ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 195 ชีวิตนี้ช่างอยู่ยากเหลือเกิน!
ถูกพูดซะขนาดนี้ใบหน้าของชายคนหนึ่งก็เริ่มกลั้นไม่อยู่ ถังอี้รินแก้วตรงหน้าจนเต็ม แล้วดื่มลงไปทีเดียว
“อย่างกับเพื่อนของนายไม่ใช่มืออย่างนั้นล่ะ”
ทั้งสองคนสบตากันด้วยสีหน้าที่ต่างกัน เฉินเป่ยชวนเอื้อมมือไปหยิบแก้วสะอาดที่อยู่ข้างๆ จากนั้นชายสองคนก็ก้มหน้าก้มตาดื่มไวน์ที่เหลืออยู่ครึ่งเดียวจนหมดภายในไม่กี่นาที
“ไวน์ดีที่สุดของฉัน หมดเร็วขนาดนี้เลยเหรอ”
หลายปีมานี้เขามีงานอดิเรกอยู่สองอย่าง หนึ่งคือสะสมผู้หญิง อีกอย่างหนึ่งคือสะสมไวน์ชั้นดี
ตอนนี้ยิ่งดีใหญ่ ผู้หญิงที่เขาสนใจและสะสมเอาไว้ถูกเหยียนสือเซี่ยจัดการไปหมดแล้ว ไวน์ชั้นดีหายากก็ถูกเฉินเป่ยชวนดื่มจนหมด
ชีวิตนี้ช่างอยู่ยากเหลือเกิน!
“นายเคยอยากจะบีบเหยียนสือเซี่ยให้ตายบ้างไหม?”
เฉินเป่ยชวนทำเป็นไม่ได้ยินเสียงบ่นของเขา เขาเชื่อว่าตนเองมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์มาโดยตลอด แต่ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ชื่อเฉียวชูเฉี่ยนนั่น ความอดทนอดกลั้นคอยแต่จะหายไปเสมอ เขาควบคุมอารมณ์โกรธและความฉุนเฉียวในใจไม่ได้เลย
สีหน้าเจ็บปวดของถังอี้แปรเปลี่ยนไป ราวกับหาจุดสมดุลขึ้นมาได้ “นายก็มีความรู้สึกแบบนี้เหมือนกันหรือ? ใช่อยากจะบีบเธอให้ตายแต่ก็ทำไม่ลงใช่ไหม?” อยากจะกดเธอแต่กลับไม่อยากให้เธอต้องน้อยเนื้อต่ำใจและเสียใจ?
“ใช่ถึงเธอจะทำตัวร้ายกาจใส่ก็ยังสุขใจ จะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าเธอน่ามองไปหมด?”
“ตกต่ำ”
ถังอี้เบนสายตามามองเหยียดๆ อย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้ “นายคิดจะมาถกเรื่องตกต่ำกับฉันบนเขาหวาซานหรือ?”
เขาเริ่มตกต่ำที่สุดมาไม่กี่เดือนนี่เอง แต่สหายข้างตัวนี่สิเริ่มมากี่ปีแล้ว เราสองคนก็ครือๆ กันนั่นล่ะ ยังจะมาแบ่งแยกว่าใครตกต่ำกว่าให้เจ็บปวดและโมโหกันไปเปล่าๆ
เฉินเป่ยชวนขมวดคิ้วมองแก้วของตัวเอง จากนั้นก็เหยียดเท้าไปเตะน่องเพื่อนทีหนึ่ง “เอามาอีกขวดสิ”
“ไม่มีแล้ว ไวน์ชั้นดีๆ ของฉันโดนนายดื่มไปหมดแล้ว”
ถังอี้รีบทำหน้าถึงถูกทุบตีจนตายก็จะไม่ยอมจำนนเด็ดขาดทันที ไวน์หายากของเขาต้องค่อยๆ ลิ้มรสอย่างเงียบๆ ในยามค่ำคืนสิ ไม่ใช่มาแบบไอ้ขี้เมาที่ดื่มกันเป็นแก้วๆ อย่างนั้น
“เอามา”
น้ำเสียงเหน็บหนาวลอยมา ใบหน้าหล่อเหลาบ่งบอกอาการคุกคามอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าถ้าเขากล้าพูดคำว่า ไม่ ออกมาก็ต้องรับผิดชอบในคำพูดของตัวเอง แรงสั่นสะเทือนนี้ก็ยังมีอยู่
“ช่างเถอะ เห็นแก่ไมตรีของพวกเราที่ใส่กางเกงตัวเดียวกันมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่เหลือขวดเดียวแล้วจริงๆ นะ!”
เขาหยิบไวน์ชั้นดีหายากขวดสุดท้ายมาจากที่ลับแห่งหนึ่งอย่างไม่ยินยอม ในใจเหมือนมีเลือดไหลซิกๆ
พอเปิดขวดมา ก็มีกลิ่นหอมเฉพาะของไวน์แดงลอยออกมา เฉินเป่ยชวนสูดดมเบาๆ อารมณ์ร้อนใจก็ค่อยๆ สงบลง
เขาริมไวน์ให้ตัวเอง แต่ไม่ได้รีบๆ ดื่มเหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว
หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน ริมฝีปากบางก็เริ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ฉันเหมือนพ่ายแพ้อยู่ในกำมือของเฉียวชูเฉี่ยนแล้ว”
ถังอี้แทบจะพ่นไวน์แดงในปากออกมา ทีแรกยังคิดจะดื่มด่ำกับรสชาติที่อยู่ในปากแต่ไม่ทันเสียแล้ว พอกลืนลงคอไปอึกหนึ่ง มุมปากอันน่าหลงใหลก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“นายเพิ่งรู้หรือ”
เจ็ดปีมานี้ไม่มีผู้หญิงข้างกายสักคนที่ทำให้เขาใส่ใจมาก่อน แค่จุดนี้ก็แพ้ไปก่อนแล้ว มาตอนนี้ถึงค่อยยอมรับว่าตัวเองพ่ายแพ้ ปากแข็งจริงๆ
“นึกไม่ถึงว่ายัยโง่นี่จะคิดว่าเฉินจิ้นถงเป็นคนดี”
วันนั้นน่าจะปล่อยให้เธอดื่มน้ำผลไม้จนแผดเผาไปทั้งตัวด้วยไฟปรารถนา จากนั้นก็ให้เขาลงมืออีกครั้งจริงๆ เลย
“น้องชายนายคนนั้นโคตรเสแสร้งเลย นายยังจำได้ไหม ตอนเด็กๆ นายมีหุ่นยนต์
ทรานฟอร์เมอร์อยู่ตัวหนึ่ง ปากเขาบอกว่าไม่อยากได้ แต่ลับหลังกลับแอบแกะหุ่นยนต์ แล้วถอดชิ้นส่วนสำคัญโยนลงถังขยะไป”
เรื่องนี้ผ่านมาหลายปีมากแล้ว ตอนนั้นพวกเขายังห้าหกขวบอยู่ ส่วนเฉินจิ้นถงในตอนนั้นเพิ่งจะสามขวบเองก็ทำเรื่องแบบนี้ได้แล้ว เท่ากับเสแสร้งมาแต่เด็ก พอโตมาก็มือโปรเลย”
“เธอเชื่อผู้ชายคนนั้น แต่ไม่เชื่อฉัน”
เพื่อลู่ฉี เธอจากไปเจ็ดปี เพื่อเฉินจิ้นถง เธอประชดว่าตัวเขาโดดเด่นกว่าคนอื่น
แววตาถังอี้ปรากฏรอยยิ้มมีเลศนัยออกมา “นายรู้ไหมว่าตอนนี้นายกำลังทำอะไรอยู่? หึง! หึงอย่างหมดเปลือกเลย”
พูดจบก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง เฉินเป่ยชวนแห่งซั่นเป่ย เทพผู้ไร้พ่าย คาดไม่ถึงว่าเขาจะมาจิบไวน์ไปด้วยหึงไปด้วยแบบนี้ คิดแล้วก็ให้รู้สึกขำขันเป็นพิเศษ
“……”
สีหน้าที่ย่ำแย่มาตลอดดูมืดมัวลง คิ้วก็ขมวดมากยิ่งขึ้น เขาหึงได้อย่างไร ยังไปหึงผู้ชายสองคนที่สู้ตัวเองไม่ได้อีกด้วย
“อย่าปฏิเสธเลย นายหึงลู่ฉี เพราะเขากับเฉียวชูเฉี่ยนเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกัน เจ็ดปีก่อนเขาก็อยู่เคียงข้างเธอเป็นประจำ ส่วนเฉินจิ้นถง นายหึงที่เขาสามารถอาศัยสิ่งจอมปลอมเพื่อเข้าใกล้เฉียวชูเฉี่ยนได้ แถมยังทิ้งความทรงจำดีๆ เอาไว้ให้อีก เขาสามารถทิ้งความทะนงได้ดีกว่านายเสียด้วย”
สมกับเป็นพี่น้องที่สวมกางเกงตัวเดียวกันมาแต่เด็กจริงๆ พอพูดทีแทงทะลุถึงใจเขาเลย เฉินเป่ยชวนขมวดคิ้วมากขึ้น
เขาหึงจริงๆ ด้วย หึงลู่ฉีที่ได้อยู่กับเธอมานานหลายปี หึงเฉินจิ้นถงที่ทำให้เธอประทับใจได้
“ในฐานะพี่น้อง ฉันขอแนะนำวิธีหนึ่ง จะรับมือกับผู้หญิงต้องทำหน้าให้หนาๆ เข้าไว้ หน้านายยิ่งหนาเธอยิ่งชอบนายมากขึ้น ตอนเช้าให้วางความทะนงของผู้ชายเอาไว้ พอตกเย็นแล้วค่อยเก็บขึ้นมา อยู่หมัดแน่นอน!”
เมื่อหันไปเจอมือของเพื่อนเขาที่กำลังให้ความรู้ สั่งสอน และตอบคำถามแตะอยู่บนไหล่ เฉินเป่ยชวนก็ปัดมือของเพื่อนเขาออกไปด้านข้างอย่างรังเกียจ “ขอถาม ถ้าตอนกลางวันโยนความทะนงของนายทิ้งลงมหาสมุทรแอตแลนติก ตอนเย็นจะนั่งเรือไปเอากลับมาไหม?”
อย่านึกว่าเขาไม่รู้ ที่หน้าประตูทางเข้าสำนักงานของทนายเหยียนสือเซี่ยจะมีคนขับรถส่วนตัวแซ่ถัง พร้อมบริการส่งดอกไม้ถึงมือทุกวัน
“……”
“นั่นคืออุบายของฉัน อุบายน่ะนายเข้าใจหรือเปล่า อีกหน่อยก็ต้องเอากลับมา”
พอถูกคนเปิดเผยความจริง ถังอี้ก็พยายามหาเหตุผลมารักษาหน้าของตัวเอง รอให้ผู้หญิงคนนั้นรักเขาแน่นอนเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นเขาจะเก็บความทะนงของตัวเองกลับมา
“อุบายของนายลึกซึ้งยิ่งนัก!”
“……”
พี่น้องที่ร่วมดื่มไวน์กันเมื่อสักครู่ ภายในพริบตาก็เริ่มโจมตีกัน ถังอี้รีบตอบกลับด้วยความยินดี “นายอย่ามาพูดถึงฉัน นายต่างหากที่ไม่ได้ใช้อุบายมานานมากแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า”
ถังอี้ปิดท้องหัวเราะเสียงดังออกมา ต่างฝ่ายต่างทำร้ายก็ทำร้ายสิ ใครกลัวใครกันล่ะ
เฉินเป่ยชวนขมวดคิ้วลุกขึ้นยืนจากโซฟา “นายพูดผิดแล้ว ครึ่งเดือนที่แล้วฉันยังใช้อยู่เลย”
“……”
อะไรนะ? เมื่อครึ่งเดือนก่อนไอ้หมอนี่เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลอยู่เลย จะใช้ไปได้อย่างไร สีหน้างงไปเลยขณะมองเพื่อนตัวเองเดินจากไป ถังอี้ลุกขึ้นพูดอย่างช้าๆ “นายใช้กับใคร?”
เขามองร่างที่เดินออกไปไกลแล้วอย่างแปลกใจ Shit เขาทำกับใคร? เฉียวชูเฉี่ยนหรือ?
“คุณชาย ไม่มีการเปรียบเทียบก็ไม่มีความเจ็บปวด!”
เขานั่งลงบนโซฟาอย่างเจ็บปวดใจ หากแต่ก้นยังไม่ทันแตะโดนโซฟาก็ยืนขึ้นมาแล้ว
“ไม่ได้ ฉันต้องแซงหน้าไปก่อนสิ”