ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 688 เล่นกับไฟ + ตอนที่ 689 ต้มน้ำเดือดแล้ว
ตอนที่ 688 เล่นกับไฟ
เหมยเหมยตวัดตาใส่แวบหนึ่งแล้วโต้กลับ “ฉันดูฝักบัวต่างหาก เขินที่ไหนล่ะ พี่ต่างหากที่เขินเอง”
เด็กสาวในตอนนี้ราวกับลูกแมวถูกแย่งปลาที่ขู่จนตัวพอง เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะร่า ไม่ได้ตอบเธอกลับแต่แกะเม็ดบัวหนึ่งเม็ด ปอกเปลือกออกเอาเม็ดบัวอ่อนข้างในแกะเม็ดตรงกลางทิ้ง แล้วพูดใส่เหมยเหมยว่า “อ้าม!”
เหมยเหมยอ้าปากกว้างตามสัญชาตญาณ เม็ดบัวสดหวานหนึ่งเม็ดถูกยื่นใส่ปาก
“อร่อยมั้ย?” เหยียนหมิงซุ่นถาม
เหมยเหมยพยักหน้า “อร่อย เอาอีก”
ทานเม็ดบัวเยอะๆ จะได้กลบกลิ่นเหม็นฉุนของกุยช่ายในปากได้ เหมยเหมยคิดอย่างนั้น
เหยียนหมิงซุ่นปอกเม็ดบัวป้อนให้เหมยเหมยเพื่อไม่ให้เธอปอกเปลือกเอง เพราะเขาชอบเป็นฝ่ายป้อนมากกว่า เขาชอบท่าทางสาวน้อยที่ชอบรอการป้อนจากเขา มันน่าเอ็นดูเหลือเกิน
เหมยเหมยมีความสุขกับการดื่มด่ำรอการป้อนจากว่าที่ผู้บังคับบัญชาในอนาคตอย่างสบายใจโดยที่ไม่ต้องลงมือทำเอง เธอถอดรองเท้าแตะแช่เท้าลงในน้ำ น้ำเย็นสบายชโลมผ่านเท้า ช่างรู้สึกดีจริงๆ
เหยียนหมิงซุ่นเห็นเท้าเล็กขนาดน่ารักของเด็กสาวใต้แสงจันทร์ ดวงตาสีเข้มขึ้น เท้าเล็กแบบนั้นเขาใช้มือเดียวก็กำรอบได้ เหยียนหมิงซุ่นลอบกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ มือที่กำลังป้อนเคลื่อนไหวช้าลง
เหมยเหมยหันหน้าไปมองอย่างฉงน แต่กลับเห็นใครบางคนที่เมื่อครู่ยังหัวเราะเยาะเธออยู่จับจ้องไปที่เท้าของตนเองตาไม่กะพริบ จนถึงขั้นลืมปอกเม็ดบัว ทั้งชอบใจ ดีใจและสะใจ
ปากแข็งเหลือเกิน แต่การกระทำมันเผยความคิดในใจเขาทั้งหมด หื ปากแข็งต่อไปสิ!
“พี่หมิงซุ่น ฉันจะกินเม็ดบัวอีก” เหมยเหมยเอ่ยเรียกพลางดึงสติคนที่ตกอยู่ในภวังค์กลับมา
เหยียนหมิงซุ่นได้สติกลับมาก็เบี่ยงสายตาหลบไปทางอื่นอย่างยากลำบาก ปอกเม็ดบัวด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วป้อนต่อไป
อาจจะเพราะใจที่ลนหรือเพราะท้องฟ้าที่มืดเกินไป เหยียนหมิงซุ่นสอดนิ้วเข้าไปในปากของเหมยเหมย นิ้วหยาบกร้านสัมผัสโดนลิ้นนุ่มของเธอ ความรู้สึกจักจี้ทำให้เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะใช้ลิ้นเลียทีหนึ่งอย่างซุกซน
เลือดในกายของเหยียนหมิงซุ่นเดือดพล่านพุ่งปรี๊ดถึงศีรษะ แต่กลับไม่ชักมือกลับมา ค้างอยู่ในปากเหมยเหมยอยู่อย่างนั้น โดยไม่รู้ว่าเขาลืมตัวหรือไม่อยากชักมือกลับ
เห็นเหยียนหมิงซุ่นทำตัวไม่ถูกเหมยเหมยยิ่งได้ใจ กลับลืมไปว่าผู้ชายจะถูกยั่วยุไม่ได้ โดยเฉพาะชายวัยรุ่นเลือดร้อน จุดเดือดต่ำยิ่งกว่าปรอทเสียอีก แค่ถูกยั่วยุเข้าหน่อยก็เดือดพล่านถึงขั้นระเบิดได้ทันที
เหมยเหมยกะพริบตาใส่เหยียนหมิงซุ่นที่แววตาเปลี่ยนสีเข้มขึ้น แล้วเล่นสนุกใช้ลิ้นเลียอีกครั้งอย่างซุกซน ใครให้เจ้าหมอนี่ไม่ชักมือกลับสักทีล่ะ!
นัยน์ตาเหยียนหมิงซุ่นล้ำลึกขึ้นจนยากจะคาดเดาความคิด เนื้อตัวเกร็งแน่น เขาหักห้ามความกระหายในส่วนลึกของหัวใจไม่ได้อีกต่อไป ในตาเหลือเพียงภาพริมฝีปากสีแดงฉ่ำ
เหมยเหมยที่หยอกเย้าว่าที่ผู้บังคับบัญชาในอนาคตได้สำเร็จอารมณ์ดีเป็นพิเศษ หันหน้าไปอีกทางเพื่อจะเล่นน้ำต่อ ทว่าร่างกายกลับถูกยกขึ้นกลางอากาศ เมื่อเธอตั้งตัวได้ก็ตกอยู่ในอ้อมแขนเหยียนหมิงซุ่นไปแล้ว
“เหมยเหมย เธอกำลังเล่นกับไฟ!”
เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงแหบพร่าข้างหูเหมยเหมย ลมหายใจร้อนผ่าวที่รดลงมาทำเอาเธอตัวอ่อนระทวย ยิ่งสายตาเร่าร้อนของเหยียนหมิงซุ่นทำให้เธอลำคอแห้งผาก แลบลิ้นเล็กสีชมพูเลียริมฝีปากแห้งอย่างอดไม่ได้
ไฟถูกจุดโดยสมบูรณ์แล้ว…
เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากทรมานตัวเองอีก ช่างหัวเรื่องอายุยังน้อย ไม่สนอะไรอีกแล้ว!
เขาในขณะนี้แค่อยากลิ้มรสความหวานที่ต้องการมาตลอดทั้งวัน ใครให้ยายหนูนี่ยั่วเขาอยู่นั่นแหละ !
“หลับตา!”
หลังจากทิ้งประโยคนี้ไว้ เหยียนหมิงซุ่นก็แนบริมฝีปากลงบนปากแดงที่เคยโผล่ในฝันเขานับครั้งไม่ถ้วน
………………
ตอนที่ 689 ต้มน้ำเดือดแล้ว
ในที่สุดก็ได้จูบริมฝีปากที่ใฝ่ฝันมานาน เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจเบา ๆ จูบไล้ริมฝีปากอ่อนนุ่มที่ยังมีกลิ่นหอมจาง ๆ ของเม็ดบัวและความหวานเฉพาะตัวของสาวน้อยอย่างอ่อนโยน
ในชั่ววินาทีนั้นเหมยเหมยยังไม่มีปฏิกิริยาใด จนกระทั่งเหยียนหมิงซุ่นแนบริมฝีปากลงมาเธอถึงเข้าใจ ความสุข ความประหม่า ความตื่นเต้น ความเขินอาย ความหอมหวานถาโถมเข้ามา…
ยกเว้นความตื่นตระหนกที่ไม่เกิดขึ้นกับเธอ!
เพราะเธอเชื่อในตัวเหยียนหมิงซุ่น เชื่อว่าเขาไม่มีทางทำร้ายตัวเอง ฉะนั้นเธอจึงหลับตาลงเงียบๆ ยอมรับจูบที่เร่าร้อนของเหยียนหมิงซุ่นแต่โดยดี
จูบครั้งแรกของว่าที่ผู้บังคับบัญชาในอนาคตดำเนินไปได้ด้วยดีอย่างไม่ต้องให้ใครมาสอน เขาไม่พอใจกับการจูบผิวเผินอีกต่อไป แม้รสชาติจะหอมหวานมากแค่ไหนแต่เขายังอยากได้มากกว่านี้
คนหนึ่งยอมเสี่ยงอีกคนยอมรับ เหยียนหมิงซุ่นแค่ส่งสัญญาณโดยการใช้ลิ้นแตะฟันของอีกฝ่ายเบา ๆ เด็กสาวก็อ้าปากน้อยให้เขาได้รุกล้ำเข้าไปในโพรงปากอย่างง่ายดาย กวาดต้อนเรียวลิ้นอย่างบ้าคลั่ง
เหยียนหมิงซุ่นหายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ ต่างจากเขาที่ปกติเป็นคนใจเย็นเงียบขรึม แต่ครั้งนี้เขากลับดุดันราวกับกลุ่มโจรสลัดที่กำลังเปิดศึกบนท้องมหาสมุทร จู่โจมไปทั่วอาณาบริเวณอย่างเอาแต่ใจ
เดิมทีเหมยเหมยที่หายใจไม่ทันและสมองหยุดแล่น สองมือยันหน้าอกเหยียนหมิงซุ่นไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย กลัวจะไปจุดไฟเข้าอย่างจัง
เธอกลับไม่รู้ว่าไฟถูกจุดติดนานแล้ว การจูบนอกจากไม่ช่วยให้เหยียนหมิงซุ่นใจเย็นลงแล้วกลับยิ่งโหมกระพือให้ดุเดือดกว่าเดิม เขาอยากได้มากกว่านี้
แต่เขารู้ว่าไม่ได้ !
เขาในเวลานี้ทำได้แค่จูบ จะทำอย่างอื่นไม่ได้เด็ดขาด เขาจะทรยศต่อความเชื่อใจที่เหมยเหมยมีต่อเขาไม่ได้!
แนบปากจุ๊บริมฝีปากเด็กสาวอย่างอาลัยอาวรณ์อีกทีแล้วเปลี่ยนเป้าหมายเป็นหน้าผาก เขากอดเหมยเหมยไว้แน่นโดยไม่ทำอะไร เขาต้องปล่อยให้ตัวเองสงบจิตใจลงก่อน
เหมยเหมยเริ่มได้สติกลับมา ทั้งรู้สึกหวานหอมปนเขินอาย ซุกหน้าบนอ้อมอกเหยียนหมิงซุ่นแล้วแกล้งนิ่งไป
เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังขึ้นเหนือศีรษะ เหยียนหมิงซุ่นที่ใจสงบลงแล้วมองเด็กสาวที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนตนอย่างหยอกเย้า ตอนจูบไม่อายพอจูบเสร็จดันอายเสียอย่างนั้น ช่างโง่เขลาเสียจริง
“ยังจะกินเม็ดบัวอยู่มั้ย?” เหยียนหมิงซุ่นถามเสียงเบา
เหมยเหมยส่ายศีรษะ เธอจะมีหน้าทานเม็ดบัวที่ไหนกันอีก ต่อให้เป็นเนื้อมังกรก็ไม่อยากทาน เธอแค่อยากอยู่นิ่งๆ แบบนี้ไม่ว่าใครก็อย่ามากวนเธอ!
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะร่วน จงใจยื่นนิ้วล่อตรงหน้าเธอพลางถาม “ยังจะกินนิ้วอีกมั้ย?”
เหมยเหมยถลึงตามองนิ้วมือที่หยอกเย้าตัวเองอย่างขุ่นเคืองปนเขินอาย กัดฟันกรอดก่อนจะอ้าปากงับนิ้วไว้ เธอเงยหน้ามองเหยียนหมิงซุ่นอย่างได้ใจแล้วค่อยๆ เพิ่มแรงกัดระบายอารมณ์
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกถึงความเจ็บแปลบที่ส่งมาจากนิ้ว เป็นความเจ็บที่สามารถเพิกเฉยได้แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้ ปล่อยให้เด็กสาวกัดอยู่อย่างนั้นในเมื่อเขารู้ดีว่าเหมยเหมยไม่มีทางกัดจริงจังแน่นอน
เหมยเหมยกัดอยู่ครู่เดียวก็คลายออก แสร้งพูดว่า “เหม็นจะตาย ไม่กัดแล้ว!”
เหยียนหมิงซุ่นปล่อยเด็กสาวให้เป็นอิสระอย่างอาลัยอาวรณ์ เด็ดใบบัวหลายใบมารองใต้ร่างก่อนวางเหมยเหมยลงบนนั้น นอนชมท้องฟ้าที่มีแสงดาวระยิบระยับด้วยกัน
“ดาวสวยจัง สวยกว่าที่เมืองจินเยอะเลย” เหมยเหมยพูดขึ้น
“ดาวบนท้องฟ้าที่มองโกลสวยกว่านี้อีก ไว้ฉันจะพาเธอไปวันหลัง”
ลมยามค่ำคืนพัดพาความเย็นมา เหยียนหมิงซุ่นกระชับอ้อมแขนแน่นกว่าเดิม หมู่บ้านกลางหุบเขาต่อให้เป็นฤดูร้อนที่อากาศร้อนที่สุด พอตกดึกอากาศก็จะเย็นลง ไม่ต้องใช้พัดลมแถมยังต้องห่มผ้าบางๆ ด้วยซ้ำ
“พี่หมิงซุ่นจะไปเป็นทหารที่มองโกลเหรอ?” เหมยเหมยถาม
“อืม ฉันอยากไปดูทุ่งหญ้ากับทะเลทรายสีเหลือง แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะตัดสินใจเองได้หรอก ต้องรอดูว่าเบื้องบนจะจัดแบ่งยังไง”
สิ่งที่เขารักมากที่สุดคือการควบม้าตัวแกร่งวิ่งทะยานบนทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ แค่เสียดายที่เขาไม่รู้ว่าจะถูกแบ่งไปอยู่ค่ายทหารเขตใด
“พี่หมิงซุ่น คุณลุงสามของฉันอยู่เขตค่ายทหารมองโกล ฉันให้เขาเรียกตัวพี่ไปอยู่เขตนั้นดีกว่า!” เหมยเหมยเงยหน้าพลางเอ่ยออกมา
……………….