ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 1246 คนจริงไม่พูดเยอะ + ตอนที่ 1247 ที่สุดของความอัจฉริยะ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 1246 คนจริงไม่พูดเยอะ + ตอนที่ 1247 ที่สุดของความอัจฉริยะ
ตอนที่ 1246 คนจริงไม่พูดเยอะ
“ทำไมถึงไม่ตกลงล่ะ?” เหมยเหมยพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจนิด ๆ
เซียวเซ่อเลิกคิ้วขึ้นส่งสายตาไปทางสยงมู่มู่ ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ไม่อยากจะออกรายการร่วมกับตากระจอกนี่น่ะสิ มันเสียราคา”
ถึงแม้ว่าคุณหนูเซียวจะไม่ได้เอ่ยชื่อออกมา แต่สายตาของเธอจับจ้องไปที่ใครบางคน ตากระจอกที่เธอเอ่ยถึงทุกคนก็คงรู้อยู่แล้วว่าหมายถึงใคร!
สยงมู่มู่อารมณ์ขึ้นในทันที เขาโมโหลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าเซียวเซ่อ “ยัยคนแซ่เซียว เธอว่าใครกระจอกกันฮะ?”
“ใครรับก็คนนั้นแหละ!”
เซียวเซ่อตอบด้วยท่าทีที่สงบนิ่งพลางตักไอศกรีมเข้าปาก เธอทำปากแสดงให้เห็นถึงความพึ่งพอใจต่อรสชาติของไอศกรีม เธอคิดว่าเดี๋ยวจะให้ร้านอาหารส่งไอศกรีมมาอีกเธอจะเก็บไว้กินต่อตอนมื้อดึก
“ยัยคนแซ่เซียว เธออย่าให้มันดูเกินไปนักเลย ฉันเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงหรอกนะถึงได้ยอมให้ ได้คืบจะเอาศอกงั้นเหรอ จริง ๆแล้วฉันทำลายเธอด้วยเพียงนิ้วเดียวยังได้เลย” สยงมู่มู่โมโหแทบคลั่ง จ้องเธอจนตาแทบจะถลนออกมา
“นายยังเหมือนผู้หญิงมากกว่าอีก”
เซียวเซ่อคนจริงไม่พูดเยอะ คำพูดสั้น ๆเพียงไม่กี่คำทำเอาสยงมู่มู่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ โมโหจนเส้นเลือดปูดที่ลำคอ
เหมยเหมยกับอู่เชาไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร สองคนนี้ทะเลาะกันมาตั้งแต่เด็กจนโต พอเจอกันก็ซัดกันตลอด ถ้าวันไหนไม่ได้ทะเลาะกันสิแปลก
ที่จริงแล้วการที่เซียวเซ่อไม่ได้มาออกรายการด้วยกัน ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก ๆ ถ้าพวกเขาสองคนได้อยู่ด้วยกัน หนุ่มหล่อสาวสวย อีกทั้งยังโด่งดังด้วยกันทั้งคู่ เรตติ้งรายการจะต้องดีมากแน่ ๆ
เหมยเหมยรู้ว่าเหตุผลที่เซียวเซ่อไม่ยอมมาออกรายการไม่ใช่เหตุผลเดียวกับที่เธอพูด คุณย่าของเซียวเซ่อเป็นคนที่เคร่งครัดเรื่องกฎระเบียบมากและค่อนข้างหัวโบราณ หากท่านรู้ว่าเซียวเซ่อมาออกรายการที่โชว์หน้าโชว์ตาในประเทศจีน คุณย่าท่านต้องรีบเรียกตัวเซียวเซ่อกลับประเทศอังกฤษแน่ อีกทั้งอาจจะยังไม่ให้เธอกลับมาประเทศนี้อีกเลยตลอดชีวิต
“สยงมู่มู่ นายเองก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังเข้าร่วมรายการนี้อีกล่ะ” เหมยเหมยนึกถึงปัญหาสำคัญขึ้นมาได้
“ฉันเก็บหน่วยกิตครบหมดแล้ว เทอมหน้าก็เลยไม่ต้องไปเรียนแล้ว”
สยงมู่มู่ส่งสายตาพิฆาตไปให้ใครบางคนแล้วตอบคำถามของเหมยเหมย การที่เขาตอบรับทางช่องมาออกรายการนั้น เขาได้คิดพิจารณามาอย่างถี่ถ้วนแล้ว
“งั้นก็ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นเซ่อเซ่อก็ไม่ต้องไปเรียนแล้วสิ?” เหมยเหมยรู้สึกโล่งใจเบา ๆ เธอรู้ว่าที่เมืองนอกเรียนกันแบบระบบหน่วยกิต ขอเพียงแค่เก็บหน่วยกิตครบก็ไม่จำเป็นต้องไปนั่งเรียนที่โรงเรียนอีก มีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง
สยงมู่มู่ทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความทระนงตน
เซียวเซ่อส่ายหัว “เปล่าหรอก เดี๋ยวอีกไม่กี่วันฉันก็จะต้องกลับไปแล้ว”
เธอกินไอศกรีมต่อพลางทำเสียงไม่พอใจสยงมู่มู่ แล้วพูดกับเหมยเหมยว่า “หน่วยกิตของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ไม่ได้เก็บกันง่าย ๆ ดังนั้นจะประมาทไม่ได้เลย ไม่เหมือนตอนมอปลายหลับตายังเก็บหน่วยกิตให้ครบหมดได้เลย”
เหมยเหมยมองสยงมู่มู่ที่ทำสีหน้าโมโหด้วยความสงสาร แล้วทำท่าทางเหมือนจะคารวะให้กับความเก่งของเธอ ชื่นชมเธอจากใจจริง “เซ่อเซ่อเธอเก่งมาก”
สีหน้าได้ใจของสยงมู่มู่ในเมื่อกี้หายวับไปในพริบตา ในใจรู้สึกอัดอั้นขึ้นมา
ยัยจอมโหดได้ขึ้นมหาวิทยาลัยแล้ว แต่เขายังเรียนมอปลายอยู่เลย น่าขายหน้าจริงชะมัด!
ไม่ได้ หลังจากถ่ายรายการนี้เสร็จเขาจะต้องหาเวลาไปเก็บหน่วยกิตของมอปลายให้ครบ เพื่อปีหน้าจะได้ขึ้นมหาวิทยาลัย สยงมู่มู่รู้สึกเสียใจมากที่ตอนแรกเขาไปประเทศอังกฤษได้ฟังคำแนะนำของครูในโรงเรียนให้เริ่มเรียนม.4ใหม่ ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาคงได้ขึ้นมหาวิทยาลัยแล้ว คงไม่ต้องถูกยัยนี่หัวเราะเยาะ
ยัยจอมโหดเป็นฉายาที่สยงมู่มู่ไว้ใช้เรียกเซียวเซ่อ
ทางทีมงานได้นัดกับเหมยเหมยเอาไว้แล้วว่าจะมาถ่ายที่โรงเรียน เหมยเหมยกับอู่เชาเรียนอยู่ห้องเดียวกัน แล้วพอดีที่ได้มาออกรายการเดียวกัน ทางทีมงานได้ติดต่อประสานงานกับทางโรงเรียนเรียนเรียบร้อยแล้ว ทางครูใหญ่ให้ความร่วมมือกับการถ่ายทำของทางรายการเป็นอย่างดี
แขกรับเชิญมีทั้งหมดหกคน เป็นพวกเขาไปแล้วสองคนจากหกคน ถือว่าเป็นหนึ่งในสามเลยนะ
น่าภูมิใจชะมัด!
……………………………………………..
ตอนที่ 1247 ที่สุดของความอัจฉริยะ
ตอนแรกเพื่อนในชั้นเรียนคิดว่าจะมาถ่ายทำหนังกันเพราะเมื่อก่อนเคยมี แต่สักพักพวกเขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่ พอรู้ว่ามาถ่ายเหมยเหมยกับอู่เชาก็อลหม่านขึ้นมาทันที
การถ่ายทำไม่ได้กินเวลามากนัก วันเดียวก็เสร็จ หลังจากทีมงานไปหมดแล้ว นักเรียนในชั้นก็แห่ล้อมเข้ามา ทุกคนดีใจและตื่นเต้นกันอย่างมาก
“จ้าวเหมย 《การเอาคืนของเจ้าหญิงอัปลักษณ์》เล่มนั้นเธอเป็นคนวาดเหรอ? งั้นเจ้าหญิงอัปลักษณ์ก็คือคุณใช่ไหม” เจ้าหญิงอัปลักษณ์เป็นนามปากกาของเหมยเหมย
“อู่เชา คุณเป็นคุณชายน่าหลันใช่ไหม”
“พระเจ้าช่วย ห้องเรามีนักเขียนถึง 2 คนเลยเหรอ”
“ เออ… คุณชายน่าหลันแท้ที่จริงแล้วคือเจ้าอ้วนอู่ คนในฝันของฉันถูกทำลายไปหมดสิ้นแล้ว”
……
“เจ้าอ้วนอู่ ทำไมนายต้องตั้งชื่อว่าคุณชายน่าหลันด้วย นายไม่รู้หรอว่าคุณชายน่าหลันเป็นไอดอลของฉัน เอาคุณชายน่าหลันของฉันคืนมาเดี๋ยวนี้นะ” เสียงแหลมเสียงหนึ่งดังขึ้นภายในห้องเรียน
เป็นเสียงนักเรียนหญิงที่นิสัยค่อนข้างเงียบคนหนึ่ง ผลการเรียนค่อนข้างดี ปกติไม่ค่อยชอบพูดสักเท่าไหร่ แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะมีท่าทีแบบนี้
หญิงสาวรู้สึกหัวเสียเป็นอย่างมาก เธอมองไปที่อู่เชาด้วยสายตาโกรธแค้นราวกับมีแค้นที่ต้องชำระอย่างไรอย่างนั้น
“นายรู้ไหม ทุกครั้งที่ฉันเสียใจพอฉันนึกถึงคุณชายน่าหลันขึ้นมาความเศร้าก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย แต่นายตั้งชื่ออะไรไม่ตั้ง ทำไมต้องมาทำลายภาพลักษณ์ของคุณชายน่าหลันในหัวฉันด้วย แล้วอีกหน่อยฉันจะจินตนาการหน้าคุณชายน่าหลันออกมาได้ยังไง”
หญิงสาวมองไปที่ร่างอวบอ้วนของอู่เชาแล้วนึกไปภาพสง่างามของคุณชายน่าหลัน ความแตกต่างราวฟ้ากับเหวขนาดนี้ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกหัวเสีย เธอไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว
ทุกคนเพิ่งจะได้รู้ว่าคุณชายน่าหลันที่หญิงสาวเอ่ยถึงคือตัวละครในเทพนิยาย คุณชายน่าหลันในนิยายนั้นถือว่าเป็นหนุ่มรูปงามที่มีชื่อเสียงมากเลยทีเดียว
อู่เชาถูกด่าจนไม่รู้จะแสดงสีหน้าอย่างไร เขาทำให้ใครโมโหหรือโกรธอย่างไรกัน?
เจียงซินเหมยโมโหเป็นอย่างมากถึงขั้นต้องออกมาทวงความยุติธรรม “ เธอนี่โรคจิตหรือเปล่าเนี่ย นามปากกาของอู่เชาจะตั้งชื่อว่าอะไรจะต้องปรึกษาเธอด้วยหรือไง? คุณชายน่าหลันบ้านเธอใช้ได้คนเดียวเหรอ แล้วอีกอย่างเธอรู้ได้ไงว่าคุณชายน่าหลันรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ดีไม่ดีอาจจะสู้อู่เชาไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“เป็นไปไม่ได้ คุณชายน่าหลันเป็นหนุ่มรูปงามนะ” หญิงสาวเถียงขึ้น
เจียงซินเหมยทำน้ำเสียงไม่พอใจ “เธอเห็นด้วยตาตัวเองแล้วเหรอ?”
หญิงสาวเงียบไปในทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยว่า “ฉัน ฉัน ก็หนังสือมันบอกมาไว้แบบนี้นี่นา”
“เชื่อหนังสือเสียหมดสู้ไม่มีหนังสือเลยยังจะดีเสียกว่า หนังสือบอกมาก็หมายความว่าจะต้องถูกไปหมดทุกอย่างหรือ อีกอย่างมาตรฐานของคนสมัยก่อนกับปัจจุบันมันเหมือนกันเหรอ ใครจะไปรู้อดีตอาจจะมองความอ้วนคือความสวยก็ได้ คุณชายน่าหลันอาจจะเป็นเจ้าอ้วนก็ได้”
เจียงซินเหมยออกโรงคนเดียวเล่นเอาซะคนอื่นราบเป็นหน้ากลอง หญิงสาวฟังเธอพูดจนไม่รู้ว่าจะตอบโต้อะไร ได้แต่หน้าแดงแล้วก็เดินกลับไปยังที่นั่งของตน ไว้อาลัยให้กับการจากไปของความรักของเธอ
อู่เชารู้สึกประทับใจในความกล้าหาญของเจียงซินเหมย เขาตกลงจะเลี้ยงเนื้อเสียบไม้เธอกับเหมยเหมยหลังเลิกเรียน
การที่ตัวตนถูกเปิดเผยทำให้เหมยเหมยและอู่เชามักจะโดนห้อมล้อมอยู่บ่อยครั้งเพื่อขอลายเซ็นพวกเขา เด็กแทบจะทั้งโรงเรียนวิ่งไปซื้อหนังสือของสองคนนี้ กลับเป็นการเพิ่มยอดขายให้กับพวกเขาไปเสียอย่างนั้น
ตอนแรกของรายการวางแผนมาค่อนข้างจะดี ไม่นานการถ่ายทำก็เริ่มต้นขึ้น เหมยเหมยได้เห็นแขกรับเชิญสามคนที่เหลือ ผู้ชายสองคน ผู้หญิงหนึ่งคน
ผู้หญิงชื่อว่าลู่ฮุ่ย อายุ18ปี รูปร่างสูงเพรียว สวยแบบสง่า ได้ยินมาว่าเป็นดาราเด็กอายุยังไม่มาก แต่ถือว่าเป็นนักแสดงที่มากความสามารถ ถ่ายละครมาไม่ต่ำกว่าสิบเรื่องแล้ว
ผู้ชายสองคน คนหนึ่งชื่อว่าเฉินเจียมาจากฮ่องกง เป็นนักกีฬาฟันดาบ อายุ 17 ปี ตาโตสองชั้น เป็นหนุ่มน้อยหน้าตาคล้ายหนุ่มสไตล์เกาหลี
ผู้ชายอีกคนชื่อว่าลี่เมิ่งเฉิน อายุ18 ปี ผอมชะลูดเป็นหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่ง แต่ว่าดูแล้วเหมือนจะเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดเสียเท่าไหร่
พี่เสือสืบรู้มาว่าผู้ชายคนนี้อัจฉริยะยิ่งกว่าพวกอัจฉริยะอย่างเซียวเซ่อกับสยงมู่มู่เสียอีก
……………………………………..