ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 183 ใช้กำลังบังคับเธอในห้องทำงาน?
เฉินเป่ยชวนก้มมองหญิงสาวที่กำลังจ้องเขาเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ มุมปากของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ชวนมอง ยิ่งสายตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ รอยยิ้มนั้นก็ยิ่งเด่นชัดมากขึ้น
เธออยากจะแกะนิ้วที่พันธนาการอยู่บนริมฝีปากออกไปแต่กลับสู้แรงของเขาไม่ได้โดยสิ้นเชิง จึงทำได้แค่เพียงส่งเสียงลอดไรฟันออกมา ทว่าก็ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์นัก
“คุณบ้าหรือเปล่า”
เธอไม่ได้คิดถึงเขาเลยแม้แต่นิดเดียวแล้วก็ไม่อยากอยู่ที่นี่กับเขาต่อด้วย
“ใช่ ผมบ้า อย่าดื้อสิ แล้วอย่าหาว่าผมไม่เตือนนะ”
ทันใดนั้นรอยยิ้มของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เสียงนั้นกระซิบลงมาที่ข้างหูของเธอก่อนที่เขาจะประชิดเข้ามาแล้วกดเธอไว้จนหลังติดผนังห้อง
เธอมองชายแปลกหน้าที่อยู่ตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว เมื่อวานไม่ใช่วันปล่อยผีเสียหน่อย หรือว่าเขาจะถูกผีเข้า?
“คุณอยากลองอะไรใหม่ๆ ไหม”
น้ำเสียงที่มีเลศนัยของเฉินเป่ยชวนช่วยดึงสติของเธอกลับมา ขณะที่กำลังพยายามคิดว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร ทันใดนั้นร่างกายของเธอก็ลงไปกองอยู่บนพื้น
ให้ตายเถอะ เขาคิดจะทำอะไรกันแน่
เขาคงไม่ได้คิดจะบังคับขืนใจเธอในห้องทำงานหรอกนะ?
เมื่อรับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ที่ปรากฎอยู่ในแววตาของเธอ ริมฝีปากบางก็ค่อยๆ คลี่ยิ้มออก เขาใช้มือข้างหนึ่งรับน้ำหนักตัวเธอไว้และใช้มืออีกข้างปิดปากของเธอ
“รู้สึกแตกต่างไปจากเดิมบ้างไหม”
“…”
เขาจะทำอะไรน่ะ เผลอกินยาผิดจนเพี้ยนไปแล้วหรือไง!
เฉินจิ้นถงที่อยู่ห่างออกไปมีสีหน้ามืดมน เสียงที่ได้ยินผ่านเครื่องดักฟังทำให้ไฟแห่งความโกรธเกรี้ยวในดวงตาของเขาลุกโชนขึ้นมาทันที
คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะปรับความเข้าใจกันได้รวดเร็วขนาดนี้!
จิตใจที่เคยสงบเริ่มกลายเป็นหงุดหงิด แล้วเขาก็ทุบโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างแรง
“เฉียวชูเฉี่ยน คุณเป็นของผม คุณเป็นของผม!”
น้ำเสียงมืดมนที่เปล่งออกมาทำให้บรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยความอึมครึม แววตาอันบ้าคลั่งที่อยู่หลังกรอบแว่นเปล่งประกายอย่างน่ากลัว
ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่าคิดจะแย่งผู้หญิงคนนี้ไปเด็ดขาด!
เฉินเป่ยชวนรู้สึกว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้วจึงแบกเธอขึ้นไว้บนบ่าก่อนจะก้าวยาวๆ เข้าไปในห้องพักด้านในอย่างรวดเร็ว
“เฉินเป่ยชวนไอ้คนเลว ปล่อยฉันนะ”
เสียงด่าทอที่ดังขึ้นถูกปิดกั้นไว้โดยสิ้นเชิงภายในประตูกระจกกันเสียง เฉินเป่ยชวนฉวยโอกาสนี้กดร่างเล็กลงบนเตียง รอยยิ้มอันชั่วร้ายของเขายิ่งดูอันตรายมากขึ้นกว่าเดิม
“ถ้าเรียกผมว่าคนเลวอีกทีละก็ ผมจะเป็นคนเลวจริงๆ ให้ดู”
เขาเอื้อมมือไปแตะที่ขาของเธอ เฉียวชูเฉี่ยนตกใจรีบยกมือขึ้นมาปิดปากก่อนจะถีบไปส่งๆ สองสามทีเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ถูกเขาจับไว้
“ทำตัวดีๆ หน่อยสิ”
เมื่อเห็นว่าเธอกลัว สีหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มอย่างพอใจขึ้นมาอีกครั้ง ผู้หญิงคนนี้ถ้าไม่ขู่เสียบ้างก็คงไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าความกลัวมันเป็นยังไง
“จะให้ฉันอยู่ที่นี่จนถึงเมื่อไหร่”
เธอลดเสียงลงและอดถามออกไปไม่ได้ เมื่อครู่นี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับเฉินเป่ยชวน เขาถึงได้เล่นเองกำกับเองอย่างกับคนโดนผีเข้า
“ไว้เลิกงานแล้วจะปล่อยให้คุณออกไป”
นิ้วมือของเขาลูบไล้ที่ริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา ความปรารถนาในดวงตาของเฉินเป่ยชวนนั้นชัดเจน เมื่อครู่นี้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังแสดงหรือว่าอยู่ในจินตนาการที่น่ากลัวรูปแบบหนึ่งกันแน่
การกระทำที่ไม่ชัดเจนของเขาทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงอีกครั้ง เลือดในกายสูบฉีดราวกับฝูงม้าที่วิ่งฮ้อ เธอเม้มริมฝีปากอย่างอึดอัดและพยายามข่มใจให้สงบลง
เมื่อครู่นี้เป็นการแสดงให้ใครดูงั้นหรือ?
“เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ”
เฉินเป่ยชวนกางแขนออกแล้วจ้องมองไปที่ดวงตาของเธอ เห็นได้ชัดว่าใต้ตามีรอยหมองคล้ำราวกับคนอดหลับอดนอน
“ฉันจะนอนหลับหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่พูดตอนอยู่ข้างนอกเมื่อครู่นี้เธอก็รีบหาเหตุผลให้ตัวเองทันที เธอก็แค่กังวลเรื่องสุขภาพของคุณย่า ไม่ใช่เพราะว่าคิดถึงเฉินเป่ยชวนจนนอนไม่หลับอย่างแน่นอน
“คิดถึงผมก็ยอมรับมาเถอะ ถึงคุณไม่ยอมรับคุณก็ยังคิดถึงอยู่ดี”
คำพูดที่ขี้โกงนั้นทำให้เฉียวชูเฉี่ยนแทบอดใจไม่ไหวที่จะทุบเขาไปสักที สาบานได้ว่าเมื่อวานนี้เธอไม่ได้คิดถึงเฉินเป่ยชวนเลยจริงๆ
ที่ว่างข้างเตียงถูกเติมเต็มเมื่อเฉินเป่ยชวนล้มตัวลงนอน การนอนตะแคงไม่ได้เป็นอุปสรรคทำให้เขาจ้องมองเธอต่อไปไม่ได้
“ถ้าง่วงก็นอนพักสักหน่อยเถอะ เลิกงานแล้วผมจะปล่อยให้คุณกลับ”
เขาไม่อยากให้การแสดงในวันนี้จบลงอย่างรวดเร็วขนาดนี้
“…”
น้ำเสียงที่นุ่มนวลลงอย่างกะทันหันทำให้คำปฏิเสธที่เตรียมไว้หายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ เฉียวชูเฉี่ยนเริ่มเข้าใจบ้างแล้วเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เธอขยับร่างกายที่รู้สึกชานอนตะแคงหันหลังให้ชายหนุ่ม
เนื่องจากเธอถูกบังคับให้ต้องร่วมเล่นละครกับเขาเป็นเวลานานจึงไม่จำเป็นแล้วว่าจะต้องเล่นให้จบ ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ทำมาอาจจะเปล่าประโยชน์
เมื่อไม่ได้ยินคำปฏิเสธ ใบหน้าของเฉินเป่ยชวนก็เริ่มอ่อนโยนลง เขามองร่างเพรียวบางของเธอด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย ถ้าเธอไม่หัวแข็งขนาดนี้ตอนนี้พวกเขาคงจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข หรือไม่ก็อาจจะมีลูกชายลูกสาวพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว
เนื่องจากเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ แม้ว่าในใจจะคอยระมัดระวัง แต่พอนานๆ ไปความระมัดระวังก็ค่อยๆ ลดลงจนเธอเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของเธอเฉินเป่ยชวนก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะขยับตัวเข้าไปแนบชิด วงแขนแข็งแรงโอบรอบเอวที่เพรียวบางของเธอไว้จากทางด้านหลัง
“เฉี่ยนเฉียน เรามาเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้งได้ไหม”
เขาทำผิดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่จะไม่มีวันทำผิดอย่างเดิมซ้ำอีกเป็นครั้งที่สาม
ตอนที่เฉียวชูเฉี่ยนตื่นขึ้นจากการหลับใหลท้องฟ้าด้านนอกก็เริ่มมืดแล้ว เธอลุกจากเตียงอย่างโกรธๆ ทั้งอายทั้งไม่พอใจ เฉินเป่ยชวน ไอ้คนนิสัยไม่ดี ที่บอกว่าจะปลุกเธอตอนเลิกงานนั่นโกหกทั้งเพ