่ฉงนเล็กน้อยของอู่เยวี่ยเลยถามอีกรอบแต่เสียงยังเบาเหมือนเดิม หวงอวี้เหลียนสอนเธอมาตั้งแต่เด็กว่าจะต้องพูดจาเสียงเบา การพูดเสียงดังจะกระทบกับภาพลักษณ์ของสาวเรียบร้อย
อู่เยวี่ยลูบที่หูขวาโดยไม่รู้ตัว จึงพบว่าเครื่องช่วยฟังหายไป
มิน่าเธอถึงไม่ได้ยินเสียงของโอหยางซานซาน ไม่นานอู่เยวี่ยก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ล้มเมื่อสักครู่เลยรีบมองไปทางเหมยซูหานอย่างลนลาน “พี่ซูหาน …ของฉันหายไป”
อู่เยวี่ยชี้ไปที่หูข้างขวาของตัวเอง เครื่องช่วยฟังอันนี้นำเข้าจากต่างประเทศที่นอกจากจะมีขนาดเล็กกะทัดรัดยังสามารถจับเสียงได้เป็นอย่างดี ราคาย่อมสูงไปตามคุณภาพ
แน่นอนว่าสิ่งนั้นได้รับการสนับสนุนจากเหมยซูหาน หากเครื่องช่วยฟังหายเธอคงจะให้เหมยซูหานซื้ออันใหม่ให้อีกไม่ได้!
เหมยซูหานเองก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ล้มเมื่อสักครู่เลยกลับไปตามหาทั่วบริเวณที่ล้ม ไม่นานเขาก็หาเจอ มันกลิ้งตกไปอยู่ในดงดอกกุหลาบ
“รีบใส่สิ”
เหมยซูหานยื่นเครื่องช่วยฟังให้อู่เยวี่ยด้วยใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไร จึงไม่ทันสังเกตว่าใบหน้าของอู่เยวี่ยเผยความโกรธเคืองเพราะถูกเหยียดหยามเพียงชั่ววูบ ไม่อย่างนั้นเขาจะพบว่า–
ที่แท้เด็กสาวที่น่ารักอ่อนโยนและใจดีในใจของเขาก็มีมุมที่น่าเกลียดเช่นนี้เหมือนกัน!
หากข้ามเหตุการณ์ภาพวาดเมื่อสักครู่ไปงานเลี้ยงฉลองของตระกูลเซียวก็ปิดฉากลงได้อย่างสมบูรณ์ แขกในงานเริ่มทยอยลากลับบ้าน ไม่นานลานบ้านที่เสียงครึกครื้นเมื่อสักครู่ก็เงียบสงัด เหลือเพียงจานและแก้วที่ถูกใช้แล้วรวมไปถึงเศษอาหารที่เหลือจากงาน
อาจารย์เซียวปรับหน้าให้ดูจริงจังเพื่อเตรียมจัดการกับปัญหาในครอบครัว
เดิมทีเหมยเหมยอยากไปรอที่ข้างนอกแต่ก็ไม่ไว้วางใจเซียวเซ่อ กลัวก็แต่ยัยเด็กคนนี้จะเถรตรงเหมือนยิงระเบิด ไม่รู้จักใช้ลูกไม้เล่ห์เหลี่ยม เกรงว่าจะเสียเปรียบเอาได้
“เหมยเหมยเป็นเพื่อนสนิทของเซ่อเซ่อ สนิทราวกับว่าใส่กางเกงตัวเดียวกัน ย่อมเป็นธรรมดาที่ต้องอยู่ด้วยอยู่แล้ว”
แต่เดิมเซียวจิ่งหมิงก็ต้องการอยู่เพื่อปกป้องลูกสาว แต่ผู้ช่วยของเขาที่เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานกับเซียวจิ่งหมิงไม่กี่ประโยค น่าจะมีเรื่องด่วนสินะ เซียวจิ่งหมิงเลยต้องขอตัวกลับ
แต่ถือว่าเขาทุ่มเทแรงมามากแล้ว และรู้ว่ายัยเด็กเหมยเหมยเป็นคนเจ้าเล่ห์ ไม่ต้องรออาจารย์เซียวออกปากไล่เขาก็เอ่ยปากก่อน
“เซ่อเซ่อ พิพิธภัณฑ์ศิลปะของพ่อมีเรื่องด่วนให้ต้องกลับไป มาจูบลาพ่อหน่อยเร็ว!”
เซียวจิ่งหมิงแค่พูดเล่น ๆ เขาไม่คาดหวังว่าลูกสาวตนจะจูบลาอะไรเขา แค่มาบอกลาเขาหน่อยก็ดีถมไปแล้ว
เพียงแต่–
เป็นยัยหนูเซียวเองที่ทำตัวผิดแปลกไปจากปกติกลับเขย่งปลายเท้าจูบแก้มเซียวจิ่งหมิงเบา ๆไปหนึ่งที
แม้จะแค่แตะเบา ๆแต่ก็พอที่จะทำให้ทุกคนเบิกตากว้าง แน่นอนว่ารวมไปถึงหัวใจดวงแก่ ๆทว่าแข็งแรงของเซียวจิ่งหมิงด้วย!
……………………….