ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 1770 ละครน้ำเน่าระหว่างเพื่อนสนิท + ตอนที่ 1771 ตาบอด
ตอนที่ 1770 ละครน้ำเน่าระหว่างเพื่อนสนิท
สมแล้วที่โจวจื่อหัวเป็นผู้มีอิทธิพล ที่นั่งที่จัดไว้ให้อยู่ตรงกลางพอดิบพอดีไม่ต้องใช้กล้องส่องทางไกลก็เห็นได้อย่างชัดเจน เพียงแต่เหมยเหมยไม่เข้าใจเรื่องการฟันดาบเลยสักนิดเลยดูไม่รู้เรื่อง โชคดีมีโจวซิงเอ๋อร์คอยอธิบายถึงทนดูต่อไปได้
“เฉินเจียของฉันจะต้องชนะแหง ผู้เข้าแข่งขันจากญี่ปุ่นนั่นอ่อนหัดเกินไป…”
โอเค เพิ่งเจอกันหนเดียวก็เลื่อนขั้นแล้ว ความไวนี้…
เฉินเจียในเวลานี้กำลังประลองกับนักกีฬาจากญี่ปุ่นคนหนึ่งอยู่ เขาแต่งกายด้วยชุดลวดลายหลากสีจนเหมยเหมยมองจนตาลายไปหมด เธอได้ยินเพียงกรรมการเป่านกหวีดไม่ขาดสายแต่แยกไม่ออกเลยว่าใครเก่งกว่าใครอ่อนกว่า
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าความมั่นใจที่ไร้ต้นสายปลายเหตุของโจวซิงเอ๋อร์ถูกต้องเพราะสุดท้ายผู้ชนะคือเฉินเจีย โจวซิงเอ๋อร์กรีดร้องเสียงดังรวมถึงผู้ชมรอบข้างที่ส่งเสียงดังกึกก้องจนแทบทะลุออกนอกเพดาน
ก่วนเสี่ยวอวี้กลับยังคงมีท่าทีเคอะเขินเหมือนก่อนหน้านี้และเป็นหนักกว่าโจวซิงเอ๋อร์เสียอีก ดวงตาหลังเลนส์แว่นที่ดูเปลี่ยนทรงไปเล็กน้อยแพรวพราวดุจเพชรพลอย ใบหน้าขาวซีดแดงก่ำยิ่งกว่าแสงยามเย็น จดจ้องคนหล่อเหลาในสนามด้วยใจจดจ่อ
เหมยเหมยขมวดคิ้วน้อย ๆ ดูท่าทางก่วนเสี่ยวอวี้ไม่ได้คลั่งในตัวเฉินเจียน้อยกว่าโจวซิงเอ๋อร์เลย!
เพื่อนสนิทหลงรักผู้ชายคนเดียวกัน…นี่มันมุกแสนเชยที่ละครน้ำเน่าชอบเอามาเล่นไม่ใช่หรือไง!
อีกทั้งลักษณะนิสัยและระดับสติปัญญาอย่างโจวซิงเอ๋อร์แล้วปกติในละครน้ำเน่ามักได้บทบาทเป็นนางร้ายใจดำอำมหิต ส่วนคนที่ฐานะทางบ้านยากจนอย่างก่วนเสี่ยวอวี้ ซินเดอเรลล่าที่สู้ชีวิตถึงจะเป็นผู้ชนะที่ได้ยิ้มในตอนสุดท้าย
เหมยเหมยเริ่มจินตนการขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เกิดภาพในหัวเต็มไปหมดจึงไม่มีกะจิตกะใจจะดูการแข่งขันต่อไปอีกแล้ว
หรือว่านิยายเรื่องต่อไปแต่งเรื่องน้ำเน่าเพื่อนสนิทสองคนแย่งผู้ชายคนเดียวกันดี?
มุกนี้จะเกลื่อนล้นตลาดในอีกสิบกว่าปีข้างหน้าแต่ตอนนี้กลับยังไม่ถึงขั้นนั้น เธอจะเป็นฝ่ายเริ่มเปิดตลาดก่อนดีไหมนะ?
“เฉินเจีย…ฉันรักคุณ…รักคุณหนึ่งหมื่นปี…”
เสียงกรีดร้องสูงลิ่วที่แทบทะลุเยื่อแก้วหูได้ขัดจิตนาการแสนน้ำเน่าของเหมยเหมยด้วยเช่นกัน กลับเห็นว่ามีหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับโจวซิงเอ๋อร์มากมาย ในมือโบกช่อดอกไม้ไปมาแล้วตะโกนเสียงดัง เฉินเจียบนเวทีกำลังโค้งคำนับให้ผู้ชมด้านล่างเวทีก่อนจะเตรียมออกจากสนาม
“แข่งเสร็จแล้วเหรอ?” เหมยเหมยถาม
“เฉินเจียแข่งเสร็จแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเขาต้องได้สามอันดับแรกแน่ เฉินเจียของฉันเก่งจริง ๆเลย!” โจวซิงเอ๋อร์พูดอย่างมีความสุข ปรบมือจนมันเริ่มบวมแดง
ก่วนเสี่ยวอวี้เองก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน สาวน้อยที่ปกติไม่น่าดึงดูดที่สุด เวลานี้กลับเปลี่ยนไปราวกับโดนฉีดกรดไฮยาลูโรนิคเข้าสู่ร่างกาย
เหมยเหมยเบะปาก ไม่เข้าใจว่าเด็กสาวพวกนี้ไปเอาความกระตือรือร้นนี้มาจากไหนกัน แม้เฉินเจียจะหน้าตาดีแต่กลับซื่อบื้อมีความเป็นเด็กสูง ผู้ชายแบบนี้คบเป็นเพื่อนสนุกแต่ถ้าเป็นสามีคงไม่สนุกแล้วละ
อีกอย่างเธอไม่คิดว่าเฉินเจียหล่อเลยแม้แต่น้อย ต่อให้หล่อจริงแล้วหล่อสู้พี่หมิงซุ่นของเธอได้หรือ?
เฮ้อ…คิดถึงพี่หมิงซุ่นจัง!
เหมยเหมยนึกเกลียดหร่วนหวาไฉ่เสียเหลือเกิน เดิมทีพรุ่งนี้ก็กลับไปได้แล้วแต่ตาแก่นี่กลับโผล่หัวมา เธอต้องจัดการตาแก่นี่ให้เสร็จก่อนถึงจะกลับได้
เหอะ คราวนี้เธอจะไม่ปรานี จะทำให้ตาแก่นี่ไม่กล้ามาหลอกลวงคดโกงอยู่ฟรีกินฟรีที่ฮ่องกงอีก!
ตอนเที่ยงเหมยเหมยได้ทำตามสัญญาเลี้ยงอาหารเฉินเจียที่ภัตตาคารป้าหวัง โจวซิงเอ๋อร์กับก่วนเสี่ยวอวี้เองก็ไปด้วยทั้งคู่ พวกเธออายุไม่ห่างจากเฉินเจียเท่าไรไม่นานเลยเริ่มสนิทคุ้นเคยกันจนคุยกันอย่างออกรส
ความตื่นเต้นของก่วนเสี่ยวอวี้ไม่ลดลงเลยแต่กลับทวีสูงขึ้น ตอนนี้ไม่เหลือคราบคนพูดน้อยเหมือนกลัวดอกพิกุลร่วงจากปากเหมือนในรถก่อนหน้านี้แล้ว แม้จะคุยไม่เก่งเท่าโจวซิงเอ๋อร์แต่ก็พูดไปไม่น้อย อีกทั้งดูท่าทางเฉินเจียจะชอบคุยกับก่วนเสี่ยวอวี้มากกว่าด้วยซ้ำ!
ยัยบื้อโจวซิงเอ๋อร์จับสังเกตไม่ได้เลยยังคงคุยเสียงเจื้อยแจ้วราวกับนกกระจอก พูดยาวเหยียดไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ก่วนเสี่ยวอวี้ในเวลานี้จะคอยเม้มปากอมยิ้มรับน้อย ๆแล้วพูดเสริมสักประโยคสองประโยคเป็นบางครั้งบางคราว
……………………..
ตอนที่ 1771 ตาบอด
หลังมื้ออาหารโจวซิงเอ๋อร์ต้องรีบกลับก่อนเพราะโจวจื่อหัวเห็นแก่เหมยเหมยถึงยอมให้เธออยู่นอกบ้านตลอดครึ่งเช้า ซึ่งช่วงบ่ายนั้นคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
โจวซิงเอ๋อร์กลับไปอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่วนเสี่ยวอวี้ลังเลอยู่ชั่วอึดใจก็ขอตัวกลับไปพร้อมกับเพื่อน ต่อให้เธอไม่อยากกลับเลยแม้แต่น้อยก็ตาม
พอสองสาวกลับไปสยงมู่มู่กับอู่เชาก็เอ่ยปากแซวทันที “เสน่ห์แรงดีนี่ ขโมยหัวใจสาว ๆไปกันหมดเลย นายชอบคนไหนกันแน่?”
สายตาสี่คู่แปดข้างจดจ้องเฉินเจียเป็นตาเดียว ทำเอาเขาหน้าแดงเป็นกวนอูรีบโบกมือปัด “พวกนายอย่าพูดมั่ว ๆ ฉันกับพวกเธอเพิ่งเจอกันครั้งแรกยังไม่ทันรู้จักกันเลย”
“นายเพิ่งเจอกันครั้งแต่คนเขาฝันถึงนายนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว นายสารภาพมาซะดี ๆว่าชอบคนไหน?” สยงมู่มู่เกี่ยวคอเขาไว้ส่วนอู่เชาก็ยึดแขนเขาไว้ทำท่าเหมือนบีบเค้นให้รับสารภาพ
เฉินเจียมองพวกเขาอย่างเอือมระอา “ขอร้องเลย นี่เพิ่งเจอกันครั้งแรกจะชอบได้ไง!”
“แล้วถ้าให้นายเลือกคนใดคนหนึ่งจากสาวสองคนนี้เป็นแฟน นายเลือกคนไหน?” อู่เชายอมอ่อนข้อแต่ไม่ยอมแพ้หากไม่บรรลุเป้าหมาย
เฉินเจียปวดศีรษะ กลั้นไว้อยู่นานถึงพูดตอบเสียงอ้ำอึ้งออกมาว่า “ถ้าให้เลือกคนใดคนหนึ่งละก็คนที่ตัวเตี้ยหน่อยดีกว่า ฉันจำได้ว่าเธอชื่อเสี่ยวอวี้สินะ?”
“โอ้โห…เฉินเจียนายตาบอดหรือเปล่า? น้ำไม่ได้เข้าสมองใช่ไหม? ทำไมไม่เลือกโจวซิงเอ๋อร์ที่หน้าตาสวยหุ่นดีแต่ดันไปเลือกก่วนเสี่ยวอวี้ที่ไม่เข้าตาที่สุดล่ะ?” สยงมู่มู่กับอู่เชามองเฉินเจียราวกับอีกฝ่ายเป็นตัวประหลาด
เหมยเหมยเองก็สงสัยเช่นกัน หากยังไม่เอ่ยถึงเรื่องหน้าตา ลำพังแค่เรื่องนิสัยโจวซิงเอ๋อร์ก็ร่าเริงกว่าก่วนเสี่ยวอวี้หรือเปล่า ก่วนเสี่ยวอวี้มักให้ความรู้สึกเศร้าซึมแก่คนมอง เหมยเหมยจึงไม่ชอบสนทนากับคนประเภทที่ยากจะคาดเดาความคิดแบบนี้เลย
เซียวเซ่อที่กำลังแทะกุ้งตัวใหญ่เงยหน้ามองเฉินเจียนิ่ง ๆ แล้วพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “คนมันตาบอดเอง ช่วยไม่ได้แล้ว” พวกเหมยเหมยพยักหน้ารับอย่างพร้อมเพรียง นั่นน่ะสิ!
เฉินเจียแบมืออย่างระอา “ความจริงฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับทั้งสองคนนั่นเลย แต่พวกนายรั้นจะให้ฉันเลือกคนหนึ่งให้ได้งั้นฉันก็เลือกคนที่คิดว่าดีกว่าหน่อยละนะ!”
“ว่าแต่นายเลือกจากอะไรกันแน่?” สยงมู่มู่ไม่เข้าใจเลยจริง ๆว่ามาตรฐานของเจ้างั่งนี่คืออะไร
“ฉันแค่รู้สึกว่าคนที่ชื่อเสี่ยวอวี้ไม่พูดมาก ให้ความรู้สึกสงบ ไม่เหมือนคนตัวสูงกว่าที่พูดมากเกินไป ฉันชอบคนเงียบ ๆ” เฉินเจียตอบกลับอย่างซื่อตรง
โจวซิงเอ๋อร์คุยเก่งยิ่งกว่าเขาจนเขาพูดไม่ทันเลยด้วยซ้ำ ได้แต่จ้องสาวน้อยพูดเสียงเจื้อยแจ้วตาแป๋ว แต่เขาไม่ชอบเป็นผู้ฟัง เขาชอบพูดให้คนอื่นฟังมากกว่า
คนแบบก่วนเสี่ยวอวี้ก็พอดีเลย!
สยงมู่มู่กับอู่เชายกนิ้วกลางให้เขาพร้อมกัน “ตัวนายเองก็พูดเยอะมากพอแล้วกลับยังมีหน้าไปรังเกียจที่เขาพูดมากอีก เหอะ!”
พวกเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก เพราะเป็นแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้นไม่นานทั้งสามคนก็เริ่มเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น เฉินเจียกล่าวอย่างตื่นเต้น “ครั้งนี้ฉันอยู่ในสามอันดับแรกซึ่งก็จะได้ร่วมแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศที่ญี่ปุ่น ถ้าตอนแข่งชิงแชมป์ได้อันดับดีละก็ฉันก็จะได้เข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกที่แอตแลนตาด้วยนะ”
เฉินเจียทำหน้าตื่นเต้นด้วยพลังอันล้นเปี่ยม ดูท่าทางมั่นอกมั่นใจกับกีฬาโอลิมปิกในอีกสองปีข้างหน้าอย่างมาก
“สู้ ๆนะเพื่อน อีกสองปีข้างหน้าเราจะไปให้กำลังใจนายที่แอตแลนตา!”
เฉินเจียพยักหน้าแรง ๆ ทุกคนยกแก้วเหล้ามาชนแก้วกันเบา ๆก่อนดื่มรวดเดียว เข้าใจทุกอย่างโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด
กลางคืนยังต้องไปเลี้ยงฉลองกับครูฝึกและเพื่อนร่วมทีมอีก เฉินเจียจึงไม่อยู่นานไปกว่านี้ก่อนจะรีบขอตัวกลับก่อน พวกเหมยเหมยเองก็กลับเช่นกัน จากนั้นเสี่ยวอวิ๋นก็เอาข้อมูลกิจกรรมที่พวกหร่วนหวาไฉ่เข้าร่วมมาให้
………………………….