ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 190 ถูกซ้อนแผน
เลขาหวังชวนคุยเรื่องใหม่ๆ เกี่ยวกับบริษัทไม่หยุด แต่แววตาของเธอกลับดูกระวนกระวายเล็กน้อย ไหนบอกว่ายานี่ได้ผลดียังไงละ ทำไมเฉียวชูเฉี่ยนดื่มน้ำไปนานขนาดนี้แล้วถึงยังไม่แสดงอาการอะไรเลย
“เลขาเฉียวไม่ดื่มน้ำส้มอีกสักหน่อยเหรอ”
สายตาของเธอหยุดอยู่ที่แก้วน้ำส้มซึ่งเฉียวชูเฉี่ยนยังดื่มไม่หมด เป็นไปได้ไหมว่าเพราะดื่มไปแค่นิดเดียวจึงทำให้ยาออกฤทธิ์ช้า
“ไม่ละค่ะ ถ้าทุกคนอิ่มแล้วเราเช็คบิลกันเลยดีกว่า”
เฉียวชูเฉี่ยนเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้ค่อนข้างดึกแล้ว ถึงเวลาที่ควรจบละครฉากนี้เสียที
“ก็ได้ค่ะ”
เลขาหวังดูฝืนยิ้มแปลกๆ และคิดเงินอย่างเชื่องช้า
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ พอดีต้องกลับไปสอนหนังสือลูกอีก พวกคุณก็รีบๆ กลับกันนะ”
เฉียวชูเฉี่ยนสวมบทพี่สาวที่แสนดีทิ้งท้ายก่อนจะยิ้มให้และนั่งแท็กซี่กลับไป
เลขาหวังงงงวยอยู่พักใหญ่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเฉียวชูเฉี่ยนถึงยังเดินออกไปได้อย่างสบายปร๋อ
ขณะที่กำลังสับสนมึนงงอยู่นั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากในร้าน ร่างสูงเดินโซซัดโซเซเล็กน้อยเหมือนคนเมา แต่เมื่อมองดูดีๆ จึงพบว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้เมา
เมื่อเห็นหน้าค่าตาของชายคนนั้นชัดๆ สีหน้าของเลขาหวังก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ… ทำไมเรื่องมันถึงออกมาผิดจากที่วางแผนไว้ขนาดนี้
ลูกกระเดือกของเฉินจิ้นถงขยับขึ้นขยับลง ดวงตาที่อยู่หลังกรอบแว่นซึ่งดูอาฆาตมาดร้ายราวกับอยากจะฆ่าใครสักคนคู่นั้นจ้องมองมาที่เธอเขม็ง
เรื่องเล็กๆ แค่นี้ยังทำไม่สำเร็จ ไร้ประโยชน์จริงๆ
ในตอนนั้นเลขาหวังตกตะลึงจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงทำได้เพียงเฝ้ามองเฉินจิ้นถงขึ้นรถที่จอดไว้ริมถนนอย่างเงียบๆ
“พี่หวัง นั่นใช่เฉินจิ้นถงที่เป็นรองประธานของเฟิงฉิงหรือเปล่าคะ”
เลขารุ่นน้องที่อยู่ข้างกายเหมือนจะจำเฉินจิ้นถงได้จึงถามอย่างตื่นเต้น
“ฉันไม่ค่อยคุ้นเคยกับเขาเท่าไหร่น่ะ เมื่อกี้มองไม่ค่อยชัดด้วย นั่นคง… นี่ก็ดึกมากแล้ว เรารีบกลับกันดีกว่า”
เมื่อพูดจบเลขาหวังก็กระโดดขึ้นแท็กซี่ด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ เรื่องนี้มันมีอะไรพลาดตรงไหนกันแน่
ภายในรถ ใบหน้าของเฉินจิ้นถงแดงก่ำ แว่นตาที่อยู่บนสันจมูกบัดนี้ถูกเขาถอดออกไปแล้ว และตอนนี้เขาก็ดูอันตรายมาก
“บ้าเอ๊ย!”
ร่างกายราวกับถูกไฟแผดเผาไปทั่วทั้งร่าง ถ้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาก็คงไม่ต่างอะไรกับคนโง่
เฉินเป่ยชวน! ต้องเป็นเฉินเป่ยชวนแน่ๆ!
เขารู้ว่ามีคนจงใจทำลายแผนของเขา ไม่เพียงแค่นั้น ยังใช้แผนที่เขาวางไว้ย้อนกลับมาเล่นงานเขาด้วย!
“สุดหล่อ ฉันเจ็บเท้าน่ะ เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้น เฉินจิ้นถงหันไปมองหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่นอกรถด้วยสายตาที่พร่ามัวเล็กน้อย
เขายื่นมือออกไปเปิดประตูรถแล้วดึงผู้หญิงคนนั้นเข้ามา
หญิงสาวถูกดึงเข้ามาโดยไม่มีท่าทีตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย
เขาสตาร์ทรถอย่างรวดเร็ว เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นและรถก็มุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่อยู่ไกลออกไป แต่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ไปถึง แล้วความร้อนแผดเผาที่หยุดชะงักไปก็เริ่มแผ่กระจายไปทั่วร่าง
รถตำรวจหลายคันขับด้วยความเร็วสูงมุ่งหน้าไปยังโรงแรมหรูแห่งนั้น
รถมายบัคของเฉินเป่ยชวนจอดอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม เขามองรถตำรวจแล่นเข้ามาจอดที่หน้าประตูก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสองสามนายจะถลันเข้าไปข้างใน แล้วมุมปากของเขากระตุกยิ้มอย่างเยือกเย็น
เฉินจิ้นถง ฉันจะทำให้นายรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ทำแบบนี้มีแต่จะทำให้ไฟแผดเผาตัวเอง
ในห้องพักสุดหรูของโรงแรมมีเสียงโครมครามดังขึ้น ประตูห้องถูกถีบจนเปิดออกก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องจะบุกเข้าไปข้างใน
ดูเหมือนสติสัมปชัญญะของเฉินจิ้นถงจะกลับคืนมาแล้วเล็กน้อย นัยน์ตาที่ยังคงพร่ามัวมองไปยังกลุ่มคนที่ถลันเข้ามา และความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว
บ้าฉิบ เขาตกหลุมพลางของเฉินเป่ยชวนเข้าให้แล้ว!
“ยกมือขึ้น!”
ตำรวจตะโกนสั่งเสียงดัง หญิงสาวที่อยู่บนเตียงตกใจกลัวและลุกขึ้นนั่งทันทีโดยดึงผ้าห่มมาปิดบังเรือนร่างของตนเอาไว้
“โปรดให้ความร่วมมือในการตรวจสอบและแสดงบัตรประจำตัวของคุณด้วย”
หัวหน้าตำรวจพูดไปตามระเบียบ แต่ภายในใจกลับคร่ำครวญ ความขัดแย้งของสองพี่น้องตระกูลเฉินทำให้สถานีตำรวจของพวกเขาต้องเผชิญกับหายนะ แต่การทำให้เฉินจิ้นถงขุ่นเคืองก็ดีกว่าการทำให้เฉินเป่ยชวนขุ่นเคืองเป็นไหนๆ
สติของเฉินจิ้นถงกลับคืนมาแล้วมากกว่าครึ่ง “คุณตำรวจ ผมคิดว่าพวกคุณน่าจะเข้าใจอะไรผิด”
“เราจำเป็นต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้แน่ชัดก่อน ดังนั้นโปรดแสดงบัตรประจำตัวของพวกคุณด้วย”
หัวหน้านายตำรวจทำสีหน้าเคร่งขรึม เรื่องที่ทำในวันนี้ค่อนข้างร้ายกาจพอสมควร เป็นที่ชัดเจนว่าพวกเขาจงใจวางกับดักและรอให้เฉินจิ้นถงเข้ามาติดกับ
“คุณตำรวจ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายของฉันจริงๆ ได้โปรดอย่าจับฉันเลยนะ”
หญิงสาวรู้สึกหวาดกลัวเมื่อถูกจ้องมองแบบนี้ แต่เมื่อนึกถึงเงินจำนวนมหาศาลที่เธอจะได้รับ น้ำเสียงของเธอก็มั่นคงขึ้นมาทันที
“พาตัวทั้งสองคนไป”
มีเสียงคลิกดังขึ้นแถวข้อมือของเฉินจิ้นถงพร้อมกับกุญแจมือเย็นเฉียบที่ล็อคลงมา
เฉินเป่ยชวน ฝากไว้ก่อนเถอะ นึกไม่ถึงว่าแกจะวางแผนใช้กลอุบายเจ้าเล่ห์แบบนี้กับฉัน
เช้าวันรุ่งขึ้นเฉียวชูเฉี่ยนถูกดึงให้ลุกขึ้นจากเตียง เธอขยี้ตาด้วยความงุนงง “นี่มันเพิ่งจะกี่โมงเอง นานๆ ทีจะได้หยุดบ้าง เธอจะให้ฉันนอนนานกว่านี้อีกหน่อยไม่ได้หรือไง”
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเฉินเป่ยชวนทำให้เธอสงสัยว่าตัวเองอาจจะมีอาการทางประสาทอย่างรุนแรงและร่างกายก็กำลังจะทรุดลง
“มีข่าวใหญ่ ลุกขึ้นมาดูเร็วเข้า” เหยียนสือเซี่ยเอาเท้าสะกิดให้เธอตื่นและใช้เรี่ยวแรงที่ได้จากการดื่มนมมาดึงเธอให้ลุกจากเตียง
“ข่าวใหญ่อะไรกัน” อย่าบอกนะว่าเธอขึ้นหน้าหนึ่งอีกแล้ว
“เธอรีบตื่นมาดูเดี๋ยวก็รู้เอง”
เธอถูกดึงไปที่ห้องนั่งเล่น ทีวีเปิดอยู่แต่เสียงค่อนข้างเบา ทว่านั่นก็ได้ไม่ส่งผลอะไรต่อความตกตะลึงของเธอ