ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 684 ขี้อ้อน + ตอนที่ 685 สลัดพวกเขาให้หลุด
ตอนที่ 684 ขี้อ้อน
ความจริงเหมยเหมยกระโดดลงด้วยตัวเองได้เพราะความสูงไม่ถึงครึ่งเมตรด้วยซ้ำ ทำได้ง่ายมากๆ จากระดับไหวพริบของเธอ แต่เธอไม่อยากกระโดดเอง เธออยากอ้อนเหยียนหมิงซุ่นให้เขาอุ้มเธอลงมาจากรถ
สยงมู่มู่ที่เพิ่งกระโดดลงจากรถเห็นฉากนี้เต็มสองตาก็พ่นลมทางจมูก ความสูงแค่นี้ยังให้เหยียนหมิงซุ่นอุ้ม ยายนี่ทำตัวอ่อนแอเก่งจริงๆ!
หึ หลายวันต่อจากนี้เขาต้องจับตาดูให้ดี ต้องปฏิบัติตามภารกิจที่พี่หกมอบหมายไว้อีกต่างหาก!
คุณยายของเหยียนหมิงซุ่นเป็นคุณยายหน้าตาใจดี เตรียมซุปเม็ดบัวเห็ดหูหนูไว้รอตั้งแต่เช้าแล้ว รวมถึงแตงโมที่แช่บ่อน้ำข้ามคืน เรียกให้พวกเหมยเหมยไปทานเป็นของว่างช่วงบ่าย
บ้านโม่เป็นบ้านอิฐแดงที่เพิ่งตกแต่งใหม่ ขนาดหกห้องสองชั้น และมีลานกว้างอยู่ทั้งบริเวณหน้าและหลังบ้าน นอกจากนี้ยังเลี้ยงเป็ดไก่ไว้ไม่น้อย ยังมีหมูอีกหกตัว วัวสองตัว แค่ดูก็รู้ว่าเป็นครอบครัวเกษตรโดยแท้จริง
คุณยายโม่ทานยาที่ผสมโสมร้อยปีด้วย สุขภาพร่างกายจึงฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว พวกเป็ดไก่วัวหมูในบ้านเหล่านั้นล้วนเป็นคุณยายที่คอยดูแล แถมยังต้องคอยทำกับข้าวให้คนทั้งครอบครัว จัดการทุกอย่างได้เป็นระบบระเบียบดี
เหมยเหมยเป็นลูกสาวนายกเทศมนตรีและเป็นเพื่อนของเหยียนหมิงซุ่น อีกทั้งยังช่วยหาโสมร้อยปีมาให้เธอ จึงทำให้คุณยายโม่สุขภาพร่างกายดีขึ้นมาก ด้วยเหตุผลหลายประการจึงทำให้คนตระกูลโม่ปฏิบัติต่อเหมยเหมยเป็นอย่างดี ต้อนรับเธอราวกับเป็นแขกระดับกิตติมาศักดิ์ ทำให้เหมยเหมยค่อนข้างลำบากใจ
อาหารมื้อเย็นอุดมสมบูรณ์มาก มีทั้งเนื้อสัตว์บกและสัตว์ปีกอย่างครบครัน ล้วนเป็นอาหารพื้นบ้านตามฉบับชาวภูเขา คุณยายโม่มีฝีมือการทำอาหารชั้นเลิศ แถมยังเป็นการทำอาหารด้วยการก่อฟืนจุดไฟอีกด้วย จึงมีรสชาติที่โดดเด่นเฉพาะตัว อร่อยกว่าอาหารตามร้านอาหารดีๆ ด้วยซ้ำ
“อร่อยจังเลย ฉันกินได้อีกหนึ่งถ้วย”
เป็นครั้งแรกที่เหมยเหมยทานอาหารจากการก่อฟืนจึงตกเป็นทาสของรสชาติแสนวิเศษนี้อย่างรวดเร็ว เธอชอบทานข้าวติดก้นหม้อที่สุด กรุบกรอบติดไหม้ทำให้เสียงดังเวลาเคี้ยว หอมกรุ่นกว่าข้าวติดก้นหม้อที่ซื้อมามากโข
“กินข้าวติดก้นหม้อให้น้อยหน่อย มันแน่นท้องเดี๋ยวเข้าท้องก็ไปจะพองตัว ระวังปวดท้องนะ”
เหยียนหมิงซุ่นไม่ให้เหมยเหมยทานข้าวติดก้นหม้อมากไป เมื่อก่อนทานข้าวเหมือนแมวดม แต่จู่ ๆ กลับเพิ่มปริมาณขึ้นกะทันหัน ไม่ปวดท้องสิแปลก
“แต่ฉันอยากกินนี่นา” เหมยเหมยลากเสียงสูงในตอนท้ายโดยไม่รู้ตัวทำเอาคนตระกูลโม่ทุกคนที่ฟังอยู่ขนลุกซู่
พระเจ้า เสียงออดอ้อนของลูกสาวนายกเทศมนตรีคนนี้ อื้อหือ เกือบตายคาที่!
เหยียนหมิงซุ่นทนไม่ให้แคะหู แล้วยังคอยหลบดวงตาคู่โตของสาวน้อยเพราะกลัวเห็นเข้าแล้วจะใจอ่อน เขาคีบเนื้อปลาตรงส่วนท้องไปใส่ถ้วยเหมยเหมย พลางกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “กินไม่ได้แล้ว กินเนื้อปลา เนื้อส่วนท้องไม่มีก้าง”
เหมยเหมยย่นจมูก อ้อนไม่สำเร็จ สงสัยต้องพยายามมากกว่านี้!
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เธอเริ่มชอบออดอ้อนเหยียนหมิงซุ่น ทุกครั้งที่เห็นเหยียนหมิงซุ่นเอือมระอาหรือโกรธ แต่ก็จำนนตามใจเธออยู่ดี เธอจึงดีใจเป็นพิเศษ
ส่วนนี้ทำให้เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนพิเศษสำหรับเหยียนหมิงซุ่น มีสถานะต่างจากคนอื่น!
อย่างไรเสียเธอก็จะคิดแบบนี้ ฉะนั้นเธอถึงอ้อนบ่อยๆ เพื่อเพิ่มความสำคัญของตัวเองในใจของเหยียนหมิงซุ่นทีละนิดๆ!
เพราะเธอคิดว่าตัวเองหลงรักว่าที่ผู้บังคับบัญชาใหญ่ในอนาคตคนนี้เสียแล้ว ไม่สิ ต้องบอกว่าขาดเขาไม่ได้แล้ว
ตลอดหลายปีนี้ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ส่วนมากก็ได้เหยียนหมิงซุ่นช่วยจัดการให้เธอ ทุกครั้งที่เกิดเรื่องเธอจะนึกถึงเหยียนหมิงซุ่นเป็นคนแรกเสมอมา แต่ไม่ใช่สองสามีภรรยาจ้าวอิงหัว
เธอแทบไม่อยากจะคิดว่าหากชีวิตขาดเหยียนหมิงซุ่นไป เธอจะใช้ชีวิตต่ออย่างไร?
ถึงแม้เหยียนหมิงซุ่นจะจ้องอยู่ แต่เหมยเหมยก็ทานมากไปโดยไม่รู้ตัว อิ่มจนส่งเสียงเรอออกมาหลายหน เหยียนหมิงซุ่นจึงพาเธอออกไปเดินย่อยอาหารและชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนของหมู่บ้านชนบท
เดิมทีเป็นการเดตที่แสนจะงดงาม แต่ดันมีก้างขวางคอตัวโตสองคนตามอยู่ข้างหลัง ขัดบรรยากาศไปเสียหมด
…………………
ตอนที่ 685 สลัดพวกเขาให้หลุด
สยงมู่มู่ไม่สนหรอกว่าเหมยเหมยจะโกรธอยู่หรือไม่ ทั้งยังถลึงตาโตเช่นนั้นจับจ้องไปทางมือที่จูงเหมยเหมยอยู่เบื้องหน้าที่ห่างออกไปราวหนึ่งเมตรตาอย่างไม่กะพริบ
อู่เชากระทุ้งศอกใส่เขา พูดเสียงเบา “นายอย่าทำแบบนี้สิ จ้องตาโตขนาดนั้น ฉันเห็นแล้วขนลุก”
เจ้าอ้วนกวาดมองรอบด้านและยิ่งรู้สึกหวาดกลัว ภาพทิวทัศน์ยามพลบค่ำของหมู่บ้านชนบทสวยมาก สวยแบบสลัว เพราะด้วยมีหมอกปกคลุม แถมยังมืดมนไร้แสงไฟ พอสยงมู่มู่ทำท่าทางผีตาถลนแบบนี้อีก ยิ่งเห็นเขาก็ยิ่งขนลุกซู่ซ่า
กังวลว่าสยงมู่มู่จะถูกผีเข้าสิง!
สยงมู่มู่กลอกตาใส่เขาแวบหนึ่งแล้วกดเสียงต่ำพูดขึ้นว่า “นายจะรู้อะไร ฉันต้องคอยจับตาดูแทนพี่หกของฉันให้ดี นายดูสิมือของยายนั่นวางอยู่ตรงไหนกัน ไม่ใช่เด็กอายุสามขวบสักหน่อย แค่เดินยังต้องมีคนคอยจูงอีกเหรอ?”
อู่เชากลอกตาที สยงมู่มู่ปริปากพูดแล้ว และยังพูดภาษามนุษย์อีกด้วย พอคลายความกลัวให้เขาได้เยอะทีเดียว
“นายจะกังวลไปทำไม? แค่จูงมือเองไม่ได้จูบปากสักหน่อย!”
อู่เชาไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ในฐานะคนที่คอยเฝ้ามองมาตลอดสองปี เขาเห็นทุกอย่างชัดเต็มสองตาว่าเหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นเป็นเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กอย่างที่กล่าวอธิบายไว้ในตำรา ก็แค่เพื่อนเล่นสองคนที่ไร้เดียงสา การจูงมือเป็นแค่เรื่องปกติ!
อีกอย่างเขารู้สึกว่าเหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นเหมาะสมกันดี ชายก็หน้าตาดีหญิงก็หน้าตาสวย นับเป็นคู่ที่สรวงสวรรค์สร้างขึ้นมา!
“ยังจะจูบปาก? เจ้าอ้วนนายเคยเห็นพวกเขาจูบกันเหรอ?”
สยงมู่มู่เดือดขึ้นมาทันที กระชากแขนอวบ ๆ ของอู่เชาไว้ไม่ปล่อย
“นายรีบปล่อยฉันเลยนะ ฉันเคยเห็นพวกเขาจูบกันซะเมื่อไหร่ ฉันแค่ยกตัวอย่าง นายเป็นบ้าอะไรเนี่ย โอ๊ย เจ็บจะตายอยู่แล้ว!”
อู่เชาเจ็บจนเบะปาก มองรอยแดงรอบแขนอย่างปวดใจ
สยงมู่มู่พรูลมหายใจ พูดกระแทกเสียงขึ้นว่า “นายสิบ้า จู่ ๆ พูดเรื่องจูบมาทำไม ทำฉันตกอกตกใจหมด!”
“มีอะไรให้นายต้องตกใจ? ไม่ใช่นายจูบสักหน่อย เป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ!” อู่เชาไม่เข้าใจ หากความสัมพันธ์ของคู่ชายหญิงดำเนินถึงจุดที่ลึกซึ้งกว่าเดิม การจูบถือเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไง มันน่าแปลกตรงไหน!
“นายสิจูบ ปากนายโดนหมูกัดทึ้งไปแล้ว!”
สยงมู่มู่เดือดขึ้นมาในทันที ถลึงตาใส่เขาอย่างดุดันแวบหนึ่งก็วิ่งไปข้างหน้าเดินขนาบข้างพวกเหมยเหมย อู่เชาที่ถูกถลึงตาใส่ก็ยืนงง เขาพูดอะไรผิดถึงต้องโกรธกันขนาดนั้น!
เหมยเหมยมองคนเดินตามต้อยๆ อย่างหน้าไม่อายด้วยความรังเกียจ พูดจาแดกดันใส่ “ถนนกว้างขนาดนั้นนายไม่เดิน ทำไมต้องมาเดินเบียดฉันด้วย?”
“ถนนไม่ใช่ของบ้านเธอสักหน่อย เธอมายุ่งอะไรด้วย !” สยงมู่มู่ไม่ยอมแพ้ เสยตามองเหมยเหมยพลางทำหน้ายียวน
เหมยเหมยโกรธกัดฟันกรอด แยกเขี้ยวขู่สยงมู่มู่ “แน่จริงก็เดินแนวขวางสิ ยึดถนนนี้ไปทั้งหมดเลย!”
“ฉันไม่ใช่ปูสักหน่อยจะเดินแนวขวางทำไม เชอะ!” สยงมู่มู่สะบัดหัวใส่แล้วโบกมือเรียกเจ้าอ้วนที่อยู่ด้านหลังมาเดินเป็นแนวเดียวกัน ถ้ามีเจ้าอ้วนอีกคนต้องยึดถนนได้แน่ ๆ
เจ้าอ้วนส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ เขาไม่ทำเรื่องโง่เง่าแบบนั้นหรอก ไม่เห็นหรือไงว่าแววตาเหมยเหมยจะพ่นไฟออกมาอยู่แล้ว!
เหยียนหมิงซุ่นลูบหลังเหมยเหมยที่กำลังโกรธเบาๆ ปรายตาที่แสนเย็นชามองสยงมู่มู่ที่ยิ่งโตก็ยิ่งไม่น่ารัก แล้วอีกเดี๋ยวค่อยหาข้ออ้างสลัดสองคนนี้ทิ้ง คอยเดินตามแบบนี้มันน่ารำคาญชะมัด
ห้านาทีหลังจากนั้นสยงมู่มู่กับอู่เชาต่างถูกลูกชายคนโตของโม่จื้อหย่วนที่กำลังตกปลาไหลอยู่ดึงดูดความสนใจไป มองตาไม่กะพริบ ครึ่งชั่วโมงผ่านไปสยงมู่มู่จึงพบว่า–
สองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เมื่อครู่ บัดนี้กลับหายหัวไปไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว!
เหมยเหมยเดินตามเหยียนหมิงซุ่นไปยังบ่อน้ำอีกแห่งอย่างดีใจ สลัดเจ้าพวกน่ารำคาญได้สักที!
………………