ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 75 แรงมาแรงกลับ
เฉียวชูเฉี่ยนที่เพิ่งเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเอื้อมมือไปคว้าแขนเขาไว้ “เรื่องนี้เราไปคุยกับทางโรงเรียนกันเถอะ คุณเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ควรสอนให้เด็กแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้"
แบบนี้เขาเรียกว่าแรงมาแรงกลับ
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องยุ่ง เฉียวจิ่งเหยียน ยังไม่รีบไปอีก”
เขาไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย เพิ่งจะอยู่แค่ป.1 แต่กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถึงพูดคุยกับโรงเรียนไปก็ไม่มีประโยชน์
เจ้าตัวน้อยนึกอย่างสนุก จึงรีบก้าวออกไปหาเด็กพวกนั้นตามรถแต่ละคัน
ใช้เวลาไม่นานพวกเด็กผู้ชายที่เพิ่งรุมทำร้ายเขาก็ถูกลากออกมาจนครบ เฉินเป่ยชวนหรี่ตามองเจ้าเด็กนิสัยเสียทั้งเจ็ดคน
เมื่อทุกคนที่เตรียมจะออกไปในตอนแรกเห็นท่าทางนี้ บวกกับผู้ชายที่ต้องการหยุดอยู่ตรงนั้นที่แค่ยืนอยู่เฉยก็ทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันได้ จึงไม่มีใครกล้าเร่งเขา ทำได้เพียงคอยสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ
“พวกเธอหยิกเฉียวจิ่งเหยียนไปกี่ครั้ง”
เฉินเป่ยชวนไม่ได้ขยับตัวเลย น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นมากจนแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังกลัวจนหัวใจเต้นรัว ขาสั่นไปทั้งสองข้าง นับประสาอะไรกับคู่ต่อสู้ที่เป็นเพียงแค่เด็ก ป.1 ไม่กี่คน
เด็กขี้ขลาดสองสามคนร้องไห้ออกมาในทันที
"ผมหยิกเก้าครั้ง"
"ผมเจ็ดครั้ง"
"…"
เจ้าเด็กอ้วนตัวสั่นและยื่นมือเล็กๆ ที่อ้วนป้อมของเขาออกมา "ผม… ผมห้าครั้ง"
เฉินเป่ยชวนก้มหน้ามองเจ้าตัวน้อยที่อยู่ข้างๆ "พวกเขาหยิกเธอกี่ครั้งเธอก็หยิกกลับไปเท่านั้น"
"…"
เจ้าตัวน้อยชะงักไปนิดหนึ่ง คนนิสัยไม่ดีคนนี้บอกให้เขาไปหยิกคนอื่น?
"เฉินเป่ยชวน คุณสอนเด็กแบบนี้ได้ยังไง" เฉียวชูเฉี่ยนรู้สึกกลุ้มใจเมื่อได้ยินวิธีจัดการของเขา เด็กทะเลาะกันแค่นี้แค่บอกครูก็พอแล้ว เป็นผู้ใหญ่จะไปสั่งให้เด็กทำร้ายพวกเขากลับได้อย่างไร แต่นอกจากเขาจะไม่ฟัง เขายังกำชับอีกว่า "หยิกแรงๆ นะ"
"…"
ใครก็ตามที่ถูกรังแกย่อมต้องไม่พอใจทั้งนั้น เจ้าตัวน้อยตัดสินใจเดินเข้าไปและหยิกพวกเขากลับแรงๆ ตามจำนวนที่พวกเขาเพิ่งบอกมา
ผู้ปกครองของเด็กๆ ที่โดนหยิกอยากจะปกป้องลูกๆ ของตัวเอง แต่ถึงอย่างไรลูกของพวกเขาก็เป็นฝ่ายรังแกลูกของคนอื่นก่อน อีกทั้งฐานะของเฉินเป่ยชวนก็ธรรมดาเสียที่ไหน แม้ว่าจะกล้าหาญกว่านี้สิบเท่าก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งอยู่ดี
ทันทีที่เจ้าตัวน้อยหยิกคืนกลับจนครบเขาก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมากและยืดอกได้อย่างเต็มที่
“ต่อไปถ้าพวกเธอยังกล้าหยิกเขาอีกละก็ รอโดนเอาคืนกลับเป็นสองเท่าได้เลย ได้ยินไหม?”
เฉินเป่ยชวนกวาดตามองเด็กๆ ที่ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลอย่างเฉยเมย เจ้าพวกนี้ยังเด็กอยู่แท้ๆ แต่คิดรังแกคนอื่นเสียแล้ว ถ้าโตไปคงได้กลายเป็นขยะของสังคม
"ได้ยินฮะ" หลังจากเด็กๆ พูดจบพวกเขาก็รีบมุดกลับเข้าไปในรถด้วยความกลัว ผู้ปกครองของเด็กๆ เหล่านั้นอายจนหน้าแดงและรีบมาขอโทษขอโพย "คุณเฉิน พวกเราจะกลับไปสั่งสอนลูกให้ดี ต่อไปจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก"
"ดี ถ้ามีคราวหน้าอีกเรื่องจะไม่จบง่ายๆ แบบนี้แน่ เรากลับกันเถอะ"
เมื่อรถมายบัคขับออกไปจากลานจอดรถ เฉียวชูเฉี่ยนก็หันไปมองลูกชายที่อยู่ข้างกายซึ่งเรียกขวัญและกำลังใจกลับมาได้อีกครั้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าวิธีของเฉินเป่ยชวนก็ไม่ได้มากเกินไปนัก
"เด็กสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยคุณยังเป็นเด็ก ถ้าคุณไปคุยกับโรงเรียนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วครูตักเตือนพวกเขา พวกเขาก็จะกลับมาคิดบัญชีกับจิ่งเหยียนอีกอยู่ดี"
เขาขับรถโดยไม่ได้หันมามอง แต่น้ำเสียงของเขากลับฟังดูเยือกเย็นและมีอำนาจ ถ้าครูในโรงเรียนจัดการได้จริงก็คงไม่มีเรื่องราวการกลั่นแกล้งมากมายที่เกิดขึ้นในโรงเรียน
เฉียวชูเฉี่ยนไม่มีอะไรมาโต้แย้งเขาได้ เขาพูดถูก ถ้าหากเธอพูดคุยกับครูในโรงเรียน เด็กๆ เหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะกลั่นแกล้งจิ่งเหยียนแรงขึ้น ในทางตรงกันข้าม ความกลัวที่เฉินเป่ยชวนใช้ความรุนแรงตอบกลับความรุนแรงในวันนี้คงทำให้พวกเขากลัวจนไม่กล้าก่อเรื่องอย่างวันนี้อีก
และจิ่งเหยียนที่ดูเก็บกดในตอนแรกก็ดูมีความมั่นใจขึ้นมาก
"ขอบคุณนะ"
แม้เธอจะยังรู้สึกว่าวิธีจัดการกับปัญหาแบบนี้ค่อนข้างรุนแรงเกินเหตุไปหน่อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาช่วยจิ่งเหยียนไว้
มุมปากของเฉินเป่ยชวนกระตุกขึ้นเป็นรอยโค้งนิดๆ แต่ริมฝีปากบางของเขากลับพูดกับเจ้าตัวน้อยที่อยู่ด้านหลังว่า "ต่อไปถ้าใครมารังแกเธอ เธอก็สู้เขากลับ ได้ยินไหม?"
"อื้อ"
เจ้าตัวน้อยพยักหน้าอย่างหงึกหงักและเกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจอย่างบอกไม่ถูก พอมองคนที่กำลังขับรถอยู่ข้างหน้า ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้น่ารำคาญอีกต่อไป
เมื่อกลับไปถึงบ้านตระกูลเฉินท่านผู้หญิงก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเจ้าตัวน้อย พอถามดูจึงทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านตบต้นขาของตัวเองอย่างดุเดือด “พ่อของหนูทำถูกแล้ว ถ้าต่อไปนี้ใครกล้ามารังแกหนูอีก ย่าทวดจะไปคิดบัญชีให้หนูเอง"
"…"
เฉียวชูเฉี่ยนทำคอตก ทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงไม่สังเกตนะว่าตระกูลเฉินปกป้องลูกหลานแบบสปอยล์กันขนาดนี้…
“คุณแม่ก็คุณอายุขนาดนี้แล้วนะคะ นอกจากนี้เด็กๆ ทะเลาะกันก็เป็นเรื่องธรรมดา พอโตขึ้นเดี๋ยวก็หยุดทะเลาะกันเอง”
ไม่อยากจะพูดเลยว่าเว่ยชูหรงดีใจแค่ไหนเมื่อได้ยินว่าเจ้าตัวน้อยถูกทำร้าย ทำไมไม่ทุบตีเขาให้ปางตายไปเลยนะ
“ถึงฉันอายุเยอะแต่เขาก็เป็นเหลนของฉัน ไม่ว่าใครก็อย่าคิดมารังแกเขาเด็ดขาด”
ท่านผู้หญิงกระทุ้งไม้เท้าอย่างแรง หากใครกล้ามารังแกเหลนของท่าน ท่านก็จะไม่เกรงใจ
ภายในใจของเว่ยชูหรงรู้สึกโกรธแทบเป็นแทบตาย ยัยแก่ตายยากคนนี้เมื่อตอนที่จิ้นถงถูกรังแกที่โรงเรียนไม่เห็นพูดแบบนี้บ้าง พูดแต่ว่าเด็กผู้ชายทะเลาะกันมันก็ดีแล้ว ไม่มีอะไรเสียหาย ทำไมพอเป็นไอ้เด็กนี่บ้างถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้
ไม่ได้ เธอต้องหาวิธีให้คนมาตรวจสอบให้รู้ว่าพ่อของเด็กคนนี้คือใคร เมื่อถึงตอนนั้นเธอจะเอาผลตรวจมาฟาดหน้าท่านผู้หญิงสักที ดูซิว่าท่านจะยังปกป้องเจ้าคนป่าตัวน้อยนี่อยู่หรือเปล่า
เมื่อนึกตรงนี้แล้วเธอก็หมุนตัวและกลับขึ้นไปชั้นบน เฉียวชูเฉี่ยน คอยดูเถอะ แกกับเจ้าเด็กป่านี่จะไม่ได้ทรัพย์สินอะไรไปสักอย่าง!
“เหลนชายคนโตที่รักของย่าทวด หนูมีย่าทวดกับคุณพ่อคอยสนับสนุนอยู่ตรงนี้ ดังนั้นต่อไปนี้ไม่มีอะไรที่หนูต้องกลัวแล้วนะ”
ท่านอุ้มเหลนชายไว้ในอ้อมแขนอย่างปวดใจ เด็กๆ ในตระกูลเฉินของเธอไม่ได้ไปทำตัวพาลที่โรงเรียนแต่ก็ยังมีคนกล้ามารังแก
“คุณย่าคะ ครั้งนี้เด็กๆ พวกนั้นได้บทเรียนกันไปแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วค่ะ”
กล่าวกันว่าช่องว่างระหว่างวัยสามารถทำร้ายกันได้ คุณย่าและจิ่งเหยียนห่างกันสองชั่วอายุคน เพื่อป้องกันไม่ให้หญิงชราปลูกฝังความคิดที่ว่าเขาจะมีคนคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลาเธอจึงรีบไปนั่งลงข้างๆ ท่านและพูดคุยด้วย
"ไหนๆ พรุ่งนี้ก็เป็นวันเสาร์ จิ่งเหยียนไม่ต้องไปโรงเรียน พวกหนูก็ไม่ต้องไปทำงาน พาลูกออกไปเที่ยวเล่นให้สนุกสนานหน่อยเถอะ เด็กโตขนาดนี้แล้ว วันๆ จะอยู่แต่ในบ้านมันไม่ได้"
เฉียวชูเฉี่ยนเห็นด้วยกับความคิดนี้ เดิมทีเธอวางแผนจะพาเจ้าตัวน้อยออกไปเที่ยวในวันเสาร์อาทิตย์นี้อยู่แล้ว แล้วจิตใต้สำนึกก็สั่งให้เธอหันไปมองเฉินเป่ยชวนโดยอัตโนมัติ ถ้าเขาไปด้วยได้ก็คงจะดี
“พรุ่งนี้ผมต้องเจรจากับลี่จิ่งเกี่ยวกับเรื่องซื้อกิจการครับ”
คำตอบของเฉินเป่ยชวนทำให้เธอถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว แววตาของเจ้าตัวน้อยที่อยู่ข้างๆ ก็ดูผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
“เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูจะพาเขาไปสวนสนุกเองค่ะ จิ่งเหยียน ถึงเวลาทำการบ้านแล้วนะ”
เฉียวชูเฉี่ยนรีบคว้ามือลูกชายกลับไปที่ห้องอย่างรวดเร็ว เฉินเป่ยชวนขมวดคิ้วขณะที่มองตามแผ่นหลังของพวกเขาที่ขึ้นไปชั้นบน
วันรุ่งขึ้นในห้องประชุมของสำนักงานใหญ่เฟิงฉิง ผู้รับผิดชอบของบริษัทลี่จิ่งและผู้เข้าร่วมการเจรจาต่างนั่งอยู่ที่โต๊ะประชุม สีหน้าของพวกเขาดูไม่ค่อยผ่อนคลายนัก
"ประธานเฉิน เราให้ราคาต่ำกว่านี้ไม่ได้แล้ว แม้ว่าลี่จิ่งจะมีปัญหาเรื่องระบบเงินทุน แต่ลูกค้าและโครงการของเราก็ยังอยู่ ราคาที่เฟิงฉิงเสนอมาอาจจะต่ำเกินไปหน่อย"