ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 774 จ้องจับผิด + บทที่ 775 คนรู้ใจ
บทที่ 774 จ้องจับผิด
จ้าวเสวียหลินและคนอื่นๆกลับมาถึงบ้านตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ ดูท่าทางดูเศร้าซึมหดหู่ ทำท่าราวกับเพิ่งกินอุจจาระเข้าไปอย่างนั้น พอกลับถึงบ้านต่างก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ มิเช่นนั้นพวกเขาคงทนมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แน่ๆ
ถูกพนักงานที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านอบรมสั่งสอนไปสามชั่วโมงเต็ม กลิ่นหอมหัวใหญ่บนใบหน้าลอยไปไกลถึงสิบเมตร แม้แต่ตัวเองยังรับไม่ได้กับกลิ่นนั้น
สิ่งที่ทำให้ไฟโทสะในตัวของพวกเขาลุกโชนก็คือ พวกเขาเป็นสุภาพบุรุษของตระกูลจ้าว ได้รับการอบรมสั่งสอนแบบเข้มงวดมาตั้งแต่เด็ก แต่วันนี้กลับถูกลูกหลานของคนธรรมดาอย่างเหยียนหมิงซุ่นปั่นหัว ปั่นถึงขั้นที่เขาทรมานจนพูดไม่ออก
ความโมโหครั้งนี้กล้ำกลืนไม่ลงเสียจริง เย็นนี้จะต้องหาทางเอาคืนให้ได้!
“คุณปู่ หนูกลับมาแล้วค่ะ!”
น้ำเสียงใสแจ๋วของเหมยเหมยดังมาจากในสวน ทุกคนที่อยู่ในห้องรับแขกเข้าสู่ภาวะเตรียมพร้อมรบในทันที ทุกคนนั่งนิ่งด้วยท่าทีที่เคร่งขรึม แผ่นหลังยืดตรง จะทำให้หลานสาว(น้องสาว)ขายขี้หน้าไม่ได้เด็ดขาด
เหมยเหมยลากเหยียนหมิงซุ่นเข้ามาในบ้าน พอเข้ามาข้างในเธอหันไปทางคุณย่าที่นั่งอยู่บนโซฟา แล้วเปล่งเสียงอย่างไม่เต็มใจ “คุณย่าคะ”
หากเปรียบเทียบท่าทีที่แสดงออกมาทั้งก่อนและหลังมีความแตกต่างให้เห็นไม่มากนัก คุณย่าเริ่มเกิดความรู้สึกจุกที่อกขึ้นมาอีกครั้ง ฟันกรามขบกันดังกรอดๆ เจ้าเด็กแสบนี่ใจแคบนัก ผ่านไปตั้งนานแล้วยังจะโกรธเธออยู่อีก!
คุณปู่เหลือบมองคุณย่าอีกครั้งเพื่อเตือนสติเธอให้รักษาภาพพจน์เมื่ออยู่ต่อหน้าแขก หากทำเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมาอีกละก็ อย่าโทษว่าเขาไม่ไว้หน้าแล้วกัน
ส่วนเหมยเหมยนั้น คุณปู่ให้เวลาเธอทำตัวแบบนี้ได้อีกแค่สามวันเท่านั้น ถึงอย่างไรยายแก่ก็นับว่าเป็นผู้ใหญ่ ต่อให้ยายเฒ่าจะเลอะเลือนถึงเพียงไหน แต่เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ควรจะเจ้าคิดเจ้าแค้นต่อผู้ใหญ่ หากอีกสามวันหลานสาวยังคงเป็นเช่นนี้ เขาเองคงต้องพูดอะไรกับเธอสักหน่อย!
เจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจ้าวจะเป็นคนไร้เหตุผลไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคนอื่นคงหัวเราะเยาะเอาได้!
คุณปู่มองสำรวจเด็กผู้ชายที่เดินเข้ามาพร้อมกับเหมยเหมยอย่างละเอียด คิ้วโค้งเรียวงามดั่งดาบ ดวงตาเป็นประกายดุจดวงดาว สง่างามผ่าเผย จังหวะการก้าวเดินที่มั่นคง แค่ได้เห็นก็รู้ได้ว่าเป็นคนเรียบร้อยเจ้าระเบียบ เข้ากับรสนิยมของชายชราอย่างเขาเป็นอย่างมาก
เพียงแต่คุณปู่ยังคงยึดหลักการที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกว่าจะจ้องจับผิดเขาดูก่อน จึงฝืนทนเก็บความชื่นชอบไว้เบื้องลึก กวาดตามองเหยียนหมิงซุ่นตั้งแต่หัวจรดเท้าไปหนึ่งครั้ง แม้แต่ทรงผมของเขายังถูกมองอย่างดูถูก
ลูกผู้ชายก็ควรจะต้องไถผมด้านข้าง ให้ดูมีความเป็นผู้ชาย จะมาทำทรงสามส่วนเจ็ดส่วน พ่อจะโกรธให้เหมือนกับฟู่จื้อเกา[1]ไม่มีผิด ดูไร้รสนิยมเสียจริง!
และด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาที่มากเกินไป ผู้ชายหล่อเหลาจะมีประโยชน์อะไร ทั้งหมดต่างดึงดูดเพศตรงข้าม ดูไว้ใจไม่ได้ คุณภาพต่ำ!
ผิวพรรณนี่ก็ดูขาวผ่องไปหน่อย ขาวกว่ายายเฒ่าตอนสาวๆ หลายเท่า เหมือนผู้ชายเจ้าสำอางแบบนั้น ถ้าหากหลานสาวตนถูกมันหลอกล่อให้ลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้น ผู้หญิงคนอื่นก็คงไม่ต่างกัน ดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด ไม่ผ่าน!
กระดูกก็ดูอ่อนแอไปหน่อย ไหนจะรอบเอวบางนั่นอีก แค่ฝ่ามือของคนแก่อย่างเขายังกดไว้ได้ เอวก็บางไม่ต่างกับเอวของคุณย่าสมัยสาวๆ ความแข็งแรงของเอวจะเพียงพอเสียที่ไหน ไม่ได้เรื่อง แย่เสียจริง!
…
แววตาจ้องจับผิดของคุณปู่นั้นราวกับเข็มเงินก็มิปาน แหลมคมจนทำให้เหยียนหมิงซุ่นดูไม่เป็นตัวของตัวเอง เขายืนอยู่หน้าประตูจะเดินเข้าก็ไม่กล้าจะเดินออกก็ไม่ได้ ได้แต่ครุ่นคิด หรือว่ากระดุมเสื้อเชิ้ตไม่ได้ติดให้ดีหรือเปล่า หรือว่าเขาลืมรูดซิปกางเกง
เหยียนหมิงซุ่นก้มหน้าสำรวจตัวเอง กระดุมเสื้อเขาก็จรดครบทุกเม็ดอย่างแน่นหนาไม่เว้นแม้แต่เม็ดแรก ซิปกางเกงก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด ปิดตายอย่างสนิท ไม่มีทางที่สิ่งไหนจะเล็ดลอดออกมาเด็ดขาด
เขาสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ช่วยให้ผ่อนคลายลงไปได้บ้าง จึงหันไปสบสายตากับคุณปู่ที่ทำเคร่งขรึมอย่างอาจหาญ แล้วยิ้มบางๆพลางพูดขึ้น “หัวหน้ากอง ผมคือเหยียนหมิงซุ่น ตัวเหยียนของคำว่าเหยียนซู่ที่แปลว่าจริงจัง ตัวหมิงของคำว่าหมิงเทียนที่แปลว่าพรุ่งนี้ และตัวซุ่นของคำว่าซุ่นลี่ที่แปลว่าราบรื่นครับ ผมเป็นเพื่อนสนิทของเหมยเหมย วันนี้ถือเป็นการเยี่ยมเยือนครั้งแรก ของขวัญเล็กน้อยพวกนี้เป็นความตั้งใจของผมครับ”
ภายใต้ความน่าเกรงขามของคุณปู่ เหยียนหมิงซุ่นยังคงยืนตรงนิ่ง ไม่ได้ดูต่ำต้อยหรือลำพองใจ แต่ยังคงแสดงท่าทีได้อย่างเหมาะสม นั่นทำให้ความโปรดปรานต่อตัวเขายิ่งมีเพิ่มมากขึ้น
เจ้าเด็กนี่นับว่าไม่เลวเลย!
………………………………
[1] ชื่อตัวละครตัวหนึ่งในนิยายแนวปฏิวัติการเมืองเรื่อง红岩(หงเหยียน) ตัวละครนี้ถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบของบุคคลที่ทรยศต่อแผ่นดิน เป็นเหตุการณ์ที่ในช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นในมณฑลฉงซิ่ง
บทที่ 775 คนรู้ใจ
เป็นอีกครั้งที่คุณปู่พยายามกดความชื่นชอบลงไปยังก้นบึ้งหัวใจ แล้วผลักเอารอยยิ้มอันเย็นชาออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “เข้าบ้านเถอะ แค่ทานข้าวมื้อเดียวเท่านั้นเอง ซื้อมาเสียเงินเปล่าๆ”
“ยินดีครับ”
เหยียนหมิงซุ่นวางของฝากไว้บนโต๊ะน้ำชา แล้วหันไปทักทายคุณย่า จากนั้นจึงหันไปพยักหน้าให้กับจ้าวเสวียหลินและคนอื่นๆเพื่อเป็นการทักทาย ในแววตาฉายแววเยาะเย้ยอยู่เป็นนัยๆ
ความรู้สึกของคุณย่าต่างจากคุณปู่อย่างสิ้นเชิง เธอรู้สึกชื่นชอบเหยียนหมิงซุ่นเป็นอย่างมาก เจ้าเด็กนี่รูปร่างหน้าตาดี ทั้งสูงยาวทั้งมีมารยาทและยังรู้จักหาเงิน แถมปฏิบัติตัวดีต่อหลานสาวอีก จะหาเด็กดีๆอย่างนี้ได้จากไหน
“ขอบใจจ้ะเสี่ยวเหยียนที่เอาโทรทัศน์จอสีมาส่งให้ตั้งไกล ลำบากเธอแย่” คุณย่ายิ้มและพูดขึ้น
“ไม่ลำบากเลยครับ ได้เป็นธุระให้กับหัวหน้าทั้งสอง ผมรู้สึกเป็นเกียรติมาก”
เหยียนหมิงซุ่นพูดจาประจบสอพลออย่างเป็นธรรมชาติ จ้าวเสวียหลินและสยงมู่มู่อดไม่ได้ที่จะลูบตัวที่ตอนนี้ขนกำลังลุกชัน ยังมองอีกด้านของเจ้าตัวแสบเหยียนหมิงซุ่นไม่ออกเลยจริงๆ !
คุณปู่คุณย่าที่ได้ผลประโยชน์ พวกเขาเลยมีความรู้สึกดีๆ ต่อเหยียนหมิงซุ่นเพิ่มขึ้นไม่น้อย
ใบหน้าเคร่งขรึมของคุณปู่เปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว ช่วยไม่ได้ คุณปู่ไม่ได้อยู่ในแวดวงการแสดง นิสัยใจคอเป็นคนโผงผางแลดูเปิดเผย ในใจคิดอะไรก็จะแสดงออกมาแบบนั้น
และนี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่บอสใหญ่เต็มใจที่เลือกเขา
คนที่คิดมากมักชื่นชอบที่จะเสวนากับคนนิสัยเรียบง่าย เป็นมาเช่นนี้ตั้งแต่อดีต และนี่ก็เป็นที่มาของแม่ทัพผู้โชคดีและขุนนางผู้มีความจริงใจ
คุณปู่พูดคุยกับเหยียนหมิงซุ่นได้พักใหญ่ ออกตกเหนือใต้ลากไปทั่วทุกทิศ เอาเข้าจริงแล้วคุณปู่แทบไม่รู้อะไรเลยนอกเสียจากการสู้รบ เมื่อพูดถึงการสู้รบคุณปู่จะพูดจนน้ำไหลไฟดับ ถ้อยคำฉะฉาน คำพูดไพเราะงดงามราวกับดอกบัวมิปาน ทั้งคู่พูดต่อบทต่อกลอนกันอยู่หลายชั่วโมง
แต่ใครจะรู้ว่าคนในตระกูลจ้าวไม่ชอบพูดคุยกับคุณปู่ เพราะเคยฟังมาตั้งแต่เล็กจนโต จนใบหูจะสร้างรังไหมขึ้นมาอยู่แล้ว เรื่องการสู้รบที่คุณปู่ชอบพูดนั้น ต่อให้หลับตาพวกเขาก็สามารถท่องจำออกมาได้ทั้งหมดไม่มีตกหล่น ใครจะมีความอดทนมากพอที่จะท่องสู่ยุคโบราณไปกับคุณปู่ได้บ่อยๆล่ะ
ส่วนเหยียนหมิงซุ่นนั้นกลับนั่งฟังอยู่เงียบๆด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ไม่แสดงออกถึงความรำคาญแม้แต่น้อย มีอยู่หลายครั้งที่เขาพูดเสริมเรื่องราวที่คุณปู่กำลังพูดถึงอยู่ ทำให้บทสนทนายิ่งได้อรรถรสมากขึ้น จนพูดสาธยายไม่หยุดจนแทบลืมทานข้าว
คุณปู่ที่น่าสงสารคงอัดอั้นเก็บกดมาหลายปี ในที่สุดก็ค้นหาคนรู้ใจที่สามารถนั่งฟังเขาเล่าเรื่องอย่างเงียบๆ ได้แล้ว!
จนกระทั่งเชฟหยวนยกอาหารมาวาง คุณปู่ก็ยังพูดไม่จบ เขาจับแขนเหยียนหมิงซุ่นแล้วพูดขึ้น “หมิงซุ่น กินข้าวเสร็จเราค่อยคุยกันต่อ”
เอาเถอะ เริ่มสนิทขึ้นเรื่อย ๆ จากเรียกว่าเสี่ยวเหยียนก็กลายเป็นหมิงซุ่นไปแล้ว ความประพฤติและศักดิ์ศรีของคุณปู่นั้นกำลังถูกหมาคาบไปหมด !
“ครับ!”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มบางๆส่งให้ ลักษณะท่าทียังคงเคารพนอบน้อมเช่นเคย แถมในแววตายังฉายแววการรอคอย และนั่นทำให้คุณปู่ดีใจจนแทบบ้า!
การรอคอยของเหยียนหมิงซุ่นไม่ใช่การแสดงแต่อย่างใด เขาชื่นชอบที่จะให้คุณปู่เล่าเรื่องราวของตนที่เกิดขึ้นในสมัยก่อนจริงๆ นี่นับเป็นหนังสือเรียนเรื่องราวทหารที่มีชีวิต เขาได้ฟังเช่นนี้นับเป็นความโชคดีไปถึงสามภพสามชาติ จะเบื่อที่จะฟังได้อย่างไร?
“หมิงซุ่นกินข้อตุ๋นนี่สิ รสชาติดีมากๆ นายกินเยอะๆ หน่อย!”
คุณปู่ชักชวนเหยียนหมิงซุ่นอย่างเป็นมิตร ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความรู้สึกไม่ดีทั้งหลายก่อนหน้านั้น แค่ผ่านการพูดคุยก็หายสาบสูญไปจนหมด ตอนนี้ในสายตาของคุณปู่เหยียนหมิงซุ่นนั้นถูกชะตาเขาเป็นอย่างมาก
จ้าวเสีวยหลินและพี่น้องคนอื่นๆ มองความกบฏของคุณปู่ด้วยสายตาเหยียดหยาม แต่ละคนส่งสายตาเจ้าเล่ห์สลับกันไปมา ถือกำปั้นแน่น และจ้องมองราวกับมีแผนอันชั่วร้าย
พอเหยียนหมิงซุ่นยื่นตะเกียบไปคีบข้อกระดูกเพื่อจะให้เหมยเหมย ตอนนั้นเองมีตะเกียบหลายคู่ที่ยื่นมา คีบเอาคนละคำสองคำ ข้อตุ๋นชิ้นใหญ่จึงหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่นาน
……………………………………………