เดิมเธอคิดว่าเดินออกจากห้องฉุกเฉินแล้วจะรอด แต่ไม่คิดว่าคนที่ต่อคิวอยู่ข้างนอกจะมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ พวกเขามองราวกับเธอมีงานอดิเรกที่ไม่ดีอย่างนั้นล่ะ
คุณย่าเอ๊ย ถึงเธอจะไม่เคยกินเนื้อหมูก็จริง แต่ไม่ได้เป็นคนมุสลิม ไม่ได้มีงานอดิเรกอะไรเป็นพิเศษ เข้าใจไหม!
พอจ่ายค่าใช้จ่ายอย่างหดหู่ใจเรียบร้อย เธอถึงค่อยมาประคองถังอี้เข้าห้องตรวจ หลังจากที่ตรวจเสร็จแล้วคุณหมอก็พูดออกมาว่า “ไม่ได้เป็นอะไร”
ออกจากโรงพยาบาลมา ถังอี้ก็กลั้นเสียงหัวเราะจนสะเทือนไปถึงบาดแผลภายใน เมื่อครู่นี้ตอนที่หมอหญิงสูงวัยท่านนั้นพูด สีหน้าเธอชวนหัวเราะมากจริงๆ
“ถังอี้ คุณอยากตายใช่ไหมคะ”
เธอล้วงเอากระบองช็อตไฟฟ้าออกมาแล้วจ้องชายหนุ่มข้างๆ อย่างอัดอั้นตันใจ ตัวเองโตจนป่านนี้ยังไม่เคยขายหน้าผู้คนขนาดนี้มาก่อน แล้วยังถูกสงสัยว่ามีงานอดิเรกพิเศษๆ อีก มาสงสัยสาวแก่ทึนทึนที่แสนบริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างนี้มันน่าสนุกมากนักหรือ!
พอเห็นของเกือบจะเข้าใกล้ถึงตัวแล้ว ถังอี้ก็ออกตัวว่ายอมแพ้แล้วเว้นระยะห่างต่อกันในทันที
“อย่าทำอย่างนี้สิครับ ของชิ้นนี้รสชาติแย่มากจริงๆ นะ ถ้าเธอช็อตอีกทีล่ะก็ คงได้ช็อคตายจริงๆ แล้ว”
ไม่รู้เป็นไอ้น่าตายตัวไหนถึงกล้าวิจัยของประเภทนี้ออกมา ถึงเขาจะอยากได้ความรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านตลอดตัว แต่ไม่ใช่แบบนี้เสียหน่อย
เหยียนสือเซี่ยทบทวนคำพูดเขาอยู่พักหนึ่ง เวลานี้ถึงยอมเก็บกระบองช็อตไฟฟ้า ช็อตเขาไปสองรอบ เงินในกระเป๋าก็ปลิวออกไปครึ่งหนึ่งแล้ว ถ้าช็อตอีกรอบค่าอาหารมื้อนี้คงไม่เหลือเป็นแน่
“ใครใช้ให้คุณทำตัวลับๆ ล่อๆ สะกดรอยตามฉันมาล่ะคะ ไฟช็อตตายก็สมควรแล้ว”
ผิดแล้ว นายคนนี้ปกติจะยืนรออยู่หน้าประตู วันนี้จู่ๆ เกิดทำอะไรพิเรนทร์ๆ ขึ้นมา แสดงว่าจะต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ
“คุณสะกดรอยตามหลังฉันมาคิดจะทำอะไรหรือคะ?”
พอถูกเธอจ้องมองด้วยความสงสัย ถังอี้รู้สึกขี้ขลาดอยู่บ้าง เขาจะบอกได้ไหมว่าเขาวางแผนจะทำเป็นดื่มเหล้าเมาแล้วสร้างวีรกรรมจับกด?
“นั่น……ผมคิดจะเซอร์ไพรส์ทำทีมาปรากฎตัวต่อหน้าคุณนะครับ”
เขาหรี่ตาพูดโกหกออกไป น่าตายนัก เขาไม่อาจยอมรับได้ว่าตัวเองยังไม่ทันเริ่มแผนการก็มาถูกไฟช็อตจนเกือบตายแบบนี้แล้ว
เซอร์ไพรส์นะหรือ? เหยียนสือเซี่ยไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด สายตาส่อแววสงสัยมากขึ้น นายคนนี้คิดจะอาศัยความมืดเอาเปรียบเธอหรือเปล่านะ
“ในเมื่อคุณหมอก็บอกแล้วว่าคุณไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อนนะคะ”
เธอโหมงานติดต่อกันมาสองวันแล้วตอนนี้จึงต้องเติมกำลังเสียหน่อย ไม่อย่างนั้นคงได้เหนื่อยจนตายไปจริงๆ
“คุณจะกลับไปแบบนี้หรือครับ? ตอนนี้ผมเป็นผู้ป่วยอยู่นะครับ ถึงอวัยวะภายในผมจะไม่เสียหาย แต่หัวใจผมก็ถูกทำร้ายและเจ็บปวดอยู่นะครับ คุณจะไม่อยู่ปลอบใจผมสักหน่อยหรือ จะว่าไปคุณก็เป็นแฟนผมนะครับ!”
แฟนสาวที่เขาถึงขนาดยอมโดดตึกลงมาโดยไม่เห็นแก่ชีวิต ก็ควรจะช่วยนวดๆ คลึงๆ เขาอย่างอ่อนโยน พูดคำหวานกับเขาทำนองนี้ว่า ที่รัก เมื่อกี้ฉันไม่ดีเอง ฉันไม่ทันเห็นคุณ อะไรแบบนี้ไม่ใช่หรือ?
“คุณอยากจะให้ฉันปลอบใจคุณหรือคะ? ปลอบอย่างไรดี? ใช้เจ้านี่ไหม?”
เหยียนสือเซี่ยหยิบกระบองช็อตไฟฟ้าออกมาอีกรอบ ยิ้มแหะๆ พอถังอี้เห็นเจ้าสีชมพูอันเล็กๆ ในมือเธอ ในใจก็อดค่อนขอดไม่ได้ สมกับที่ว่าของยิ่งน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มจะยิ่งมีพลังในการทำลายล้างสูงมาก
“ผมแค่ล้อเล่น คุณก็เห็นว่าผมมาแล้ว ผมก็ต้องส่งคุณกลับบ้านสิ จริงไหม? ดึกแล้วนะ คุณกลับบ้านคนเดียวไม่ปลอดภัยหรอกครับ”
ถังอี้ยิ้มประจบเข้าสู้ แล้วเดินไปเปิดประตูรถเธอ
“คุณจะขับรถฉันเพื่อส่งฉันกลับบ้าน หยอกฉันเล่นหรือเปล่าคะ? ยิ่งกว่านั้นคุณยังดื่มจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว?”
หากออกเดินทางไปแบบนี้ไม่แน่เธออาจจะได้ไปนอนแผ่บนท้องถนนก่อนที่จะถึงกลับบ้าน
“งั้นคุณขับรถส่งผมกลับบ้านนะครับ ที่รัก ผมรู้สึกเหมือนแอลกอฮอล์จะเข้าไปทำพิษกับร่างกายผมแล้ว”
จะอย่างไรถังอี้ก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านความรัก เขาสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้โดยไม่สะดุดแม้แต่น้อย แถมยังยิงตาออดอ้อนมาให้อีก
แผนแรกล้มเหลว เขายังมีแผนสอง
“คุณก็มีปาก มีเท้านี่คะ เรียกรถกลับไปก็ได้”
จากตรงนี้ถึงบ้านเขา ไปกลับหนึ่งชั่วโมงยังไม่ได้เลย เกิดรถติดขึ้นมาฉันไม่ต้องทานข้าวกันพอดี
“เฮ้อ งั้นผมไปโรงพยาบาลตรวจร่างกายอีกทีดีกว่า ทำไมผมรู้สึกปากชาๆ เหมือนจะพูดไม่ได้นะ ขาก็อ่อนจนไม่มีเรี่ยวแรงเลย”
“ฉันส่งคุณกลับบ้านค่ะ”
เหยียนสือเซี่ยได้ยินเข้าก็รีบตอบรับทันที เธอรู้เจตนาของตาหมอนี่หมดแล้ว ก็แค่จะมาถลุงเงินในกระเป๋าเธอนี่เอง หากเข้าไปตรวจร่างกายอีกคืนนี้เธอได้กินแกลบแน่
แผนงานบรรลุผล ถังอี้ก็อ้อมไปขึ้นรถโดยไม่พูดอะไรสักคำ ไม่มีอาการแข็งขาอ่อนแรงแสดงให้เห็นแม้แต่นิดเดียว
รถขับออกจากฝั่งด้านหลังของอาคารสำนักงานทนายความเข้าสู่ท้องถนน เหยียนสือเซี่ยเหยียบคันเร่งไม่เบานัก แถมยังเบรกรถแรงๆ อีกด้วย ด้วยเหตุนี้การขับรถจึงเป็นแบบเดี๋ยวเร่งเดี๋ยวเบรกไปตลอดทางอย่างสมบูรณ์
“ที่รัก คุณขับรถเป็นปกตินิสัยแบบนี้หรือครับ?”
ถังอี้คาดเซฟตี้เบล อดไม่ได้ที่จะเอามือจับขอบหน้าต่างเอาไว้ เมื่อก่อนไม่เคยนั่งรถเธอมาก่อน ไม่คิดเลยว่าเธอจะขับรถได้……แบบนี้
“ทำไมคะ ถ้าไม่ชินกับการขับรถของฉันก็ลงไปเรียกรถเองแล้วกัน”
เหยียนสือเซี่ยจ้องตาอย่างไม่เกรงใจ วันนี้ตานี่มาจับผิดแล้วแบล็คเมล์กันชัดๆ จะให้นั่งอย่างสบายๆ ได้อย่างไรกัน
เดิมกระเพาะอาหารที่เต็มไปด้วยไวน์เมื่อถูกไฟช็อตก็ย่ำแย่พออยู่แล้ว ยังต้องมาทรมานบนท้องถนนเช่นนี้อีก ถังอี้ที่มีใบหน้างดงามราวดอกท้อผู้หญิงเห็นก็ต้องร้อง เฮ้อ ออกมา หน้าเปลี่ยนสีอย่างกลั้นไม่อยู่ ผู้หญิงคนนี้จงใจเอาคืนเขาสินะ
ในที่สุดรถก็มาจอดอยู่ข้างๆ คฤหาสน์ได้เสียที เหยียนสือเซี่ยหันไปเห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ยังไม่รีบลงจากรถ ก็เลิกคิ้วน้อยๆ “ยังไม่ลงรถอีกหรือคะ?”
“ขาผมอ่อนแรง ดูท่าคงต้องขอแรงคุณช่วยประคองผมเข้าไปให้หน่อยนะครับ”
ถังอี้ส่งรอยยิ้มอันน่าหลงใหลออกมา ไม่เชื่อหรอกว่าเสน่ห์ของเขาจะเอาผู้หญิงคนนี้กลับห้องไปไม่ได้
“แสแสร้งให้มันน้อยๆ หน่อย รีบลงจากรถไปได้แล้วค่ะ”
เหยียนสือเซี่ยทำหน้าตึงใส่ ตอนขึ้นรถเมื่อครู่นี้ยังไม่เห็นขาเขาอ่อนแรงเลย นั่งอยู่ตั้งนานมาตอนนี้กลับอ่อนแรงเสียแล้ว?
“ที่รัก คุณบอกผมมาหน่อย ทำไมถึงคุณจะไม่อ่อนโยนกับผมแบบนี้ ผมก็ยังรู้สึกว่าคุณในตอนนี้ดูน่ารักได้ล่ะ?”
คนบางคนเดิมคิดจะเอาใจด้วยคำพูดไพเราะอ่อนหวานพอได้ยินเธอพูดแบบนี้ก็เปลี่ยนคำพูดใหม่เป็น น่ารัก ชมผู้หญิงวัยสามสิบว่าน่ารัก จะไม่มีรักไม่หลงไปได้อย่างไร
ขณะที่กำลังจะถีบคนลงจากรถ ก็มีใครบางคนจู่ๆ ก็เข้ามาอยู่ตรงหน้า ทำให้เธอตกใจหมดเลย
“ถังอี้ คุณเสียสติไปแล้วหรือ?”
“เพื่อคุณอย่าว่าแต่เสียสติเลย ให้กลายเป็นปัญญาอ่อนผมก็ยินดี”
สิ่งที่ถังอี้พูดเรียกว่าเป็นการแสดงความรักที่จริงใจอย่างหนึ่ง อีกทั้งยังคุมระยะห่างระหว่างคนสองคนให้อยู่ในหนึ่งเซนติเมตรอย่างสมบูรณ์ สาวน้อยเอ๋ย ค่อยๆ ถลำเข้ามาในมนต์เสน่ห์อันดับหนึ่งไม่มีสองของฉันเสียโดยเร็ว
จมูกแหลมคมพ่นลมหายใจออกมาเป็นกลิ่นไวน์แดง ทำให้เหยียนสือเซี่ยหน้าแดงก่ำเล็กน้อย ยืนซะใกล้ขนาดนี้ หากเธอไม่ระวังจะต้องชนกันแน่ เส้นประสาทเกิดการเกร็งตัวจนเธอต้องเหล่ตาขึ้นมองก็ว่าได้!
“คุณก็คือจุดหมายปลายทางที่ถูกลิขิตไว้ของผม เพราะคุณผมถึงรู้สึกว่าโลกทั้งใบดูสวยงามขึ้น จากนั้นก็หายไป เป็นเพราะสายตาผมเห็นเพียงคุณคนเดียวเท่านั้น”
MANGA DISCUSSION