ดังนั้นจะออกมาได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับเฉินเป่ยชวน
เฉียวชูเฉี่ยนก้มศีรษะจนมองไม่เห็นอารมณ์บนใบหน้า ถ้าเฉินเป่ยชวนจะวางแผนลงมือกับเฉินจิ้นถงจริงก็น่าจะลงมือไปนานแล้ว ทำไมถึงเลือกทำในช่วงเวลาแบบนี้?
ขณะที่เธอกำลังสับสนกับความคิดอยู่กลับไม่รู้เลยว่าที่ใต้ตึกของเขตชุมชนได้มีรถมายบัคของเฉินเป่ยชวนมาจอดอยู่ข้างๆ พุ่มไม้ แสงเงาในยามค่ำคืนมีผลต่อการมองเห็น พอเจอกับดวงไฟในท้องถนนที่สลัวๆ ก็ทำให้ดูเป็นเงาตะคุ่มๆ ออกมา
มือข้างหนึ่งวางอยู่บนหน้าต่างรถ ในมือถือซิการ์เอาไว้ แต่เฉินเป่ยชวนกลับไม่มีทีท่าว่าจะสูบซิการ์ ร่างกายของเขาในตอนนี้ต้องออกห่างจากบุหรี่ สุรา อาหารที่ดิบและเย็น แต่บางครั้งเขาก็ยังชินกับการจุดซิการ์ เพื่อสูดดมนิโคตินในขณะคิดบางสิ่งอยู่
“ท่านประธาน”
หลินผิงเดินออกมาจากทางเดินที่มืดมิด จากนั้นก็เดินมานั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ
“ทนายของเฉินจิ้นถงจ่ายค่าปรับ เตรียมจะพาคนออกไปแล้วครับ พวกเราจะปล่อยเขาไปหรือไม่ครับ?”
หากบอสไม่คิดจะให้เฉินจิ้นถงออกจากสถานกักขังผู้ต้องสงสัย ซ่องโสเภณีนั่นก็จะกลายเป็นซ่องโสเภณีสำหรับเล่นยาไป ถึงตอนนั้นทางสถานกักขังผู้ต้องสงสัยก็จะต้องให้อยู่ต่ออีกสักพัก
“ปล่อยเขาออกไป”
เฉินเป่ยชวนเงยหน้ามองไปที่ๆ หนึ่ง จากนั้นก็ถอนสายตากลับมายิ้มเยาะ กลับทำให้หลินผิงเกิดอาการสับสน
“พวกเรามีหลักฐานการตายของหลินเฟยเอ๋อร์แล้วนะครับ ทำไมบอสถึงไม่ใช้โอกาสนี้……”
ได้มีการค้นพบแหล่งที่มาของยากล่อมประสาทบนตัวหลินเฟยเอ๋อร์ และยังแน่ชัดแล้วว่าบุคคลที่เอามาให้ก็คือเฉินจิ้นถงนั่นเอง หลักฐานเหล่านี้สามารถนำมาชี้ตัวว่าเขาเป็นคนฆ่าหลินเฟยเอ๋อร์ได้แล้ว
“ไม่ต้องรีบร้อน เกมบางเกมค่อยๆ เล่นจะสนุกกว่า”
เขาโยนซิการ์ในมือลงพื้น แล้วขับรถจากไป เขาสามารถใช้การตายของหลินเฟยเอ๋อร์มาทำให้เฉินจิ้นถงเข้าคุกได้ แต่จะสะเทือนไปถึงคุณย่าไม่มากก็น้อย สิ่งสำคัญที่สุดคือเขายังมีเรื่องหนึ่งที่จะต้องทำให้ชัดเจนเสียก่อน
เฉียวชูเฉี่ยนส่ายศีรษะอย่างง่วงเหงาหาวนอน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเองจ้องทีวีนานเกินไปหรือง่วงจนหูแว่วไปเองถึงได้ยินเป็นเสียงรถของเฉินเป่ยชวน
เธอดูหมิ่นตัวเองอยู่ในใจสามรอบติดๆ กัน จากนั้นจึงลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนไป
เหยียนสือเซี่ยก็ลุกจากโซฟาแล้วรีบเดินไปยังหน้าต่างที่ยาวถึงพื้น เธอมองไกลๆ เห็นเป็นรถคันหนึ่งกำลังออกจากประตูทางเข้าหมู่บ้านไปอย่างรวดเร็ว
เฉียวชูเฉี่ยนที่นอนเต็มอิ่มไปหนึ่งตื่นก็ยืดตัวบิดขี้เกียจ จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมามองแวบหนึ่ง หัวข้อข่าวหน้าหนึ่งก็คือข่าวเฉินจิ้นถงออกจากสถานกักขังผู้ต้องสงสัยแล้ว
“……”
คาดไม่ถึงว่าเฉินเป่ยชวนจะปล่อยเฉินจิ้นถงไปแบบนี้
“หม่ามี๊ออกมาทานข้าวเช้าได้แล้วครับ”
เสียงเฉียวจิ่งเหยียนดังมาจากนอกประตู เธอตอบ อืม ไปคำหนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป
“หม่ามี๊ วันนี้พวกผมมีวิชาสเกตภาพนอกสถานที่ด้วยล่ะครับ”
ก้นเพิ่งแตะถึงเก้าอี้ เจ้าตัวน้อยก็พูดน้ำเสียงเคร่งขรึมออกมา รถที่เห็นตรงหน้าประตูเมื่อครั้งก่อนถ้าหากเป็นคนไม่ดี วิชาสเกตภาพนอกสถานที่ในวันนี้ก็ดูท่าจะไม่ปลอดภัยเสียแล้ว
“……”
เฉียวชูเฉี่ยนสีหน้าลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง เทอมนี้มีวิชาสเกตภาพนอกสถานที่อยู่แค่วิชาเดียว หากไม่เข้าร่วมก็น่าเสียดายแย่ แต่ความปลอดภัยของเฉียวจิ่งเหยียนก็เป็นปัญหาเช่นกัน
“ก็แค่วิชาสเกตภาพไม่ใช่เหรอ จะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมไม่เห็นสำคัญตรงไหน ก็แค่วาดรูปดอกไม้ใบหญ้าเท่านั้นเองนี่?”
เหยียนสือเซี่ยยกอาหารเช้ามาวางบนโต๊ะไปด้วยพูดอย่างไม่อนาทรร้อนใจไปด้วย
“ปรมาจารย์ทุกคนในโลกนี้ก็เริ่มมาจากการวาดภาพดอกไม้ใบหญ้าทั้งนั้นล่ะ”
วิชาวาดภาพเป็นวิชาโปรดของเขามาโดยตลอด อีกทั้งเทอมนี้มีวิชาสเกตภาพนอกสถานที่แค่คาบเดียว เขาอยากเข้าร่วมจริงๆ
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ถึงตอนนั้นหม่ามี๊ไปที่ที่พวกลูกสเกตภาพ อยู่เป็นเพื่อนลูกจากระยะไกลก็แล้วกัน”
เฉียวชูเฉี่ยนส่งสายตาสลับซับซ้อนมาให้ จากนั้นก็ยื่นแซนวิชที่ทำเสร็จแล้วส่งให้เจ้าตัวน้อย
“งั้นก็ตกลงตามนี้ครับ หม่ามี๊อย่าปล่อยให้ผมรอหม่ามี๊จนเก้อนะครับ”
ดวงตากลมโตวิบวับฉายแสงแห่งความสงสัยออกมา
“ไม่ลืมแน่นอนจ๊ะ”
“เยี่ยมไปเลย ในที่สุดก็จะได้ออกไปเรียนนอกสถานที่แล้ว”
เมื่อเห็นความสุขบนใบหน้าเขา มุมปากเฉียวชูเฉี่ยนก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มตามไปด้วย
พอถึงบริษัทเธอก็ทำงานอย่างว่องไว เมื่อจัดการงานในมือจนเสร็จเธอก็ดูเวลาในนาฬิกาข้อมือ หากเรียกรถจากบริษัทวิ่งไปสวนสาธารณะที่มีสอนวิชานอกสถานที่อยู่ ดูจากเวลาก็น่าจะพอดีกัน
ณ สวนสาธารณะเจียซิน
ครูสอนศิลปะสะพายกระดาษวาดภาพไว้ที่หลังกำลังมองหาตำแหน่งที่เหมาะต่อการสเกตภาพที่สุดอยู่ จากนั้นเท้าเขาก็มาหยุดอยู่ตรงสวนดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่ง
“นักเรียนทุกคน วันนี้พวกเรามาสเกตรูปที่บริเวณก็แล้วกัน นักเรียนทุกคนจะเลือกวาดสวนดอกไม้ตรงหน้า ดอกไม้ดอกหนึ่ง หรือวาดในมุมมองแบบพาโนรามาเลยก็ได้นะครับ”
เมื่อคุณครูมอบหมายการบ้านเรียบร้อยแล้ว นักเรียนทุกคนก็เริ่มหยิบผงสีน้ำเตรียมลงมือวาดรูป เฉียวจิ่งเหยียนมองไปรอบด้านทีหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เห็นเงาหม่ามี๊เลย
“คุยกันไว้แล้วว่าจะไม่ปล่อยให้ผมคอยเก้อ คำพูดของผู้หญิงเชื่อไม่ได้จริงๆ”
ปากเล็กๆ เบะออกอย่างไม่พอใจ หลังจากนั้นก็มองไปรอบๆ อย่างตื่นตัว สีหน้าน้อยๆ เปลี่ยนไปทันที รถคันนั้นมาอีกแล้ว
เฉียวชูเฉี่ยนมองถนนที่มีรถติดขนาดหนัก สีหน้าอดเป็นกังวลไม่ได้
“คุณคนขับคะ พวกเราพอจะเปลี่ยนเส้นทางได้ไหมคะ?”
หากยังติดอยู่แบบนี้ จิ่งเหยียนคงเรียนเสร็จพอดี
“คุณครับ ไปเส้นทางไหนก็ติดทั้งนั้นล่ะครับ ยิ่งกว่านั้นตอนนี้พวกเรายังติดอยู่ในนี้ ถึงมีเส้นทางอื่นก็เบี่ยงออกไปไม่ได้อยู่ดีครับ”
คนขับรถก็มีสีหน้าร้อนใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเจอรถติดกันทั้งนั้น หากรถไม่ติดคงวิ่งงานได้หลายรอบแล้ว
เสียงแตรรถดังไปทั่วไม่ยอมหยุด เฉียวชูเฉี่ยนมองไปยังแถวที่ยาวเหยียดราวกับหางมังกร ความเร็วแบบนี้หนึ่งชั่วโมงก็ยังไปไม่ถึงสวนสาธารณะเลย
เธอรีบหยิบแบงก์หนึ่งร้อยหยวนใบหนึ่งออกจากกระเป๋าเงินแล้วยื่นส่งให้คนขับรถ “คุณคนขับคะ ฉันมีเรื่องด่วน นี่ค่ารถค่ะ” พูดจบก็เปิดประตูลงจากรถไป
คนขับรถถือเงินแล้วบ่นอย่างหดหู่ใจว่า “นี่น่าจะติดอีกนานเลยนะครับ เงินจำนวนนี้ไม่พอหรอกครับ”
เธอไม่ได้มาสวนสาธารณะเจียซินหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าเส้นทางที่อยู่ในความทรงจำจะถูกต้องหรือไม่ และเพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ จึงเปิดระบบ GPS บนมือถือ
จิ่งเหยียน ครั้งนี้หม่ามี๊รถติดจริงๆ นะ แต่ก็ใกล้จะถึงแล้วลูก
ตั้งแต่เห็นรถคันสีดำนั่น เฉียวจิ่งเหยียนก็ไม่มีสมาธิในการวาดภาพอีกเลย หากตอนนี้ลูกผู้ชายผู้สง่าผ่าเผยปล่อยให้คุณครูเข้าปกป้องเพื่อให้ตัวเองหลบหนีไปก็ดูจะเป็นเรื่องไม่สมควร จึงแสร้งวาดรูปต่อไปอย่างใจเย็น
หม่ามี๊ตัวเหม็น หม่ามี๊ใจร้าย เมื่อไหร่จะมาเสียที
อีกด้านหนึ่งเฉินเป่ยชวนกำลังยืนอยู่ตรงทางเดินด้านหนึ่งของสวนสาธารณะ ระยะห่างกำลังดีที่จะทำให้เขาสามารถมองเห็นเจ้าตัวน้อยในทุกการเคลื่อนไหวได้
เมื่อเห็นเจ้าตัวน้อยเอาแต่ชำเลืองมองไปด้านหนึ่งอยู่ตลอดเวลา เขาก็มองตามไป จากนั้นดวงตาก็หรี่ลง
หลินผิงทำงานอย่างไรกัน ก่อนหน้านี้เขาได้กำชับเป็นพิเศษว่าอย่าให้ถูกจับได้ คนพวกนี้ก็ทำงานดีนัก ตอนนี้ใกล้ซะจนเกือบจะอยู่ในระยะสายตาอยู่แล้ว
เขารีบล้วงมือถือออกมา จากนั้นก็โทรหาหลินผิงทันที “บอกคนที่นายส่งไปคุ้มครองเฉียวจิ่งเหยียนให้ออกจากพื้นที่โดยด่วน”
เพื่อจะไปอยู่ข้างตัวลูกให้เร็วขึ้น เฉียวชูเฉี่ยนจึงเลือกเดินบนเส้นทางลัดพิเศษ โดยเดินตัดสวนสาธารณะเข้าไป
เมื่อสัมผัสเข้ากับแผ่นหลังที่คุ้นตานั่น เธอก็ตัวแข็งทื่อในทันที ฝีเท้าก็หยุดลง เฉินเป่ยชวนมาปรากฎตัวอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร แล้วยังมีคำพูดเมื่อกี้อีก แม้จะได้ยินไม่ครบประโยค แต่เธอไม่ทางฟังชื่อลูกชายตัวเองผิดไปแน่
ดวงตาเธอมองไปรอบๆ โดยสัญชาตญาณ แล้วก็พบรถที่คุ้นตานั่นจริงๆ
เธอมองไกลๆ ไปก็เห็นผู้ชายที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับรถกำลังรับโทรศัพท์อยู่ จากนั้นก็ขับรถออกไปโดยเร็ว
ด้วยเวลาก่อนหลังที่ประจวบเหมาะกันพอดี
คนที่อยู่เบื้องหลังรถคันนั้นเป็นเขาจริงๆ ด้วย
MANGA DISCUSSION