ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 99 ละเมอ
ณ คฤหาสน์ทะเลสาบหมิงเยว่
หลินเฟยเอ๋อร์ประคองเฉินเป่ยชวนที่เดินโซเซอย่างระมัดระวัง หางตามีรอยยิ้มอันลำพองใจผุดขึ้นมา ถังอี้ นายคิดว่าฉันจะกลัวคำขู่ของนายงั้นหรือ
“เป่ยชวนคะ จะถึงบ้านแล้วนะคะ คุณอดทนอีกหน่อยนะ”
เธอล้วงกุญแจประตูใหญ่ของคฤหาสน์ออกมา มุมปากอดไม่ได้ที่จะยกขึ้นมา เมื่อผ่านคืนนี้ไป เธอก็จะเข้ามาใกล้ตำแหน่งคุณนายเฉินอีกขั้นแล้ว ต่อให้เฉินเป่ยชวนคิดว่าเธอใช้เล่ห์กล เธอก็มีข้ออ้างที่เพียงพอที่ว่าตนนั้นไม่ทราบว่าเขาได้กลับไปพักที่คฤหาสน์หลังเก่าตระกูลเฉินแล้ว การส่งเขามาที่ทะเลสาบหมิงเยว่ก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก
เมื่อขึ้นไปยังห้องนอนของชั้นบนแล้ว หลินเฟยเอ๋อร์พยุงเขาเดินมุ่งไปยังเตียงขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลทันที “ระวังนะคะ”
ร่างกายอันบึกบึนของเฉินเป่ยชวนหล่นลงบนเตียงอันอ่อนนุ่มในเวลาต่อมา จากนั้นหลินเฟยเอ๋อร์ก็ทิ้งตัวลงตามโดยล้มลงบนแผ่นอกของเขา “เป่ยชวนคะ ฉันคิดถึงคุณที่สุด แต่ว่าคุณไม่คิดถึงฉันเลย”
เธอมองผู้ชายที่เมาจนไม่ได้สติข้างล่างตนเอง นัยน์ตามีคำร้องทุกข์ผุดขึ้นมา เพราะอะไรเฉียวชูเฉี่ยนคนนั้นจึงได้ครอบครองตำแหน่งคุณนายเฉินได้ ณ เมืองซั่นเป่ยมีเพียงเธอหลินเฟยเอ๋อร์เพียงผู้เดียวที่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้น !
“เฉี่ยนเฉียน……บอกผมมา……คุณรักผม”
เมื่อได้ยินที่เขาพูดละเมอออกมาด้วยความสลึมสลือแล้วนั้น คำร้องทุกข์ที่อยู่ในแววตาของเธอจึงเปลี่ยนเป็นความโมโหขึ้นมาทันควัน เฉินเป่ยชวนฉันรักคุณ ฉันรักคุณมากกว่านังเฉียวชูเฉี่ยนอีก !
ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ตระกูลเฉียว บริเวณรอบ ๆ ขณะนี้เงียบสงัดมาก แม้แต่จิ่งเหยียนก็ยังเข้าไปนอนที่ห้องนอนของตัวเองอย่างว่าง่ายแล้ว ครั้นเฉียวชูเฉี่ยนกลับนอนไม่หลับอยู่บนเตียง
เธอหลับตาลงครั้นในสมองราวกับเป็นเครื่องจักรที่พังแล้วมีเสียงหวืด ๆ ดังขึ้นมาไม่หยุด การได้ยินกลับอ่อนไหวง่ายยิ่งกว่าปกติ เมื่อมีเสียงจากด้านนอกเพียงเล็กน้อยก็จะได้ยินชัดเจนขึ้นเป็นพิเศษ
เขา ยังไม่กลับมา
ภายในใจมีความรู้สึกเจ็บปวดผุดขึ้นมาอย่างพูดไม่ออก ครั้นกลับทำได้เพียงฝืนยิ้มขึ้น ยินยอมให้น้ำตาที่ควบคุมไม่อยู่ไหลรินลงบนผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดไปเรื่อย ๆ ไม่กลับมาก็ดีเหมือนกัน นอกจากความเกลียดชัง ระหว่างเธอและเฉินเป่ยชวนก็ไม่มีความเป็นไปได้อื่นแล้ว
เที่ยงของวันต่อมา เฉินเป่ยชวนเพิ่งตื่นขึ้นมาเนื่องจากความปวดหัว เมื่อเห็นห้องนอนอันคุ้นเคยแล้วจึงขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
“เป่ยชวน คุณตื่นแล้วเหรอคะ ?”
หลินเฟยเอ๋อร์เดินถือถ้วยโจ๊กผักที่เพิ่งเคี่ยวเสร็จเข้ามา บนตัวสวมเสื้อเชิ้ตหนึ่งตัวที่ค้นหาออกมาจากตู้เสื้อผ้า เผยให้เห็นถึงสองขาอันเรียวยาวของเธอ ผิวอันเนียนนุ่มจึงมีความน่าหลงใหลเป็นพิเศษ
เฉินเป่ยชวนหรี่ตาลงเล็กน้อย ครั้นไม่ใช่เกิดจากความพิศวาส ความทรงจำเกี่ยวกับความมึนเมาประปรายแวบเข้ามาในหัว “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ ? เหมือนว่าฉันจะเคยบอกแล้วนะว่าอย่าโผล่หน้ามาหาฉันอีก”
ถ้าหากเธอยังคิดละโมบโลภมากอีกละก็ อย่าว่าแต่ค่าใช้จ่ายในการเลิกราจำนวนร้อยล้านเลย ต่อให้เพียงหนึ่งล้านก็อย่าได้แม้แต่จะคิด
“เมื่อวานนี้หลังจากที่ฉันทำงานเสร็จเลยอยากหาที่ดื่มหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าจะไปเจอคุณเมาเละที่โซ่วจินได้ ถังอี้มีธุระเลยให้ฉันมาส่งคุณกลับบ้านน่ะค่ะ แต่ว่าฉันไม่สบายใจที่จะทิ้งคุณไว้คนเดียวก็เลยอยู่ดูแลคุณทั้งคืน”
สีหน้าอันน้อยใจและน่าสงสารนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายคนใดที่เห็นก็จะต้องหัวใจสั่นคลอน ครั้นผู้ชายที่อยู่บนเตียงกลับยื่นมือไปเลิกผ้าห่มออก เมื่อเห็นภาพที่อยู่ใต้ผ้าห่มแล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันประหลาดใจ “ดูแลยังไง ?”
“……”
สีหน้าของหลินเฟยเอ๋อร์แลร้อนรนใจขึ้นมา ขนตาที่งอนยาวก็ดิ่งลงตาม “เป่ยชวนคะ เมื่อวานนี้คุณเมามาก จับฉันไม่ปล่อยเลย……”
“เพราะงั้นก็เลยเข้าทางเธอพอดี ?”
ดวงตาอันเย็นยะเยือกคู่นั้นเบิกขึ้น เขาเม้มปากแน่นทำให้อากาศที่อยู่รอบ ๆ ราวกับมีหนามงอกออกมาอย่างไรอย่างนั้น ทุกครั้งที่หายใจเข้าก็จะถูกหนามอันเย็นยะเยือกนั้นทิ่มแทงจนเจ็บปวด
“เป่ยชวนคะคุณฟังฉันอธิบายก่อนนะคะ เรื่องเมื่อคืนนี้ฉันสมัครใจเอง ฉันไม่คิดที่จะใช้มันในการต่อรองอะไรเลย”
ขณะที่หลินเฟยเอ๋อร์รีบร้อนอธิบายนั้น น้ำตาก็ไหลรินลงมาจากหางตา ท่าทางอันน่าสงสารสุดขีดของเธอสามารถเรียกได้ว่าเป็นที่สุดของความสามารถในการแสดงละครของเธอ ครั้นเฉินเป่ยชวนกลับทำราวกับมองไม่เห็น เขายื่นมือเข้าไปบีบลำคอของเธอเอาไว้ทันที นิ้วมืออันเรียวยาวที่เต็มไปด้วยพละกำลังราวกับการมาเยือนของยมทูต ไม่มีความสงสารเลยแม้แต่น้อย
“เธอคิดว่าเธอจะต่อรองอะไรฉันได้งั้นเหรอ ?”
แม้จะเตรียมใจเอาไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ครั้นคำพูดที่เยือกเย็นเช่นนั้นทำให้หลินเฟยเอ๋อร์ตัวสั่นเทาอยู่ดี การที่อยู่ข้างกายเฉินเป่ยชวนมาหลายปีแล้วแน่นอนว่าเธอต้องรู้จักนิสัยของเขาเป็นอย่างดี ต่อให้เมื่อคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ ครั้นลำดับต่อไปของเกมนี้เขาจะเป็นผู้ควบคุมเอง
วิธีการอันใดของเธอก็ตามจะดำเนินการอยู่ในขอบเขตที่เขาอนุญาตเท่านั้น ครั้นไม่ใช่การคุกคามอันโง่เขลาแต่อย่างใด
“เป่ยชวน ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเจอคุณ ฉันก็ไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองออกจากการรักคุณได้เลย ฉันไม่กล้าไปคาดหวังมากเกินไป แค่หวังว่าจะได้อยู่ข้างกายคุณเท่านั้นก็พอแล้ว ฉันจะทำให้คุณมีความสุข รับประกันว่าจะไม่กลายเป็นภาระและตัวน่ารำคาญของคุณเด็ดขาด ขอร้องละ อย่าให้ฉันออกจากคุณไปเลยนะคะ ?”
เธอวางถ้วยโจ๊กที่อยู่ในมือลง นัยน์ตาที่มีน้ำตาเอ่ออยู่คู่นั้นเต็มไปด้วยความอ้อนวอน สองแขนอันเรียวยาวยื่นเข้าไปโอบเอวของเขาไว้แล้วเขยิบเข้าไปแนบชิดอ้อมอกของเขาทันที
สันคิ้วของเฉินเป่ยชวนจึงขมวดขึ้นด้วยความเกลียดชัง สายตาจับจ้องไปยังถ้วยโจ๊กที่ร้อนระอุอยู่ เวลาต่อมาความเย็นชาก็เข้ามาแทนที่ “เธออยากอยู่ข้างกายฉัน ?”
“ค่ะ ฉันอยากอยู่ข้างกายคุณ วันเวลาที่ไม่มีคุณฉันไม่รู้เลยว่ามันมีค่าอะไร”
หลินเฟยเอ๋อร์พยายามอย่างสุดความสามารถในการทำให้น้ำเสียงของตนเองเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความรักใคร่ ครั้นเฉินเป่ยชวนกลับอ้าปากบาง ๆ ของเขาขึ้น “อยากเป็นคุณนายเฉินด้วย ?”
“……”
การเอ่ยคำถามเช่นนี้ออกมากะทันหันทำให้หลินเฟยเอ๋อร์ไม่ทราบว่าควรจะตอบเช่นไรดี แน่นอนว่าเธอต้องการที่จะเป็นคุณนายเฉิน จะมีผู้หญิงในเมืองซั่นเป่ยสักกี่คนที่ไม่อยากเป็นคุณนายเฉิน ครั้นเธอกลับไม่กล้าพยักหน้าตอบกลับเขา เธอไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้าเธอได้เลย
“ตอบฉันมา อยากเป็นคุณนายเฉินหรือเปล่า ?”
มือที่บีบคางของเธออยู่นั้นบีบแรงขึ้นกว่าเดิม ผิวสีขาวสะอาดเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมาทันที “ฉัน……ฉันจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง ฉันแค่หวังว่าจะสามารถอยู่ข้างกายคุณได้เท่านั้น”
เธอฝืนตอบกลับไป หัวใจเต้นระรัวเร็วขึ้น ไม่ทราบว่าวินาทีต่อมาเขาจะทำอันใด
“ถ้างั้นฉันจะให้โอกาสเธอ”
ทันใดนั้นเฉินเป่ยชวนก็สะบัดคางของเธอออก หลินเฟยเอ๋อร์เองก็ตกตะลึงกับผลลัพธ์นี้เช่นกัน คิดไม่ถึงว่าตนเองจะวางเดิมพันสำเร็จ
ผู้ชายที่เย่อหยิ่งคนนี้ ต่อให้ได้รับบาดเจ็บก็จะยังดูถูกดูแคลนผู้อื่นอย่างเย่อหยิ่งเหมือนเดิม
“ไสหัวออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ !”
น้ำเสียงอันเย็นชาดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้อารมณ์ความปิติยินดีของเธอกลับคืนมา หลินเฟยเอ๋อร์เดินไปยังหน้าประตูอย่างว่าง่ายราวกับไม่ได้ยินถึงความเกลียดชังในคำว่าไสหัวออกไปอย่างไรอย่างนั้น เมื่อถึงหน้าประตูแล้วเธอยังหันหน้ากลับมาพูดอีกว่า “ฉันเคี่ยวโจ๊กไฟอ่อนให้คุณเมื่อเช้านี้ คุณดื่มเหล้าไปเยอะ กินโจ๊กเข้าไปหน่อยก็จะสบายกระเพาะขึ้นมานะคะ”
สิ้นเสียงเธอก็เดินออกไป เมื่อเทียบกับการกระทำที่เขามีต่อตน สิ่งที่เธอต้องการมากกว่านั่นก็คือคำพูดตอบตกลงเมื่อสักครู่นี้ของเขา
เมื่อประตูห้องนอนถูกปิดลง เฉินเป่ยชวนจึงยื่นมือไปกดบริเวณท้ายทอย เฉียวชูเฉี่ยน ในเมื่อเธอไม่ยินดีที่จะครอบครองตำแหน่งคุณนายเฉินแม้แต่น้อย ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผู้อื่นไปก็แล้วกัน
ภายในคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลเฉิน ท่านผู้หญิงนั่งรอจนถึงตอนเย็นค่อยพบกับเฉินเป่ยชวนเดินเข้าบ้านมา เมื่อเห็นหลานชายของตนเองออกบ้านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ในใจของเธอจึงเดือดดาลขึ้นมาแทบแย่
“เจ้าหลานไม่รู้จักภาษา เมื่อคืนนี้ไปไหนมา ไปอยู่กับใคร ?”
ท่านผู้หญิงกดเสียงให้เบาสอบถามไป และยังไม่ลืมที่จะใช้หางตาเหลือบมองชั้นบน “วันนี้ตอนเช้าเฉี่ยนเฉียนไปบริษัทคนเดียว หลังจากเลิกงานกลับบ้านมาก็ขึ้นห้องไปเลย ไม่พูดไม่จาอะไรแม้แต่คำเดียว”
เด็กสองคนนี้ เมื่อหลายวันก่อนยังดี ๆ อยู่เลย เหตุใดจึงไม่ลงรอยกันอีกแล้ว
“คุณย่าครับ ผมเหนื่อยมาก ขอตัวขึ้นไปนอนก่อนนะครับ”
เฉินเป่ยชวนเงยหน้ามองไปยังห้องนอนชั้นบน ภายในน้ำเสียงมีความเย็นชาซ่อนอยู่
“หลานคนนี้นี่……”
ท่านผู้หญิงยังอยากคุยอะไรด้วยอีก ครั้นสุดท้ายยังไม่ทันใดพูดจบ เขาก็ก้าวขาเรียวยาวเดินขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบนแล้ว
“หยุดนะ !”