ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 192 เฉินเป่ยชวนจงใจวางแผน
หลายปีก่อนมีการรายงานข่าวว่านักโทษและผู้คุมเสียชีวิตในสถานกักขังผู้ต้องสงสัยไม่ใช่ครั้งสองครั้ง เธอไม่อาจให้จิ้นถงเข้าไปอยู่ในสถานแวดล้อมแบบนั้นได้
ตำรวจคนนั้นมีสีหน้าลำบากใจ ผู้หญิงคนนี้พอมีเงินมากหน่อยก็คิดว่าแน่จริงๆ หรืออย่างไร
“ขอโทษครับ พวกเราไม่อาจปล่อยเฉินจิ้นถงได้ครับ หากคุณรู้สึกว่าพวกเราปฏิบัติงานมีปัญหา ก็ไปแสดงความคิดเห็นกับสถานีของพวกเราได้ครับ”
ผู้หญิงคนนี้สมองไม่ทำงานหรืออย่างไรกัน จะอย่างไรเขาก็เป็นตำรวจของประชาชนนะ นึกไม่ถึงว่าจะมาตะโกนเสียงดังใส่เขาในที่สาธารณะได้ เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?
เว่ยชูหรงบีบการ์ดในมือ ไอ้สารเลวนี่ ปกติพอเห็นเงินเข้าหน่อยอะไรก็ทำได้หมด ตอนนี้กลับทำตัวเป็นคนดี ไม่คิดว่าจะกล้าทำตัวเย่อหยิ่งต่อหน้าเธอได้
“คุณตำรวจฟังให้ดีนะคะ ถึงเป็นหัวหน้าของพวกคุณก็ยังต้องไว้หน้าตระกูลเฉินของพวกเราอยู่หลายส่วน คุณตำรวจปล่อยตัวลูกชายฉันจะดีที่สุด ไม่อย่างนั้นพวกคุณลำบากแน่”
เสียงแหลมคมยังดังไม่ยอมหยุด แต่ทางตำรวจกลับทำราวกับไม่ได้ยิน จากนั้นก็หมุนตัวกลับไปยุ่งกับงานของตัวเองต่อไป
ผู้หญิงคนนี้ช่างไม่รู้จักกาลเทศะเสียจริง ใครลำบากตอนนี้ก็เห็นกันอยู่ชัดๆ
“พวกคุณปล่อยลูกชายดิฉันนะ! อย่างน้อยให้ดิฉันได้เจอลูกชายก็ยังดี”
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะไว้หน้าเธอ เว่ยชูหรงโมโหมาก แต่จะไม่ลดเสียงลงก็ไม่ได้ ตอนนี้ที่เร่งด่วนคือการได้เจอหน้าจิ้นถง ไม่รู้ว่าไอ้สารเลวในสถานีตำรวจนั่นจะถือโอกาสทรมานลูกบ้างไหม
“คุณพูดดีๆ แบบนี้แต่แรกก็สิ้นเรื่อง ไม่แน่ตอนนี้ก็คงได้เจอคุณชายรองไปแล้ว ผมจะพาคุณเข้าไปพบนะครับ”
ตำรวจที่เมื่อสักครู่ยังทำหน้าไม่สนใจอยู่เลย มาถึงตอนนี้ถึงยิ้มออกมาด้วยความเกรงอกเกรงใจ ทำตัวดีๆ แต่แรกก็สิ้นเรื่อง คิดว่าตัวเองเป็นคุณหญิงตระกูลเฉินแล้วจะเจ๋งจริงๆ หรือ เวลานี้ใครไม่รู้กันบ้างว่าผู้นำตระกูลเฉินคือเฉินเป่ยชวน
เว่ยชูหรงสอยเท้าเร็วรี่ตามเข้าไปในสถานกักขังผู้ต้องสงสัย เพียงแวบเดียวก็เห็นเฉินจิ้นถงที่ถูกจับอยู่ข้างใน ข้อมือมีกุญแจมือติดอยู่ ดูแล้วราวกับมีเข็มแทงเข้าตาเลย แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาเธอ
“จิ้นถง พวกเขามีรังแกลูกบ้างไหม?”
เฉินจิ้นถงได้ยินเสียงเบาๆ ก็เงยหน้าขึ้นมา พอเห็นคนที่มาพบ เขากลับขมวดคิ้วทั้งสองขึ้นมาพร้อมๆ กัน
“คุณแม่มาได้อย่างไรครับ?”
เรื่องเพิ่งเกิดเมื่อคืนวาน วันนี้ข่าวก็มาถึงบ้านตระกูลเฉินแล้วหรือ?
“แม่ก็ต้องมาช่วยลูกออกไปอยู่แล้วสิ”
เธอจะมองดูลูกชายตัวเองถูกขังอยู่ในสถานที่เน่าๆ แบบนี้ได้อย่างไร
เฉินจิ้นถงขมวดคิ้วมากขึ้นไปอีก “ไปขอร้องเขา คุณแม่ควรไปหาทนายความนะครับ”
คุณแม่ของเขามาที่นี่ก็แค่ทำให้เรื่องราวมันแย่ลงไปอีก ยิ่งกว่านั้นในเมื่อเรื่องนี้เป็นแผนของเฉินเป่ยชวน งั้นเขาก็ยิ่งไม่ควรให้ตัวเองออกไปจากที่นี่ง่ายๆ เด็ดขาด
“จิ้นถง ลูกบอกแม่มาตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? อยู่ดีๆ ลูกไม่มีทางไปซ่องโสเภณีอะไรได้ จะต้องเป็นเฉินเป่ยชวนจงใจวางแผนเอาไว้ใช่ไหม?”
ดวงตาของเว่ยชูหรงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและกังวลใจ จิ้นถงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแล้วยังถูกสื่อหยิบยกขึ้นมารายงานข่าวเสียเกินจริงเข้าไปอีก ต่อไปจะพบหน้าผู้คนได้อย่างไร ตอนนี้ไม่รู้มีคนหัวเราะเยาะพวกเขาสองแม่ลูกกันไปมากขนาดไหนแล้ว
“เรื่องนี้คุณแม่ไม่ต้องยุ่งครับ ไปหาทนายของผม แล้วเขาจะเป็นธุระจัดการแทนทั้งหมดให้เองครับ”
เฉินจิ้นถงหรี่ตา เฉินเป่ยชวน นายอย่าได้ใจไปเสียล่ะ
ความกังวลบนใบหน้าของเว่ยชูหรงแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้น แต่หลังจากนั้นก็ได้รับการปฏิเสธ สีหน้าตื่นเต้นจึงหายไปในทันที
“ไม่ต้องกังวลไปครับ กักตัวแค่ไม่กี่วันเอง เฉินเป่ยชวนจะไปแก้บทลงโทษตามข้อกฎหมายได้อย่างไรกันล่ะครับ?”
แม้ปากจะพูดอย่างสบายๆ แต่หางตากลับฉายความเกลียดชังอย่างรุนแรงออกมา ก่อนหน้านี้เขาพยายามแทบตายถึงจะสร้างความประทับใจให้กับเฉียวชูเฉี่ยนขึ้นมาได้ แต่กลับต้องมาพังพินาศลงจากแผนในครั้งนี้ของเฉินเป่ยชวน
“เด็กโง่คนนี้ สิ่งนี้กระทบถึงชื่อเสียงของลูกเลยเชียวนะ”
หากมีบันทึกการถูกจับในคดีเที่ยวโสเภณี ภายภาคหน้าคงยากที่จิ้นถงจะไม่ถูกผู้คนนินทาลับหลัง
“ชื่อเสียง? ถ้าผมได้เป็นเจ้าของเฟิงฉิง ใครจะกล้าตั้งข้อสังเกตในชื่อเสียงของผมกันล่ะ?”
เขาหรี่ตาแล้วยิ้มออกมาอย่างเย็นชาและเหี้ยมโหด สังคมนี่จะหัวเราะเยาะเฉพาะคนที่ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน รอเขาขึ้นไปอยู่บนยอดหอคอย คนพวกนี้นอกจากประจบเขาแล้ว ก็ยังต้องประจบเขาอีกอยู่ดี
เว่ยชูหรงคงจะถูกแววตาอันเย็นชาและมุ่งมั่นของเขาทำให้ตกใจกลัว จากนั้นเธอก็พยักหน้า “แม่เชื่อว่าลูกจะต้องทำได้แน่นอนจ๊ะ”
เมื่อถึงเวลานั้นเธอจะไล่ยายแก่หนังเหนียวกับเฉินเป่ยชวนออกไป ยิ่งไกลยิ่งดี
“สองสามวันนี้ถ้ามีสื่อมาขอสัมภาษณ์คุณแม่ ห้ามพูดอะไรออกไปนะครับ ยิ่งกว่านั้นอย่าได้พูดถึงอะไรที่เกี่ยวข้องกับเฉินเป่ยชวน จำคำพูดของผมได้ใช่ไหมครับ?”
เฉินจิ้นถงพูดออกไป แววตาก็อึมครึมไปด้วย ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะฉีกหน้าเฉินเป่ยชวน
“แม่ฟังลูกจ้ะ”
แม้ใจจะไม่ยินยอม 100% แต่เว่ยชูหรงก็ยังพยักหน้าออกมา หนี้แค้นของจิ้นถงในครั้งนี้ สักวันเธอจะต้องเอาคืนแน่
“คุณหญิงเฉิน หมดเวลาเยี่ยมแล้วครับ ขอความกรุณาอย่าให้ผมต้องลำบากใจเลยนะครับ”
ตำรวจที่พาเธอมาเมื่อครู่นี้เปิดประตูเข้ามา ตอนนี้ตามหลักนอกจากทนายความแล้ว บุคคลอื่นไม่อาจเข้าพบได้ ถือว่าพวกเขายอมทำลายเกณฑ์เพื่อไว้หน้าตระกูลเฉินแล้ว
“คุณตำรวจ ขอให้ดิฉันอยู่ต่ออีกหน่อยนะคะ ดิฉันยังมีคำพูดอีกมากมายที่ยังไม่ได้คุยกับลูกชายเลยนะค่ะ”
ไม่มีท่าทางเย่อหยิ่งเหมือนตอนแรกที่เข้ามา เว่ยชูหรงทำสีหน้าขอร้อง แต่กลับทำให้ตำรวจลำบากใจมากขึ้นไปอีก
“คุณหญิงเฉิน ไม่ได้จริงๆ ครับ พวกเราต้องรักษากฎระเบียบนะครับ”
“คุณแม่ คุณแม่กลับไปก่อน แล้วเรียกทนายมานะครับ”
เมื่อเฉินจิ้นถงเอ่ยปาก เธอจึงลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีอาลัยอาวรณ์ “ลูก ลูกต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ นะ”
……
ทานอาหารค่ำเสร็จ เฉียวชูเฉี่ยนก็ดูภาพที่กำลังฉายอยู่ในจอทีวี พลังสื่อช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน ก่อนหน้านี้เธอได้ประสบการณ์จากเรื่องของหลินเฟยเอ๋อร์มาแล้ว ครั้งนี้มาเป็นเฉินจิ้นถงก็ยังมีพลังทำลายล้างไม่ต่างกันเลย
“นี่รายงานข่าวมาสามครั้งแล้วนะ ฉันดูจนตาเบลอไปหมดแล้วเนี่ย”
เหยียนสือเซี่ยเอาตัวพิงโซฟา แล้วปัดมือถือไปมาอย่างเบื่อหน่าย เดี๋ยวนี้สื่อก็เป็นแบบนี้ รายงานข่าวซ้ำไปซ้ำมา แต่ก็ทำให้อายุข่าวสั้นลงไม่ต่างกัน
“เขาจะถูกตัดสินลงโทษหรือไม่?”
นักข่าวรายงานข่าวนี้อย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด แต่เฉินเป่ยชวนกลับไม่ขัดขวาง รวมถึงเรื่องที่เขาเล่นละครให้จิ้นถงดูเมื่อครั้งก่อน เธอจึงคาดเดาได้ว่าเรื่องของเฉินจิ้นถงในครั้งนี้หนีไม่พ้นตัวเขาแน่นอน
เหยียนสือเซี่ยโยนมือถือลงบนโซฟาแล้วลุกขึ้นนั่งตัวตรง “ตัดสินลงโทษ? เธอเคยเห็นบทลงโทษทางกฎหมายเกี่ยวกับที่ผู้ชายไปเที่ยวโสเภณีด้วยใจบริสุทธิ์บ้างไหม?”
สมัยเลือกเรียนวิชาเอกอยู่นั้น เธอรู้สึกว่ากฎหมายเป็นสิ่งที่ยุติธรรมและเที่ยงตรงที่สุด แต่ต่อมายิ่งเธอเข้าใจมากขึ้น แรงกระตุ้นในเรื่องความถูกต้องทำนองนั้นก็ยิ่งอ่อนแอลง
นิยามของกฎหมายก็คือการสะท้อนเจตจำนงของชนชั้นปกครอง จะไปหาความยุติธรรมและเที่ยงธรรมที่แท้จริงได้อย่างไรกัน
การเที่ยวโสเภณีและการขายตัวเป็นกิจกรรมทางธุรกิจที่เกี่ยวพันกันอย่างเห็นได้ชัด แต่บทลงโทษทางกฎหมายกลับแตกต่างกันมาก นี่ก็คือกฎหมาย
“ความหมายของเธอคืออีกไม่นานก็จะได้ออกมาแล้ว?”
เฉียวชูเฉี่ยนไม่ค่อยสนใจในเรื่องตัวบทกฎหมายสักเท่าไหร่ แต่กลับเข้าใจความหมายในคำพูดของเพื่อนเธอ เพียงแต่เฉินเป่ยชวนจะยอมปล่อยเขาออกมาง่ายๆ แบบนี้หรือ?
“ใครจะไปรู้กันล่ะ เรื่องนี้ต้องดูอารมณ์ของคนเล่นเกมแล้วล่ะ”
เหยียนสือเซี่ยเบะปาก จากนั้นก็หยิบมือถือมาปัดไปมาอย่างเบื่อหน่ายต่อ เฉินจิ้นถงล่วงเกินคนแล้ว ลางสังหรณ์เธอบอกว่าคนๆ นี้ก็คือเฉินเป่ยชวนนั่นเอง