ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 189 สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
พูดเปิดทางให้เลขาหวังเพื่อให้เธอมีทางถอยสะดวกๆ แต่ใครจะรู้ว่าเธอไม่เคยคิดจะยอมแพ้เลยแม้แต่น้อย
“ในเมื่อไม่ใช่แบบนั้น ถ้างั้นวันนี้พี่เฉียวก็ต้องให้เกียรติไปกับพวกเราสิคะ ไม่อย่างนั้นก็แสดงว่าพี่ดูถูกพวกเรา”
“ใช่ค่ะพี่เฉียว ไปกับพวกเราเถอะนะคะ”
“อื้อๆ กินข้าวด้วยกันหลายๆ คนคึกคักดี”
เลขาใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานสองสามคนที่อยู่ใกล้ๆ กันนั้นเริ่มคล้อยตามยิ้มๆ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เธออยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ก็ได้ ฉันขอส่งข้อความหาเพื่อนก่อนนะ” หลังจากครุ่นคิดอยู่หลายวินาทีเธอก็จำใจตอบตกลง
“เพื่อนของพี่เฉียวเหรอ ชวนมาด้วยกันได้นะคะ” เลขาหวังกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่แววตากลับมีประกายแปลกๆ ทว่าเฉียวชูเฉี่ยนกำลังก้มหน้าพิมพ์ข้อความอยู่จึงมองไม่เห็นมัน
“เพื่อนฉันค่อนข้างยุ่งน่ะ ฉันขอให้เธอช่วยไปรับลูกแทน”
หลังจากส่งข้อความไปแล้วเธอจึงยิ้มและส่ายหน้าปฏิเสธ เธอต้องฝืนใจอย่างมากกว่าจะตอบรับได้ ถ้าเหยียนสือเซี่ยไปด้วยจริงๆ ด้วยนิสัยของเธอ ไม่แน่ว่าอาหารค่ำวันนี้คงจะกลายเป็นมื้อที่น่าสะอิดสะเอียนยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ
“งั้นก็โอเคค่ะ ฉันจะโทรไปจองโต๊ะเดี๋ยวนี้ละ”
เลขาหวังยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อย เธอหยิบมือถือและเดินเลี่ยงออกไปเพื่อโทรศัพท์
เฉียวชูเฉี่ยนไปยังร้านอาหารเพื่อสุขภาพกับคนกลุ่มนั้น ภายในร้านตกแต่งเป็นสไตล์ตะวันตกในแบบที่เธอไม่ชอบ แต่ว่าอาหารภายในร้านเป็นประเภทที่เธอโปรดปราน
“พี่เฉียวอยากกินอะไร เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”
เลขาหวังส่งเมนูให้เธอทันทีพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเอาอกเอาใจจนทำให้เฉียวชูเฉี่ยนอึดอัด
“ไม่เป็นไร เราหารกันแบบอเมริกันแชร์ดีกว่า”
ต่างคนต่างจ่ายแบบอเมริกันแชร์จะได้ไม่ต้องมีใครติดหนี้ใครและไม่ต้องมาชดใช้กันภายหลัง
“พี่เฉียวว่าไงก็ว่าตามกัน เอาอย่างที่พี่พูดนั่นละ”
“ใช่ๆ แล้วแต่พี่เฉียวเลย”
หลังจากดูเมนู เฉียวชูเฉี่ยนก็คร้านที่จะมีพิธีรีตองมากมายกับคนพวกนี้ จึงสั่งอาหารที่เป็นเมนูแนะนำมาจำนวนหนึ่ง “พวกคุณจะดื่มอะไรกัน”
“เหมือนพี่เฉียวเลยค่ะ”
“…”
หลังจากฟังคำตอบของเลขาหวัง เธอก็หันไปพูดกับพนักงานเสิร์ฟว่า “น้ำส้มห้าแก้ว ขอบคุณค่ะ”
รอไม่นานบริกรก็ยกน้ำส้มคั้นมาเสิร์ฟ เฉียวชูเฉี่ยนจิบน้ำส้มไปหนึ่งอึกแต่บรรยากาศก็ยังคงน่าอึดอัดไม่เปลี่ยนและเธอก็อยากจะมองข้ามมัน “ฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ”
“ฉันไปด้วย”
“ฉันด้วย”
เธอลุกขึ้นยืนเพื่อจะปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่ทันใดนั้นเลขาใหม่สองคนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เฉียวชูเฉี่ยนยิ้มฝืดๆ คนพวกนี้ไม่รู้สึกไม่สบายใจที่ทำแบบนี้บ้างเลยหรือไง
“พวกคุณไปเถอะ เดี๋ยวฉันอยู่เฝ้าของให้ทุกคนเอง”
เลขาหวังยิ้มและชำเลืองมองคนที่เธอพามาด้วย ยายเด็กพวกนี้คิดว่าเธอมองไม่ออกหรือว่าพวกหล่อนคิดอะไรอยู่ แต่ก็ดีแล้วละ เธอกำลังรอโอกาสนี้อยู่พอดี
“งั้นก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“พี่เฉียว ก่อนหน้านี้พวกเราไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร พี่เป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเราเลยนะคะ”
“ใช่ค่ะพี่เฉียว จากนี้ไปเราขอฝากเนื้อฝากตัวกับพี่เฉียวด้วยนะคะ”
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้องน้ำ เด็กสาวที่มาด้วยกันก็เข้ามาล้อมเธอไว้ “เราเป็นพนักงานบริษัทเหมือนกัน มาฝากตงฝากตัวอะไรกัน”
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมคนพวกนี้ถึงได้กลับกลอกเหลือเกิน ช่วงขณะหนึ่งแทบจะถ่มน้ำลายใส่หน้าคนอื่น แต่ไปๆ มาๆ กลับยอมทิ้งศักดิ์ศรีแล้วมาพูดจาเอาอกเอาใจ
“พี่เฉียว พวกเราเพิ่งเข้ามาทำงานก็เลยยังไม่รู้อะไร พวกเราเพียงแค่ทำตามที่เลขาหวังบอกเท่านั้น”
เมื่อเห็นว่าเลขาซึ่งอายุน้อยที่สุดอยู่ๆ ก็เปลี่ยนท่าทีไปโทษผู้อื่น เฉียวชูเฉี่ยนก็เขียนคำว่า รับใช้ ตัวโตๆ ไว้ในใจของเธอ คนเหล่านี้เมื่ออยู่ในบริษัทก็ก้มหัวให้เลขาหวังและทำตามสิ่งที่เธอบอกอย่างเชื่อฟัง แต่ในพริบตาเดียวก็กลับพูดจาแทงข้างหลังกันง่ายๆ เป็นอย่างที่สือเซี่ยพูดจริงๆ ด้วย
อยู่ๆ ชื่อของเฉินเป่ยชวนก็แวบขึ้นมาในความคิดของเธอ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อยและความคิดที่เพิ่งจะแจ่มใสขึ้นมาก็กลับมาสับสนอีกครั้ง
“เรื่องก่อนหน้านี้ฉันลืมไปหมดแล้ว พวกคุณไม่ต้องคิดมาก เราเข้าห้องน้ำกันดีกว่า”
ที่โต๊ะอาหาร เลขาหวังยังคงมองไปที่ห้องน้ำ ริมฝีปากที่เม้มสนิทของเธอดูเต็มไปด้วยความกังวล
เมื่อรอดูแน่ใจว่าเฉียวชูเฉี่ยนยังไม่ออกมา เธอจึงรีบหยิบยาที่เตรียมไว้ในกระเป๋าใส่ลงในแก้วน้ำส้มที่เธอดื่มไปแล้วครึ่งแก้ว
ภายในเวลาไม่ถึงสิบวินาทีเม็ดยาก็ละลายจนหมดโดยไม่เหลือร่องรอยใดๆ
พนักงานของ Q&C นั้นมีไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับบริษัทใหญ่ๆ แห่งอื่นเงินเดือนที่นี่ช่างน้อยจนสมเพช แถมตอนนี้ยังมีเฉียวชูเฉี่ยนมากดหัวเธอไว้จนทำให้เธอไม่มีโอกาสโงหัวขึ้นมาอีก
ขอเพียงแค่ทำเรื่องนี้สำเร็จลุล่วงเธอก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่ Q&C ในฐานะเลขานุการอีกต่อไป
ขณะที่กำลังจินตนาการถึงภาพตัวเองตอนกลายเป็นคนมีหน้ามีตาอยู่ในบริษัทใหญ่ๆ ก็มีใครบางคนเดินมากระแทกแขนของเธอ
“เดินยังไงของเธอกันฮะ”
เธอลูบแขนด้วยความเจ็บและหันไปพูดกับพนักงานเสิร์ฟที่เพิ่งเดินมาชนเธออย่างไม่พอใจ
“ขอโทษค่ะ ขอโทษ ฉันเพิ่งมาทำงานที่นี่ ขอโทษจริงๆ ค่ะ”
พนักงานเสิร์ฟรีบขอโทษเธอและแอบสับเปลี่ยนแก้วน้ำส้มที่อยู่บนถาดภายในชั่วพริบตา
“ระวังตัวไว้ฉัน…”
เลขาหวังกำลังจะบอกว่าระวังตัวไว้ ฉันจะให้เถ้าแก่ด่าเธอ แต่เธอเห็นเฉียวชูเฉี่ยนเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับคนพวกนั้นพอดี ใบหน้าที่ถมึงทึงด้วยความโกรธจึงเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มอย่างเป็นกันเองอย่างฉับพลัน
“ต่อไปเธอก็เดินระวังๆ หน่อยนะ ฉันไม่เป็นไรแล้วละ”
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
เฉียวชูเฉี่ยนจงใจถามออกไปเมื่อเห็นการแสดงออกอันจอมปลอมของเธอ
“ไม่มีอะไรค่ะ พนักงานเสิร์ฟคนนี้เพิ่งมาใหม่ คงยังไม่คุ้นกับสภาพแวดล้อมก็เขาเลยชนฉันเข้า การทำงานบริการไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันไม่ถือสาหรอก”
หลังจากที่เธอเอ่ยอย่างอ่อนโยนและใจกว้าง พนักงานเสิร์ฟก็รีบขอโทษอีกสองสามครั้งก่อนจะถือถาดเดินจากไป
“ไม่คิดว่าอาหารร้านนี้จะมาเสิร์ฟเร็วแบบนี้ งั้นพวกเรารีบทานกันเถอะ”
เนื่องจากการแสดงของเธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน เธอจึงยิ้มและนั่งลงตรงที่นั่งของตนและรับประทานอาหารให้เสร็จเพื่อจะได้หาเหตุผลที่จะออกไปเสียที
“พี่เฉียวพูดถูก ทานอาหารตอนร้อนๆ นี่แหละถึงจะอร่อย ต่อไปถ้ามีเวลาว่างเราควรรวมตัวกันแบบนี้บ่อยๆ ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมงานกันตอนกลางวัน พอนอกเวลางานเราก็เป็นเพื่อนกันได้ จริงไหมคะพี่เฉียว”
“อื้ม”
“ถ้าอย่างนั้นมาดื่มให้กับมิตรภาพนอกเวลางานงานของเรากันเถอะ เชียร์!”
เมื่อเลขาหวังหยิบแก้วที่อยู่ตรงหน้าของตนขึ้นมา เฉียวชูเฉี่ยนจึงทำได้เพียงวางตะเกียบในมือลงแล้วยกแก้วของตนขึ้นมาบ้าง
หัวใจที่เต้นรัวค่อยๆ ผ่อนคลายลงด้วยความโล่งอกขณะมองเธอดื่มน้ำส้ม
ในห้องอาหารวีไอพีอีกห้อง ขณะที่เฉินจิ้นถงกำลังหมุนโทรศัพท์ของตนเองเล่น ประตูห้องอาหารก็มีเสียงเคาะและถูกเปิดออกโดยพนักงานเสิร์ฟซึ่งถือถาดน้ำส้มเดินเข้ามา
“น้ำส้มที่คุณสั่งได้แล้วค่ะคุณผู้ชาย”
“อืม ขอบคุณ”
เขาให้ทิปอย่างอารมณ์ดีและยกยิ้มมุมปาก เพียงแค่รออีกสักพักแล้วค่อยออกไปและแสร้งทำเป็นว่าพบกันโดยบังเอิญ ที่เหลือหลังจากนี้ก็จัดการได้สบายๆ
เฉินจิ้นถงหยิบน้ำส้มขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมด ดวงตาที่อยู่หลังกรอบแว่นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่แผนการใกล้จะบรรลุผล
เฉียวชูเฉี่ยนกินจนอิ่มหนำ เพราะจ่ายแบบอเมริกันแชร์เธอจึงไม่ยอมเสียเปรียบ