ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 1560 ไปทุ่งหญ้า + ตอนที่ 1561 สวรรค์กลั่นแกล้งพวกเขาแล้ว
ตอนที่ 1560 ไปทุ่งหญ้า
เจิ้งเซวี่ยซานโชคดีมากเพราะได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ HIV เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ได้เก็บเธอไว้สั่งให้คนไปส่งเธอกลับมหาวิทยาลัยเมืองหลวงด้วยตนเอง และบอกรายละเอียดสภาวะร่างกายของเธอ
ครั้งนี่ไม่ต้องให้เหมยเหมยตามเรื่องเลย ทางผู้บริหารของโรงเรียนก็เตรียมขั้นตอนการไล่ออกอย่างรวดเร็ว ภายในหนึ่งวันเจิ้งเสวี่ยซานก็โดนใล่ออกไปจากประตูใหญ่ของโรงเรียน โดยไม่ให้เธอเข้ามาเหยียบในมหาวิทยาลัยแม้แต่ครึ่งก้าว
เชื้อไวรัส HIV เลยนะ!
นักเรียนในมหาวิยาลัยมีเป็นหมื่น ๆชีวิต ถ้าถูกแพร่ใส่คงติดกันหมด แล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบกัน?
เหมยเหมยไม่สนใจคำพูดของผู้หญิงคนนี้อีก การที่ได้รับเชื้อ HIV มานั้นก็เหมือนชีวิตที่ต้องนับรอวันตาย ก็เป็นดั่งคนใกล้ตายแล้วแหละ
เหยียนหมิงซุ่นไม่กล้าชะล่าใจ เพราะเวลานี้เจิ้งเสวี่ยซานเป็นคนอันตรายมาก ๆเพราะในใจมีแต่ความขมขื่น ยิ่งรู้ว่าตัวเองจะอยู่ได้อีกไม่นาน เป็นไปได้สูงมากที่จะล้างแค้นและก่อเรื่องไม่ดีขึ้นอีก
ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนกับโรคเคลื่อนที่ได้ ซึ่งต้องระวังให้มาก เหยียนหมิงซุ่นจึงส่งคนจับตาดูพฤติกรรมของเจิ้งเสวี่ยซานอย่างใกล้ชิด
เมื่อจัดการนังงูอสรพิษที่ชอบลอบทำร้ายลับหลังอย่างเจิ้งเสวี่นซานได้แล้ว เหมยเหมยก็อารมณ์ดี วันเกิดของเหยียนหมิงซุ่นใกล้เข้ามาแล้ว เธอกำลังยุ่งกับการเตรียมของขวัญวันเกิดที่ยิ่งใหญ่และน่าจดจำ แต่ก่อนหน้านี้ ——
“พี่หมิงซุ่น แม่ม้าที่บ้านของฉีฉีเก๋อจะคลอดแล้ววันนี้ เราจะไปที่ทุ่งหญ้ากันเมื่อไรเหรอ?” เหมยเหมยถามขึ้นระหว่างทานมื้อเย็น
ระยะนี้เหยียนหมิงซุ่นมักจะมากินข้าวที่บ้านตระกูลจ้าว จ้าวเสวียหลินออกไปปฏิบัติภารกิจ จ้าวอิงหัวทำคนเดียวไม่ได้จึงทำได้แค่แกล้งมองไม่เห็นไป พอได้ยินคำพูดของเหมยเหมยในตอนนี้ก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที
“ไปทำอะไรที่ทุ่งหญ้า? อาหาศหนาวก็หนาว หูจะแข็งเอาได้นะ!” จ้าวอิงหัวบ่น
เหมยเหมยเบะปากและส่งเสียงฮึออกมาอย่างไม่พอใจ เหยียนซินหย่าคีบตูดไก่ชิ้นหนึ่งยัดเข้าปากของจ้าวอิงหัว พร้อมกับหัวเราะร่า “ตอนนี้บรรยากาศที่ทุ่งหญ้าให้อารมณ์อีกแบบหนึ่ง เหมยเหมยไปวาดรูปที่นั่นก็ไม่เลวนะ”
เหยียนหมิงซุ่นแอบชูนิ้วโป้งให้แม่ยาย อมยิ้มพลางบอกว่า “พี่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว อีกสองวันก็ไปได้เลย”
ตามที่เขารู้มาเฮ่อเหลียนเช่อก็จะไปทุ่งหญ้าด้วย เพื่อจะนำลูกม้ามาฝากหนิงเฉินเซวียนด้วยตัวเอง น่าจะเป็นช่วงสองวันนี้แหละ
เจ้าอิงหัวแอบรู้สึกสะอิดสะเอียนตูดไก่ เขามองไปที่ภรรยาของตัวเองอย่างน่าสงสารแต่ก็ไม่กล้าคายออกมา อดทนกลั้นอาการพะอืดพะอมไว้ นี่เป็นการกินตูดไก่ในรอบเจ็ดปีจึงค่อย ๆเคี้ยวละกลืนลงไป
รู้สึกแย่ชะมัด
กลิ่นตูดไก่กระจายอยู่เต็มปาก!
ตอนนี้โลกทั้งใบเงียบเหมือนไก่!
จากนั้นก็ไม่มีใครคัดค้านการไปทุ่งหญ้าอีก เหมยเหมยเก็บกระเป๋าเดินทางอย่างร่าเริง ส่วนเรื่องลาหยุดก็ให้พ่อแม่จัดการเรียบร้อย มีความสุขกับการเดินทางไปทุ่งหญ้า
จากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงขับรถไปบ้านของฉีฉีเก๋อใช้เวลาประมาณ7-8 ชั่วโมง เหยียนซินหย่าลาหยุดให้พวกเธอ10 วัน ซึ่งเพียงพอสำหรับการไปเที่ยวครั้งนี้แล้ว
เหยียนหมิงซุ่นได้พาลูกน้องฝีมือดีติดตามไปด้วยสองสามคน มีเฮ่อเหลียนเช่อมาด้วย ระวังหน่อยก็ดี
ทุ่งหญ้าในฤดูหนาวเต็มไปด้วยหญ้าเหี่ยวเฉา ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตสักตัว ช่างแห้งแล้งเหลือเกิน
“ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เนื้อแพะอร่อยที่สุดเพราะได้กินหญ้าแห้ง ทำให้ไม่มีกลิ่นฉุนโดยเฉพาะส่วนไขมัน ฉันให้แม่ทำแพะย่างให้พวกเธอแล้ว รับประกันได้ว่าพวกเธอต้องอร่อยจนหยุดกินไม่ได้เลย”
พอหยุดพักกลางทางก็กินขนมอบแห้งกัน ฉีฉีเก๋อแนะนำอาหารขึ้นชื่อของทุ่งหญ้าอย่างมีความสุข ขณะที่น้ำลายของตัวเองก็ไหลออกมาอย่างไม่หยุด
ทุกคนพักผ่อนได้สักพักก็เตรียมตัวจะเดินทางทางต่อ เหยียนหมิงซุ่นก็เกิดอาการหูอื้อ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วให้เหมยเหมยขึ้นรถไปก่อน ทอดสายตามองไปก็เห็นทรายสีเหลืองสาดกระเซ็นแล้วก็มีรถจิ๊บสองสามคัดวิ่งตรงมาจอดอยู่ข้างหน้าพวกเขาอย่างรวดเร็ว
เฮ่อเหลียนเช่อที่อยู่รถคันหน้าสุดโผล่หัวออกมามองไปที่เหยียนหมิงซุ่นอย่างดุดัน และพูดเสียงเย็นชาว่า “ทุ่งหญ้าหมาป่ามากมาย ระวังจะตายเอาได้นะ!”
“ไม่ต้องให้นายเป็นห่วงหรอก ดูแลตัวเองเถอะ ไม่ใช่ว่าแม้แต่กระดูกก็ยังปกป้องไม่ได้!”
เหยียนหมิงซุ่นตอกกลับอย่างเย็นชา ดูเหมือนไม่ใส่ใจแต่ร่างกายอยู่ในสภาวะตื่นตัวพร้อมสังหารได้ทุกเมื่อ
…………………………………………..
ตอนที่ 1561 สวรรค์กลั่นแกล้งพวกเขาแล้ว
เฮ่อเหลียนเช่อสอดส่องอยู่นาน ไม่พบโอกาสที่จะทำประโยชน์ได้เลยจึงกลับมานั่งอย่างหัวเสีย พลันหันไปโบกมือให้เหยียนหมิงซุ่น “ถึงก่อนได้ก่อน!”
เหยียนหมิงซุ่นแค่นเสียงเยาะเย้ยไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย เจ้าของลูกม้านั่งอยู่บนรถเขาต่อให้ไปถึงก่อนก็ไม่มีประโยชน์
ขบวนรถของเฮ่อเหลียนเช่อวิ่งไปไกลลิ่วในเวลาอันรวดเร็ว เขาสั่งให้ลูกน้องเพิ่มความเร็วขึ้น เพราะต้องไปถึงสนามม้าของลุงปาเกินก่อนเหยียนหมิงซุ่นให้ได้ ลุงปาเกินก็คือพ่อของฉีฉีเก๋อ สนามม้าของเขาเป็นทุ่งหญ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เพาะเลี้ยงม้าแข่งคุณภาพดีมานับไม่ถ้วน
เหมยซูหานเห็นเหมยเหมยในรถ ปลายลิ้นรู้สึกถึงความขมเฝื่อน หลายปีมานี้เขาฝันขาด ๆหาย ๆปะติดปะต่อกันไม่ได้ แต่ก็พอเข้าใจโดยคร่าวแล้ว ทั้งเรื่องที่เหมยเหมยแต่งงานกับเขา แล้วไหนจะการตายของเหมยเหมย รวมทั้งเรื่องราวทั้งหมดหลังการตายของเธอ
เขามั่นใจได้เลยว่า เหมยเหมยต้องเหมือนกับเขาที่ฝันถึงเหตุการณ์ในชาติก่อนเช่นกัน
มิเช่นนั้นเหมยเหมยคงไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงมากถึงเพียงนี้
และคงไม่โกรธแค้นอู่เยวี่ยจนเข้ากระดูกเช่นนั้น
เหมยซูหานหัวเราะเยาะตัวเอง เขาไม่โทษเหมยเหมยเลยที่ไม่คิดสนใจเขา ในความฝันตัวเขาเองได้เป็นผู้ช่วยฆาตกรอย่างอู่เยวี่ยนี่นา!
เขารู้สึกผิดต่อเหมยเหมย!
เฮ่อเหลียนเช่อขับรถไปด้วยพร้อมเหลือบหางตามองคนข้างกายอย่างเหมยซูหาน เห็นเขาขมวดคิ้วอีกแล้ว จึงได้ถอนหายใจอย่างไม่พอใจ ในใจรู้สึกไม่ดีนักเลย
ต้องเป็นเพราะยังหลงเหลือความรู้สึกให้นางชั่วจ้าวเหมยนั่นอยู่แน่ ทุกครั้งที่เจอก็จะนิ่งราวกับคนตาย เขาจึงอดไม่ได้ที่จะโกรธ
เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกอัดอั้นจนถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเสียงดัง เหมยซูหานไม่อยากได้ยินคงยากจึงหลุดขำ และล้วงหยิบลำไยในกระเป๋าออกมาลูกหนึ่ง ปอกเปลือกออกเผยให้เห็นเนื้อขาวใสเนียน จากนั้นก็เอาป้อนให้เฮ่อเหลียนเช่อ
อาการเศร้าหมองสลายหายไปทันที
เฮ่อเหลียนเช่อลิงโลดยิ้มตาหยี ลดกระจกลงคายเม็ดทิ้ง พยักพเยิดส่งสัญญาณให้เหมยซูหานป้อนต่อ
“อาเช่อ หลายวันก่อนคุณไปกินข้าวกับคุณหนูของตระกูลจางมาใช่ไหม?” เหมยซูหานถามอย่างไม่แสดงอาการใด ๆ
รถเกิดสั่นเครง เฮ่อเหลียนเช่อจึงรีบควบคุมความเร็วให้สมดุล แล้วตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “ใช่ แค่กินข้าวด้วยกันมื้อเดียว สิบนาทีก็ไม่ถึง”
เสียงลอบถอนหายใจดังขึ้น
ความขมขื่นในใจของเหมยซูหานมีมากขึ้น นิ้วเรียวยาวค่อย ๆปอกเปลือกลำไยซึ่งมองดูแล้วช่างเป็นภาพเจริญตานัก เขายื่นลำไยป้อนเข้าปากเฮ่อเหลียนเช่อ นิ้วมือส่งความร้อนผ่านออกมา เฮ่อเหลียนเช่อจึงแลบลิ้นเลียไปทีพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
แต่เหมยซูหานกลับดีใจไม่ออกเลย
“อาเช่อ ไม่งั้นนายแต่งงานกับคุณหนูจางไปเถอะ?” เหมยซูหานพูดออกมาอย่างจนใจ
“เอี๊ยด”
เสียงเบรกดังเสียดหูยิ่งทำให้น่ารำคาญใจ เฮ่อเหลียนเช่อมีสีหน้าบึ้งตึงบรรยากาศมาคุทันที รถคันหลังก็หยุดไปตาม ๆกัน ไม่มีใครกล้าขับขึ้นหน้า
“ฉันไม่ชอบคุณหนูจาง แล้วก็ไม่ชอบคุณหนูหลิวนั่นด้วย ต่อไปอย่าพูดแบบนี้อีก”
ความกดอากาศในรถต่ำลงมาก ต่ำจนทำให้คนเราหายใจไม่ออก
ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ทีไร เฮ่อเหลียนเช่อก็มักจะโกรธร้ายราวกับเสือดาวแบบนี้อยู่เรื่อย
เหมยซูหานถอนหายใจอีกครั้ง จับมือเฮ่อเหลียนเช่อพลางฝืนยิ้มเอ่ยว่า “ฉันรู้ว่านายไม่ชอบพวกหล่อน แต่อาของนายอยากให้นายแต่งงานกับผู้หญิงสักคน แล้วมีลูก อาเช่อ…นายอย่าทำให้คุณอาโมโหอีกเลยจะได้ไหม?”
ตอนนั้นเขาตกลงกับอู่เยวี่ยไว้เสียดิบดีว่าจะให้อู่เยวี่ยแกล้งแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อแล้วทำการผสมเทียมเพื่อมีลูก แต่อู่เยวี่ยตายแล้ว ดังนั้นเรื่องการแต่งงานก็ถือว่าล้มเหลวไป
ต่อจากนั้นมาหนิงเฉินเซวียนก็คอยจัดสรรผู้หญิงสกุลชั้นสูงมากมายมาให้เฮ่อเหลียนเช่อ แต่เฮ่อเหลียนเช่อไม่ถูกใจใครเลย ด้วยเหตุนี้หนิงเฉินเซวียนจึงเริ่มไม่ค่อยพอใจเฮ่อเหลียนเช่อ สองพ่อลูกสามวันดีสี่วันทะเลาะกันจนเป็นเรื่องบานปลายใหญ่โต
เหมยซูหานรู้สึกผิดมาก เขาเกลียดที่กายตนนั้นเป็นชาย ทั้ง ๆที่เขากับเฮ่อเหลียนเช่อมีความรักที่แท้จริงให้กัน ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาตินี้ พวกเขาต่างก็รักกันด้วยใจจริง
ทำไมพระเจ้าถึงต้องกลั่นแกล้งพวกเขาเช่นนี้ด้วยนะ?
…………………………………………………………..