ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 525 ความกลัวของตระกูลอู่ + ตอนที่ 526 ภัยมาถึงตัวควรทางใครทางมัน
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 525 ความกลัวของตระกูลอู่ + ตอนที่ 526 ภัยมาถึงตัวควรทางใครทางมัน
ตอนที่ 525 ความกลัวของตระกูลอู่
สยงมู่มู่รู้สึกโกรธเคืองกับคำพูดของอู่เหมย เขาจึงยื่นมือออกไปเพื่อหวังจะดึงผมของอู่เหมยด้วยความเคยชิน ทว่า…
“อึ้มม?”
จ้าวเสวียหลินกระแอมออกมาครั้งหนึ่ง สยงมู่มู่รู้สึกเสียวสันหลังอย่างฉับพลัน และรีบดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว เขาหันไปส่งยิ้มให้พี่ชายเพื่อญาติดีด้วย ใครมันจะกล้าดึงผมอู่เหมยได้อีก?
ข้าน้อยเจ็บปวดใจยิ่งนัก!
หลังจากนี้ยายตัวแสบจะมีพี่เสวียหลินคอยปกป้อง อีกหน่อยเธอคงจะปีนเกลียวเป็นว่าเล่น และต่อไปนี้เธอคงจะไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาอีก!
เหยียนหมิงซุ่นเอาแต่สังเกตการณ์คนในครอบครัวของอู่เหมยโดยไม่พูดไม่จาใดๆ ดูๆ แล้วในตอนนี้ก็ถือว่าไม่เลว แต่เกิดอะไรขึ้นในปีนั้น ไว้ค่อยหาจังหวะคุยกับยายตัวแสบก็แล้วกัน!
ฝั่งตระกูลจ้าวเริ่มดื่มด่ำกับอารมณ์แห่งความสุข ส่วนบรรยากาศทางฝั่งตระกูลอู่กลับอึมครึมราวกับมีเมฆฝน แม้แต่มื้อเย็นยังไม่มีอารมณ์จะนั่งกินได้
หลังจากที่จ้าวอิงหัวกลับไป คุณปู่อู่ที่ฝืนทนมาตลอด เพียงแค่ยืนเฉยๆ ยังแทบทรงตัวไม่อยู่ ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำจนม่วง ความเยือกเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากกายของเขา ทำให้ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
คุณปู่อู่เดินไปหาอู่เจิ้งซือที่ยังนั่งก้มหน้าอยู่ที่เดิม เขาตบหน้าอู่เจิ้งซืออย่างรุนแรง โดยใช้แรงกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ อู่เจิ้งซือจึงเกิดอาการมึนจากแรงตบ
โตจนป่านนี้แล้ว นี่ถือเป็นครั้งแรกที่คุณปู่อู่ตบตีเขา!
“โง่เง่าสิ้นดี ฉันให้กำเนิดคนโง่ๆ อย่างแกออกมาได้ยังไง แกทำให้เราต้องลำบากไปทั้งตระกูล!” คุณปู่อู่ก่นด่าด้วยความเคียดแค้น
ขโมยลูกสาวของคนอื่นมา แล้วยังให้เมียหน้าโง่ทารุณกรรมเด็กอีก จะไม่ให้จ้าวอิงหัวโกรธได้หรือ?
หากว่าจ้าวอิงหัวเป็นแค่สามัญชนคนธรรมดา คุณปู่คงไม่กังวลมากถึงเพียงนี้ อย่างมากก็แค่เสียเงินให้สักเล็กน้อย เขามีร้อยพันวิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายไม่ตามเอาเรื่องกับเหตุการณ์นี้อีก และเขายังมีความมั่นใจมากถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะทำให้อู่เหมยอยู่กับเขาต่อไป
คนเก่งมักจะหาทางเลือกและโอกาสที่เหมาะสมให้กับตัวเองอยู่เสมอ และตระกูลเขาก็ถือเป็นนักวิชาการที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น ถือได้ว่าเป็นตระกูลที่มีหน้ามีตาพอสมควร หากอู่เหมยมีสมองพอ เธอจะรู้ดีว่าควรเลือกที่จะอยู่กับตระกูลไหน
ส่วนอู่เหมยจะเป็นเชื้อสายของตระกูลอู่หรือไม่นั้น คุณปู่อู่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก แค่หลานสาวคนเดียวก็เท่านั้น อีกทั้งเธอยังมีรูปร่างหน้าตาสะสวย ร้องเล่นเต้นรำได้ และยังเป็นหญิงสาวที่มีความสามารถในด้านการวาดรูป หลานสาวดีๆ แบบนี้เขาเต็มใจและพร้อมที่จะเลี้ยงดูอย่างดี เมื่อพวกเธอเติบโตขึ้นมาก็จะกลายเป็นกำลังหนุนของเขา!
แต่ในตอนนี้จ้าวอิงหัวกลับไม่ได้เป็นเพียงแค่สามัญชนคนธรรมดา แต่เขาเป็นถึงบุคคลที่แม้แต่หัวหน้าเลขาธิการยังไม่กล้าเมินเฉยได้ ขณะที่ตระกูลอู่อย่างพวกเขากลับไม่มีตัวตนใดๆ ต่อหน้าคนประเภทเขาเลย ทำได้เพียงทำตาปริบๆ จ้องมองหลานสาวที่เลี้ยงดูมาเป็นเวลาสิบสองปี แต่กลับถูกคนพวกนั้นพากลับไปโดยไม่สามารถขัดอะไรได้แม้แต่คำเดียว!
เขาอึดอัดใจเพียงไหน!
แต่สิ่งที่ทำให้เขากลัวที่สุดคือ การเอาคืนของจ้าวอิงหัว คนในตระกูลของเขาไม่สามารถคัดค้านอะไรได้เลย ทำได้แค่ขอพรเพื่อให้พวกเขาเห็นใจบ้าง และขอให้พวกเขาได้มีหนทางอยู่รอด
แต่นั่นจะเป็นไปได้หรือ?
ความแค้นที่ถูกขโมยลูกไป ใครจะยอมอภัยให้ได้อย่างง่ายดาย!
อู่เจิ้งต้าวรู้สึกผิดหวังกับน้องชายตัวเองมาก ที่ทำความผิดพลาดอย่างมหันต์ แต่กลับไม่บอกกล่าวใดๆ ให้รับรู้เลย หากว่าอู่เจิ้งซือบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องของอู่เหมยตั้งแต่แรก จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างนั้นหรือ?
ตอนนี้ใกล้จะถึงช่วงเข้าร่วมคัดเลือกครูดีเด่น แต่ดันเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในช่วงจังหวะสำคัญแบบนี้ โถ่ๆ น้องชายเขาคงจะสู้ไม่ไหวแล้วล่ะ!
“พ่อคะ โกรธไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร พวกเราทำได้แค่ภาวนาไม่ให้พ่อแท้ๆ ของอู่เหมยกำจัดพวกเราทั้งตระกูลก็เพียงพอแล้ว ฉันคิดว่าพ่อแม่แท้ๆ ของอู่เหมยไม่ใช่คนไร้เหตุผล พรุ่งนี้ฉันจะลองไปพูดคุยกับพวกเขาดู!” เว่ยชิวเยวี่ยพูดขึ้นอย่างหมดหนทาง
แท้จริงเธอตั้งใจจะไปพบเหมยเหมย เพราะเหมยเหมยกับอู่เชาสนิทกันมาก พรุ่งนี้เธอจะพาอู่เชาไปด้วย แค่หวังว่าเด็กคนนั้นจะยอมช่วยพูดอะไรดีๆ ให้บ้าง จ้าวอิงหัวจะจัดการกับอู่เจิ้งซืออย่างไรเธอไม่ได้ห่วงเลย แค่หวังว่าเขาจะไม่ฉุดดึงครอบครัวของเธอเข้าไปข้องเกี่ยวด้วยก็พอ
อีกอย่างคืออู่เจิ้งซือรนหาที่ตายเอง ต่อให้จ้าวอิงหัวแก้แค้นมากน้อยแค่ไหนก็ดูจะไม่เกินไปสำหรับเรื่องนี้!
เธอไม่เห็นใจคนอย่างเขาเลยสักนิด!
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 526 ภัยมาถึงตัวควรทางใครทางมัน
เว่ยชิวเยวี่ยได้เปลี่ยนไป จากเดิมที่คุ้นชินกับการพูดครึ่งเก็บครึ่ง ตอนนี้กลับพูดทุกอย่างออกมาชัดเจน ทุกคนในตระกูลอู่เข้าใจดี พวกเขาต้องกำจัดอู่เจิ้งซือออกไปเพื่อปกป้องทั้งตระกูลไว้
อู่เจิ้งซือจิตใจห่อเหี่ยวจมดิ่งลง เขาทำได้แค่เงยหน้ามองคุณปู่อู่ ตอนนี้หวังเพียงว่าคุณปู่อู่จะเห็นใจเขาในฐานะลูกชาย และหาทางช่วยเหลือเขา!
คุณย่ากลับร้อนใจยิ่งกว่าเดิม หลานคนโตและลูกชายคนเล็ก เธอรักใคร่อู่เจิ้งซือมากแต่กลับรักใคร่อู่เยวี่ยมากกว่า จนถึงตอนนี้เธอเข้าใจความหมายของคำว่าหลักเหตุและผลแล้ว ที่แท้อู่เหมยก็ไม่ใช่หลานสาวแท้ๆ ของเธอ
คุณย่าไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องบังเอิญแต่อย่างใด นับตั้งแต่ที่เธอได้เห็นหน้าอู่เหมยเป็นครั้งแรกก็รู้สึกชอบไม่ลงแล้ว เวลาอุ้มอู่เหมยมาไว้ในอ้อมกอดให้ความรู้สึกที่ต่างไปกับอู่เยวี่ยทุกอย่าง แน่นอนว่าเธอต้องนึกโทษโกรธเคืองต่ออู่เจิ้งซือที่ทำเรื่องวุ่นวายนี้ แต่เธอก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร อย่างไรเสียทุกอย่างเป็นเพราะเธอไม่รู้จักจ้าวอิงหัวพอ เธอเข้าใจว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป
“ตาแก่ อย่าไปฟังที่แม่ของเสี่ยวเชาพูดในสิ่งที่ร้ายแรงกว่าเหตุเลย ลูกรองทำเรื่องที่ผิดก็จริง แต่พวกเราก็ช่วยกันเลี้ยงดูเด็กคนนั้นมาตั้งสิบสองปี แล้วพวกเขามีสิทธิ์อะไรมาโทษพวกเรา?”
เว่ยชิวเยวี่ยหัวเราะเยาะและมองคุณย่าอย่างไม่ค่อยพอใจนัก แม่ผัวของเธอภายนอกดูเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา แต่แท้จริงแล้วในใจกลับเป็นดั่งน้ำผึ้งอาบยาพิษ หลายปีมานี้เธอทนมามากพอแล้ว และในตอนนี้ตระกูลอู่ก็มีภัยมาถึงตัว แล้วเธอจะทนทำให้ตัวเองอึดอัดใจต่อไปทำไม?
“แม่คะ ดูเหมือนว่าความรู้สึกนึกคิดของแม่จะดีไปหน่อยนะคะ คนในตระกูลจ้าวได้ฝากให้เราช่วยดูแลลูกเขาเหรอคะ? แม่คิดให้ดีนะคะ นี่เหมยเหมยถูกน้องรองขโมยมาจากตระกูลเขา ไม่ได้ฝากให้ตระกูลเราเลี้ยงดู อีกอย่างถ้าตระกูลเราอบรมเลี้ยงดูอู่เหมยเป็นอย่างดี ตระกูลจ้าวคงไม่กล่าวโทษพวกเราหรอก แต่ทุกวันที่อู่เหมยอยู่ที่นี่เธอใช้ชีวิตยังไงล่ะ ตระกูลจ้าวจะไม่โกรธได้เหรอ?”
คุณย่าไม่พึงพอใจกับท่าทีของสะใภ้ใหญ่เป็นอย่างมาก เธอทำหน้านิ่งขรึมพลางบ่นตำหนิ “ตระกูลเราทำอะไรกับอู่เหมยเหรอ? ทำให้เธอขาดแคลนด้านอาหารการกินและเสื้อผ้าหรือไง ลูกหลานของคนบ้านอื่น แค่เลี้ยงให้โตมาได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว ตระกูลจ้าวจะทำไมเหรอ? คิดว่าตัวเองเป็นดั่งไท่โฮของฮ่องเต้[1]หรือไง!”
เว่ยชิวเยวี่ยไม่อยากได้ยินที่คุณย่าเอาแต่พูดกับตัวเองอยู่แบบนั้น ตระกูลจ้าวขาดแคลนด้านอาหารการกินหรือ?
หากว่าเหมยเหมยไม่ถูกอู่เจิ้งซือขโมยมา ป่านนี้เธอคงเป็นดั่งเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจ้าวไปแล้ว เธอจะต้องมากลายเป็นหนอนตัวน้อยที่ไม่เคยกินอิ่มไม่เคยใส่เสื้อผ้าดีๆ อีกทั้งยังโดนดุด่าทุบตีแบบนั้นอยู่อีกหรือ?
ในตอนนี้เว่ยชิวเยวี่ยเองก็นึกเสียใจ เมื่อก่อนเธอนึกถึงแต่การอยู่อย่างสงบเพื่อปกป้องตัวเองไว้ เธอไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องของบ้านอื่น เธอทำเป็นหลับหูหลับตาไปกับเรื่องที่อู่เหมยถูกเหอปี้อวิ๋นทารุณกรรม หากว่าก่อนหน้านั้นเธอทำดีกับอู่เหมย ในตอนนี้เธอคงไม่ต้องมากังวลอยู่แบบนี้หรอก!
จี้เจี้ยนโปรู้สึกว่าคำพูดของคุณย่าไม่เข้าหู ในเวลานี้เขามีความคิดเห็นเดียวกับเว่ยชิวเยวี่ย เมื่อภัยมาถึงตัวก็ควรทางใครทางมัน เขาไม่มีทางโชคร้ายไปพร้อมกับตระกูลอู่แน่
“คุณย่า ผมว่าตัวคุณย่าต่างหากที่คิดว่าตัวเองเป็นไท่โฮของฮ่องเต้ การที่น้องรองขโมยลูกของคนอื่นมาเป็นสิ่งที่ผิด แต่ขโมยมาแล้วก็ไม่ดูแลเด็กคนนั้นให้ดี ไหนจะถูกสะใภ้รองทารุณกรรมอีก พอพูดแบบนี้แล้ว แต่ก่อนตัวคุณย่าเองก็ไม่เคยทำดีกับเหมยเหมยเลย ฐานะของเหมยเหมยกับเยวี่ยเยวี่ยในบ้านหลังนี้ เป็นดั่งฟ้ากับเหว คงแปลกอยู่หรอกถ้าอู่เหมยจะไม่แค้นใจ ตอนนี้ก็ดีนะครับ เพราะเย็นนี้เธอคงจะได้เล่าเรื่องราวร้ายๆ ที่เธอเคยเผชิญให้กับพ่อแม่แท้ๆ ของเธอฟังอย่างแน่นอน เฮ้อ ตระกูลเราช่างโชคร้ายนัก เหวินฮุ่ย เหวินเฟิง กลับบ้านเรากันเถอะ!”
จี้เจียนโปเรียกหาลูกชายและลูกสาวของเขาเพื่อกลับบ้าน เขาคิดดีแล้วว่าพรุ่งนี้จะไปพบอู่เหมย อู่เหมยใจอ่อนง่าย เพียงแค่เขาพูดจาดีด้วยไม่กี่ประโยค เขาก็คงจะไม่ได้โชคร้ายตามคนบ้านนี้ไปด้วย
ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะได้พึ่งบารมีที่พวกเขามีด้วย!
ตระกูลจ้าวเก่งกว่าตระกูลอู่เป็นไหนๆ!
คุณปู่อู่สีหน้าขาวซีด พวกคนไร้จริยธรรม ตระกูลอู่ยังไม่ได้พังทลาย ดูก็รู้ว่าคนชั่วอย่างเขาต้องการจะตัดขาดความสัมพันธ์
เว่ยชิวเยวี่ยมองคุณย่าที่ยังไม่ทันรับรู้เรื่องราวใดๆ เธอจงใจพูดขึ้น “แม้ว่าตระกูลจ้าวจะไม่เป็นดั่งไท่โฮของฮ่องเต้ แต่หากว่าตระกูลนั้นต้องการจะฆ่าตระกูลเรา มันก็เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายเสียยิ่งกว่าการฆ่ามดสักหนึ่งตัว แม่ควรจะเข้าใจได้แล้วนะคะ!”
เลือดฝาดบนใบหน้าของคุณย่าจางหายไปอย่างฉับพลัน ตาลีตาเหลือกจนทนไม่ได้และเป็นลมล้มพับไปทันที
…………………………………………………………………………………………..
[1] มีอำนาจบาตรใหญ่