ทุกคำที่เธอบรรยายเกี่ยวกับเขาทำให้ริมฝีปากของเฉินเป่ยชวนเม้มแน่นและแววตาก็ดูหงุดหงิดยิ่งขึ้น เฉินจิ้นถงยังคงเป็นคนดีในสายตาของเธอ
แต่ยายผู้หญิงโง่คนนี้ยังไม่รู้ว่าคนดีในสายตาของเธอเบื้องลึกเบื้องหลังจริงๆ แล้วเป็นคนยังไง แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเกือบจะถูกเขาเอาเปรียบตอนอยู่ในโรงแรมที่โรงถ่ายละคร
“คุณตาดีจัง”
เธอเกลียดที่สุดเวลามีใครมาพูดจาประชดประชันแบบนี้ จึงรีบเอาคืนทันที
แต่เกินความคาดหมายเมื่อเฉินเป่ยชวนกลับพยักหน้ารับอย่างจริงจัง “ใช่ ผมเองก็สายตาไม่ดี”
ไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงลืมผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เสียที ถูกเธอยั่วให้หงุดหงิดครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็สุดท้ายก็ยังปล่อยเธอไปไม่ได้
เฉียวชูเฉี่ยนรู้สึกอึดอัดเมื่อถูกเขาจ้องมองด้วยสายตาที่ซับซ้อนและลึกซึ้ง เธอดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเขาและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่แสดงอาการเก้อเขินออกมา
“ละครของท่านประธานเฉินจบแล้ว งั้นฉันก็ไปได้แล้วใช่ไหม”
“ได้ แต่ต้องไปกับผม”
เฉินเป่ยชวนลุกขึ้นจากโซฟา เขากระตุกยิ้มมุมปากและวางมือไว้ลงบนเอวบางของเธอ
“ทำตัวดีๆ หน่อย ฉากสุดท้ายแล้ว”
พูดจบเขาก็โอบเอวเธอเดินออกไปจากห้องทำงาน
“คุณจะพาฉันไปไหนน่ะ” ในที่สุดเฉียวชูเฉี่ยนก็ถามอย่างอดไม่ได้เมื่อถูกลากมาขึ้นรถมายบัคที่จอดอยู่ด้านนอก
“เดี๋ยวไปถึงคุณก็รู้เอง”
พูดจบเฉินเป่ยชวนก็ขับรถพุ่งไปบนถนน
วิวทิวทัศน์รอบๆ ถอยหลังไปอย่างรวดเร็วราวกับว่าสิบปีมานี้พวกเขากำลังถอยหลังกลับไปอย่างไม่หยุดพัก แล้วขอบตาของเฉียวชูเฉี่ยนก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
รถเลี้ยวขวาผ่านสี่แยก เมื่อมองไปยังสถานที่ซึ่งกำลังตรงเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อย ทันใดนั้นเธอก็รู้ว่าเขาจะไปที่ไหน
“ลงมาสิ” เฉินเป่ยชวนจอดรถไว้ข้างทางและเปิดประตูรอให้เธอลงจากรถ ทว่าเธอกลับนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น
“มาที่นี่ทำไม” งานเลี้ยงเลิกลาไปหลายวันแล้ว เป็นไปได้หรือที่เขาคิดจะจัดงานเลี้ยงอีกครั้ง
“เพราะผมยังมีเรื่องที่ต้องจัดการให้เรียบร้อยอยู่นะสิ”
เฉียวชูเฉี่ยนถูกลากเข้าไปโดยไม่มีโอกาสโต้แย้ง เธอมองสถานที่ที่คุ้นเคยซึ่งเป็นสถานที่จัดเลี้ยงในวันนั้น ทั้งยังเป็นที่ที่เธอกับเขาพบกันเป็นครั้งแรก หัวใจของเธอเต้นแรง ผู้ชายคนนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่
“คุณยังจำงานเลี้ยงเมื่อสิบปีก่อนได้ไหม”
เสียงของเฉินเป่ยชวนดังขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงคราวนี้แตกต่างจากน้ำเสียงเฉยเมยในยามปกติราวกับแฝงไปด้วยความรักใคร่และความอาวรณ์
ในงานเลี้ยงเมื่อสิบปีที่แล้วเขามองเห็นเธอซึ่งไม่เต็มใจจะเข้าร่วมงานเลี้ยงยืนอยู่ที่มุมหนึ่งซึ่งลับตาคน เธอสวยแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่พยายามแต่งตัวให้สูงส่งและดูดี เธอสวมชุดเดรสสีขาวที่สง่าและสุภาพ ผมยาวรวบเป็นหางม้าไว้แบบง่ายๆ ทว่าแค่ดวงตาที่ชาญฉลาดนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะดึงดูดสายตาของเขาไว้ได้
ดังนั้นในอีกเจ็ดปีต่อมา ทุกครั้งที่เขาโกรธจนอยากจะลืมทุกสิ่ง แต่ในสมองก็กลับอดนึกถึงเธอในวันนั้นขึ้นมาไม่ได้
บริสุทธิ์งดงาม มีความเชื่อมั่นและความภาคภูมิใจในตัวเอง แววตามีประกายของความสับสน ทว่าเธอก็พยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้อย่างเต็มที่
“เรื่องมันผ่านมาตั้งนานขนาดนั้น ใครจะไปจำได้”
เวลาสิบปีนั้นผ่านไปแล้วมากกว่าสามพันหกร้อยห้าสิบวัน เธอควรจะลืมไปแล้วเพราะความทรงจำของมนุษย์นั้นมีจำกัด การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลาจะทำให้ลืมสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ทว่าในความเป็นจริงเธอกลับยังจำรายละเอียดต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนได้ทั้งหมด
“คุณลืมไปแล้ว?”
เฉินเป่ยชวนขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่คำตอบที่เขาต้องการ ผู้หญิงคนนี้ลืมเรื่องที่เขายังจำอยู่มิรู้ลืมไปแล้วจริงๆ นะหรือ?
“มีอะไรต้องจำด้วยเหรอ”
เฉียวชูเฉี่ยนตีหน้าซื่อย้อนถาม แต่ในใจกลับรู้สึกเจ็บปวด เป็นเพราะเธอยังลืมไม่ได้และยังจำมันได้ชัดเจน ดังนั้นตลอดเจ็ดปีที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาความเจ็บปวดจึงยังติดอยู่กับเธอเหมือนเป็นเงาตามตัว
“เฉียวชูเฉี่ยน!”
ในที่สุดความโกรธก็ฉายออกมาผ่านแววตาของเขา เฉินเป่ยชวนยื่นมือออกไปบีบคางเธอไว้และจ้องมองเธอราวกับจะมองให้ทะลุไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ยังจำทุกอย่างได้แต่กลับบอกว่าตัวเองลืมไปแล้ว
ดวงตาที่ดื้อรั้นสบประสานเข้ากับดวงตาของเขา ในฐานะผู้ที่พ่ายแพ้ในความสัมพันธ์ สิ่งที่เธอทำได้ก็คือต้องพยายามไม่แสดงความหวาดกลัวต่อหน้าผู้ชายคนนี้ “ทำไม ท่านประธานเฉินอยากได้ยินฉันพูดว่าฉันจำได้งั้นเหรอ ฉันยังจำได้ไม่ลืม ชื่อของคุณยังคงตราตรึงอยู่ในใจของฉันเสมอ เฉินเป่ยชวน! เสียใจด้วย ฉันไม่ชอบโกหก”
เมื่อหัวใจของเขาถูกทำให้ปั่นป่วนด้วยคำพูดเยาะเย้ยของเธอ ริมฝีปากบางก็กดประทับลงไปที่ริมฝีปากของเธอด้วยความโกรธและความฉุนเฉียว เฉียวชูเฉี่ยนเม้มริมฝีปากโดยอัตโนมัติเพื่อไม่ให้เขาลุกล้ำเข้ามามากกว่านี้ ทว่าเฉินเป่ยชวนกลับใช้มือบีบจมูกของเธอเอาไว้จนเธอหายใจไม่ออก
ก่อนที่หน้าอกจะระเบิด สัญชาตญาณก็สั่งให้เธอเปิดปากเพื่อหาอากาศหายใจจนเขาฉวยโอกาสนี้ลุกล้ำเข้ามา
การครอบงำรุนแรงที่กวาดต้อนเข้ามาทำให้เธอหายใจติดขัดเล็กน้อย เธอต้องกัดลิ้นของเขาอย่างแรงจึงจะยุติการจูบที่เลวร้ายนี้ได้
เธอเช็ดริมฝีปากอย่างแรงเพื่อลบกลิ่นอายที่ยังหลงเหลืออยู่ “เลวทราม”
“ทำไมผมไม่รู้สึกว่ามันเลวทรามเลยล่ะ เมื่อสิบปีก่อนผมก็เคยจูบคุณแบบนี้ แต่ถึงจะเลวทราม คุณก็ควรจะชินกับมันได้แล้ว”
เฉินเป่ยชวนพ่นลมหายใจหนักๆ ผู้หญิงคนนี้มีเวทมนต์บางอย่างที่ทำให้เขาควบคุมความโกรธไม่ได้ แต่หลังจากนั้นความร้อนรนทั้งหมดก็ถูกทำให้สงบลงได้อย่างน่าประหลาด
“โกหก ในงานเลี้ยงตอนนั้นฉันไม่ได้พูดกับคุณสักคำเลยด้วยซ้ำ”
คำโต้แย้งที่อยู่ๆ ก็โพล่งออกมาทำให้ที่รอยยิ้มผุดขึ้นมาในดวงตาของเขา ทันใดนั้นเธอก็รู้ตัวทันทีว่าถูกหลอกเสียแล้ว เขาจงใจกุเรื่องเท็จขึ้นมาเพื่อทำให้เธอติดกับโดยไม่รู้ตัว
“ดูเหมือนคุณจะยังจำงานเลี้ยงเมื่อสิบปีที่แล้วได้สินะ ครั้งต่อไปถ้าไม่ยอมพูดความจริงอีกละก็ ผมจะจูบคุณจนกว่าคุณจะยอมพูด”
สีหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มพึงพอใจหลังจากแผนการประสบความสำเร็จ เรื่องที่เขาจำได้ เธอก็ต้องจำได้เหมือนกัน
“งี่เง่า”
หลังจากถูกจับได้เฉียวชูเฉี่ยนก็หันหน้าหนีไม่ยอมมองเขา บรรยากาศเงียบลง ไม่มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจของผู้คน ไม่มีคำสรรเสริญเยินยอด้วยความเกรงอกเกรงใจ และไม่มีเสียงแก้วไวน์กระทบกัน
มีเพียงเสียงลมหายใจของพวกเขาสองคนเท่านั้น
เฉินเป่ยชวนสูดลมหายใจเข้า สีหน้าของเขามีแววเก้อเขินเล็กน้อย ทว่าก็ยังคงพูดในสิ่งที่คิดว่าจะเก็บซ่อนไว้ตลอดชีวิตออกมา “เมื่อสิบปีก่อน ผมมองเห็นคุณแวบหนึ่ง”
“…”
เฉียวชูเฉี่ยนที่หันหลังให้เขาใจเต้นตึกตัก มันหมายความว่ายังไง? การที่เขาเห็นเธอแวบหนึ่งมันหมายความว่ายังไง? มือใหญ่วางลงบนไหล่ของเธอก่อนจะบังคับให้เธอหันกลับไปหา
“เมื่อก่อนผมไม่เคยเชื่อในรักแรกพบ แต่แล้วผมก็เชื่อ”
“…”
เกิดเสียงดังเปรี้ยงขึ้นมาในหัวของเฉียวชูเฉี่ยน สมองของเธอว่างเปล่าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะฟื้นคืนกลับสู่สภาวะที่เหมาะสมอีกครั้ง เขาเป็นไบโพลาร์อีกแล้วหรือ? จะแสดงละครตบตาใคร?
“ที่นี่ก็มีเครื่องดักฟังด้วยเหรอ”
เธอลดเสียงลงถามด้วยเสียงกระซิบ ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้เธอก็หาเหตุผลมาทำให้ตัวเองเชื่อในสิ่งที่ตนเองเพิ่งได้ยินไม่ได้จริงๆ เขาคือเฉินเป่ยชวน ชายที่ขึ้นชื่อเรื่องความเย็นชาและเย่อหยิ่งในซั่นเป่ย
“…”
สีหน้าของเฉินเป่ยชวนเปลี่ยนจากความเก้อเขินไปเป็นขมึงทึงเมื่อได้ยินคำพูดที่ออกจากปากของเธอ ตลอดชีวิตนี้เขาไม่เคยพูดแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน นึกไม่ถึงว่าเธอจะคิดว่าเขายังคงแสดงละครอยู่
“คุณคิดว่าตอนนี้ผมดูเหมือนคนที่กำลังแสดงละครตบตาใครอยู่งั้นรึ?”
น้ำเสียงที่กดต่ำอย่างอารมณ์เสียดังลอดไรฟันออกมา เขาละอยากจะบีบคอผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี่จริงๆ
MANGA DISCUSSION