ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 1234 ข้อสงสัยถมเป็นชั้น + ตอนที่ 1235 ให้ความร่วมมือกันอย่างดี
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 1234 ข้อสงสัยถมเป็นชั้น + ตอนที่ 1235 ให้ความร่วมมือกันอย่างดี
ตอนที่ 1234 ข้อสงสัยถมเป็นชั้น
เหมยเหมยนึกอยู่หลายวันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆเหอปี้อวิ๋นจะไปฆ่าเหยียนซินหย่า เธอให้เซียวเซ่อและสยงมู่มู่อู่เชาช่วยกันคิดวิเคราะห์
“ฉันแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลก ๆนิดหน่อย แต่ฉันก็บอกไม่ถูกว่าแปลกตรงไหน โอ๊ย สองวันมานี้ฉันคิดจนผมร่วงไปตั้งเยอะแล้ว”
เหมยเหมยทึ้งผมอย่างหงุดหงิด ใต้ตาดำคล้ำ ถ้าหากเหยียนหมิงซุ่นอยู่ก็คงจะดี เขาฉลาดขนาดนั้นจะต้องนึกถึงสิ่งที่ผิดปกติได้แน่นอน
น่าเสียดายที่เหยียนหมิงซุ่นยังอยู่ที่เมืองหลวง ตาแก่โรคจิตจัดตารางงานให้เขาทำตั้งมากมาย ตั้งแต่เช้าจรดเย็นยุ่งจนหัวหมุน ช่วงนี้ยังกลับมาไม่ได้
วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ พวกเขานัดรวมตัวกันที่โรงแรมของเซียวเซ่อ ไม่ว่าจะเป็นห้องของตัวเซียวเซ่อเองหรือของเหมยเหมยต่างก็ไม่มีใครมาปัดกวาดเช็ดถูมาเป็นเวลานาน คิดอยากจะอยู่ก็ต้องทำความสะอาดยกใหญ่ วุ่นวายมากเกินไป ไม่สะดวกเหมือนอยู่โรงแรม
“ฉันกลับไม่รู้สึกว่าจะแปลกตรงไหน เหอปี้อวิ๋นเกลียดแม่เธอจะตาย ถ้าคิดจะไปฆ่าน้าเหยียนถึงที่นั่นก็เป็นเรื่องปกติจะตาย!” อู่เขารู้สึกว่าเหมยเหมยขี้ระแวงไปหน่อย ในความคิดของเขาเหอปี้อวิ๋นไม่ฆ่าเหยียนซินหย่าสิถึงจะแปลก!
สยงมู่มู่ก็เห็นด้วยเหมือนกัน “เจ้าอ้วนพูดถูก เรื่องนี้ไม่แปลก เหมยเหมยคิดมากไปหรือเปล่า?”
เหมยเหมยส่ายหัว “ไม่นะ ลางสังหรณ์บอกฉันว่าต้องมีบางจุดทะแม่ง ๆ ฉันต้องหามันออกมาให้ได้ถึงจะสบายใจ”
เหอปี้อวิ๋นก็เป็นเหมือนระเบิดเวลา ถ้ายังไม่กู้ระเบิดบางทีมันอาจจะระเบิดได้ทุกเมื่อซึ่งอันตรายเกินไป
ทันใดนั้นเซียวเซ่อก็ตบฝ่ามือของเธอลงบนโต๊ะ ตะโกนเสียงดังว่า “มันผิดปกติจริง ๆ ฉันคิดได้แล้ว”
“ตรงไหนผิดปกติ?” เหมยเหมยทั้งสามคนหันหน้ามากันอย่างพร้อมเพรียง จ้องมองไปที่เซียวเซ่ออย่างเอาเป็นเอาตาย
เซียวเซ่อลูบคางสีหน้าดูมีลับลมคมในขาดก็แค่ซิการ์เท่านั้น แล้วพูดว่า “สาเหตุที่เหอปี้อวิ๋นฆ่าคน มันเป็นเพราะว่าได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจจนทำให้อาการกำเริบจนอาละวาดใช่ไหม?”
“ใช่ อันนี้ได้รับการยืนยันแล้ว สภาพจิตใจของเหอปี้อวิ๋นนั้นไม่ปกติอย่างแน่นอน ไม่สามารถได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจได้” อู่เชาพยักหน้า หากไม่ได้รับการตรวจสอบเหอปี้อวิ๋นคงไม่สามารถถูกตัดสินจำคุกเพียงห้าปี จะต้องโดนยิงแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
เหมยเหมยงุดหน้าลง อย่างไรเสียเธอก็คาดไม่ถึงว่าชาตินี้เหอปี้อวิ๋นจะโดนเธอสาปแช่งจนป่วยทางจิตจริง ๆ หรือว่าเธอยังมีความสามารถมีในการสาปแช่งอยู่นะ?
เซียวเซ่อพูดต่อไปว่า “เนื่องจากเหอปี้อวิ๋นได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจจึงทำให้จิตไม่ปกติถึงขั้นฆ่าคนได้ อย่างนั้นสติของเธอต้องพร่าเบลอไปด้วย คนที่สติพร่าเบลอจะวิ่งอย่างใจเย็นไปขึ้นรถบัสได้อย่างไร แล้วการเปลี่ยนอาวุธเป็นกรรไกรล่ะ?”
“ใช่แล้ว จากที่พักของเหอปี้อวิ๋นไปจนถึงหอศิลป์ต้องขึ้นรถเมล์สองต่อ ขั้นตอนยุ่งยากขนาดนี้มันไม่เหมือนคนที่มีอาการป่วยทางจิตจะทำได้เลย”
สยงมู่มู่และอู่เชาตระหนักถึงจึงหันไปมองเซียวเซ่อด้วยความชื่นชม สมแล้วที่เป็นลูกครึ่งอังกฤษมีบุคลิกท่าทางเหมือนเชอร์ล็อกโฮมส์เลย!
เซียวเซ่อยังคงวางมาดนิ่งอยู่ แต่ความภาคภูมิใจในดวงตากลับซ่อนไว้ไม่ได้ คางเชิดขึ้นสูง
เหมยเหมยกระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที “ที่ฉันรู้สึกแปลกก็คือตรงนี้แหละ ตอนนั้นเหอปี้อวิ๋นโกรธจนฆ่าคนไปแล้วใช่ไหม? ทำไมถึงได้สงบนิ่งขนาดนั้นได้อีก?”
มีเซียวเซ่อเริ่มเปิดหัวออกมาแบบนี้ พวกเขาก็เหมือนได้เบิกเนตรเกิดความสงสัยขึ้นมากมาย
“เหอปี้อวิ๋นฆ่าไปสองคนแล้ว ฉันได้ยินมาว่าใช้กรรไกรแทงซ้ำลงไปตั้งหลายสิบทีเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว ถ้าอย่างนั้นร่างของเหอปี้อวิ๋นจะต้องเต็มไปด้วยเลือดแต่ที่หอศิลป์วันนั้นฉันเห็นอย่างชัดเจนว่าใบหน้าของเหอปี้อวิ๋นสะอาดเกลี้ยงเกลา” สยงมู่มู่พูด
อู่เชาเสริม “ถ้าหากบนตัวเหอปี้อวิ๋นมีแต่เลือด เธอไปนั่งรถเมล์จะต้องโดนคนสงสัยแน่ และแน่นอนว่าจะต้องโดนตำรวจจับตัวไปตั้งแต่ครึ่งทางแล้ว”
“ดังนั้นก่อนที่เหอปี้อวิ๋นมาคงต้องล้างหน้ามาก่อนแล้ว เธอเจตนาไปที่หอศิลป์โดยคิดไตร่ตรองมาล่วงหน้าอย่างดีแล้ว”
เซียวเซ่อสรุป
……………………………………………….
ตอนที่ 1235 ให้ความร่วมมือกันอย่างดี
หลังจากผ่านการพินิจพิเคราะห์มาหลายชั้น นักสืบมือสมัครเล่นสี่คนวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นออกมาได้อย่างใกล้เคียงความเป็นจริง แน่นอนว่าแค่สามคนยังสู้กับขงเบ้งได้เลย
งั้นสี่คนรวมหัวกันคงบินขึ้นฟ้าได้แล้วล่ะ!
เหมยเหมยกัดฟันกรอดแล้วพูดว่า “ไม่ได้ ฉันต้องบอกพ่อ คดีนี้ต้องสืบสวนใหม่ เหอปี้อวิ๋นจะต้องถูกตัดสินประหารชีวิตจะปล่อยเธอไปไม่ได้”
เซียวเซ่อส่ายหัว “โทษประหารชีวิตน่าจะเป็นไปไม่ได้ ในความเห็นของฉันตอนที่เหอปี้อวิ๋นฆ่าพ่อลูกแซ่ซ่ง น่าจะได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจจริง ๆ ทั้งสองคนถูกทำร้ายจนกลายเป็นแบบนั้น คนปกติไม่สามารถทำได้หรอก”
สยงมู่มู่เสริมขึ้นว่า “ดังนั้นหลังจากที่เหอปี้อวิ๋นฆ่าทั้งสองคนนั่นแล้วก็กลับมามีสติอีกครั้ง เธอคิดว่าในเมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุดจึงวิ่งไปที่หอศิลป์เพื่อฆ่าคุณอาเล็กของฉัน อันนี้ถึงสามารถตัดสินได้ว่าเป็นการฆาตกรรมโดยเจตนา แต่นี่มันเป็นเพียงการพยายามฆ่ามันไม่ถึงโทษประหารชีวิต”
“แต่ว่าพวกเรายังสามารถพลิกคดีได้อยู่ ต่อให้จะไม่สามารถตัดสินโทษประหารชีวิตได้ก็ตาม แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะถูกตัดสินจำคุกเพียงแค่ห้าปี” เซียวเซ่อพูด
สยงมู่มู่พูดต่ออย่างเป็นธรรมชาติว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องได้รับโทษสิบปี ฉันได้ยินมาว่าในคุกสวรรค์กับนรกมีเพียงเส้นบาง ๆกั้นอยู่ เหอปี้อวิ๋นแบบนั้นยากที่จะอยู่รอดถึงสิบปี!”
“อาจจะไม่ถึงสิบปี เหอปี้อวิ๋นก็อาจจะฆ่าตัวตายประหยัดข้าวไปได้อีกหลายมื้อเลยนะ”
เซียวเซ่อสรุปอีกครั้ง
สองคนนี้ต่อบทรับส่งกันราวกับวิ่งแข่งผลัดอย่างไหลรื่น ทั้งเหมยเหมยและอู่เชาแทรกไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆมองดูพวกเขาหันดูซ้ายทีขวาที
แต่ก็ถือว่าพูดจนจบ
เหมยเหมยและอู่เชาถอนหายใจยาวมองสยงมู่มู่และเซียวเซ่อสองคนนี้อย่างแปลกใจ ครู่ใหญ่ถึงได้ผิวปากหัวเราะแซว
“พวกเธอสองคนนี้รู้ใจกันดีเนอะ มีคำพูดอะไรที่มาเปรียบเปรยได้นะ” เหมยเหมยตั้งใจพูดเสียงดัง
อู่เชารีบรับช่วงต่อ “ใจสื่อถึงใจยังไงล่ะ”
“ใช่ คำนี้แหละ เซ่อเซ่อเธอและมู่มู่ช่างมีใจสื่อถึงใจเสียจริง ๆ!”
ยังมีอีกหนึ่งประโยคต่อตามมาด้วยแต่เหมยเหมยไม่กล้าพูดออกมา สองคนนี้ช่างเป็นชายหล่อสาวงาม เมื่อครู่ตอนที่วิเคราะห์คดีร่วมมือกันอย่างสมบูรณ์แบบ ความกลมเกลียวและความเข้าใจระหว่างคนสองคนเข้ากันได้ดีมากจริง ๆ!
แล้วก็ไม่รู้ว่าสามปีมานี้ทั้งสองคนไปมาหาสู่กันอย่างไรบ้าง?
“พูดจาไร้สาระ ฉันกับเขาเนี่ยนะจะเอาที่ไหนมาใจสื่อถึงใจ? พวกเธอตาบอดหรือไง?” เซียวเซ่อทำหน้าไม่พอใจ ถลึงตาใส่
“สมองพวกเธอมีปัญหาใช่ไหม? พูดดี ๆเป็นไหม?” สยงมู่มู่อายระคนโกรธ แต่ก็ไม่รู้จะโกรธใคร
เหมยเหมยและอู่เชาแลบลิ้นปลิ้นตา ไม่กล้าล้อเล่นกับสองคนนี้อีกแล้วกลัวว่าจะเป็นการไปกวนโมโหเซียวเซ่อ ผู้หญิงคนนี้ไม่น่าต่อกรด้วย
“ยังมีอีกหนึ่งเรื่องพ่อลูกตระกูลซ่งจะข่มขืนอู่เยวี่ยในเวลาเดียวกันได้ยังไง? หรือว่าพวกเธอไม่รู้สึกว่ามันแปลก?” เซียวเซ่อคิดถึงข้อสงสัยอีกอย่างได้อีกหนึ่งข้อ
สยงมู่มู่และอู่เชาหน้าแดง สองคนนี้ก็เป็นเพียงชายพรหมจรรย์ไร้เดียงสา หน้าไม่หนาเหมือนเซียวเซ่อและเหมยเหมยสองสาวนี่หรอก
“ใช่แล้ว ถึงแม้ว่าพ่อลูกตระกูลซ่งจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ก็ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานที่สองพ่อลูกจะทำในเวลาเดียวกันได้ ต่อให้จะซ่อนจิตใจที่ชั่วร้ายเอาไว้แค่ไหนก็ตามแต่ก็แบ่งกันทำก็ได้”
เหมยเหมยดวงตาเป็นประกาย นี่ก็เป็นข้อสงสัยที่ใหญ่ที่สุด
แม้ว่าในโลกนี้จะมีคนมากมายที่เลวเหมือนสัตว์เดรัจฉาน แต่พ่อลูกตระกูลซ่งข่มขืนลูกติด (น้องสาวที่ที่ติดตามมาด้วย) ในเวลาเดียวกัน มันหาได้ยากจริง ๆ
ดังนั้นท้ายที่สุดเพราะอะไรพ่อลูกคู่นี้ถึงได้ทำแบบนั้น?
เห็นได้ชัดว่ามีเวลาตั้งมากมาย จะทำตอนกลางวันกลางคืนก็ย่อมได้ทั้งนั้น ไม่เห็นจะต้องทำช่วงเวลาก่อนกินข้าวเลย อีกทั้งก็ไม่ได้ถูกวางยาด้วย!
“ยังมีกรรไกรเล่มนั้นที่เหอปี้อวิ๋นใช้ฆ่าคน ว่ากันว่ามักจะวางไว้ในครัวเพื่อฆ่าปลา แต่ทำไมวันนั้นมันถึงได้ปรากฏอยู่ในห้องของอู่เยวี่ยได้ล่ะ?” เซียวเซ่อพูดอีกครั้ง
สยงมู่มู่ตบโต๊ะด้วยความโกรธ “พวกตำรวจมันทำอะไรกันอยู่เนี่ย? เห็นได้ชัดว่ามีข้อสงสัยตั้งมากมาย ทำไมไม่สืบสวนต่อไป?”
เหมยเหมยพูดอย่างโมโห “ไม่ใช่เพราะว่าอยากจะลดปัญหาหรือไงล่ะ ถ้าพวกตำรวจไม่ทำเดี๋ยวฉันจะทำเอง!”
…………………………………………