ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 182 ข้อหาพยายามฆ่า
เฉินเป่ยชวนเป็นคนคิดมากและคุณย่าก็ไม่ได้เพิ่งมามีปัญหาความดันโลหิตสูงช่วงนี้ การที่อยู่ๆ ท่านก็หมดสติไปเขาจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน หากเขาพบอะไรขึ้นมาวันใดวันหนึ่ง และเกิดจัดการไม่ได้ขึ้นมาเธอจะต้องถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่า
“แม่… แม่จะไปเดี๋ยวนี้”
ดูเหมือนเว่ยชูหรงจะตระหนักได้เหมือนกันว่าตนเองได้ทำเรื่องโง่ๆ ลงไปจึงพูดติดๆ ขัดๆ
“อย่าให้คนรับใช้เห็นแม่เข้าไปในห้องของคุณย่าเด็ดขาด”
เขากำชับก่อนจะวางสาย แววตาที่ปราศจากแว่นคู่นั้นปิดบังความหงุดหงิดไว้ไม่มิด เขาไม่ควรปล่อยให้เธอจัดการเรื่องนี้เลย
แม้ว่าคืนนี้จะแยกเฉินเป่ยชวนกับเฉียวชูเฉี่ยนออกจากกันได้ แต่กลับทำให้ท่านผู้หญิงมีโอกาสจับคู่ให้พวกเขา นอกจากจะขโมยไก่ไม่สำเร็จแล้วยังต้องเสียข้าวไปอีก
“ที่รักขา คิดอะไรอยู่คะ เค้ารอนานแล้วนะ”
ประตูห้องทำงานภายในห้องชุดถูกเปิดออก จากนั้นหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในชุดนอนตัวบางสุดเซ็กซี่ก็เดินเข้ามา ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นซินโยวที่เจอกันในคลับนั่นเอง เธอยกขาเรียวยาวของตนขึ้นคร่อมแล้วนั่งลงบนตักของเขา
เฉินจิ้นถงยกยิ้มมุมปากพลางมองหญิงสาวที่กำลังปลุกปั่นอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาที่อ่อนโยนและลุ่มหลง “โครงการซังโจวเป็นยังไงบ้าง คุณช่วยผมทำมันให้สำเร็จได้ไหม”
หญิงสาวที่ใจจดใจจ่ออยู่กับการเกี้ยวพาราสีชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มงอนๆ “ที่รัก ฉันพยายามจัดการเรื่องนี้อย่างเต็มที่แล้วนะคะ แต่มีใครบางคนมาคว้าโครงการนี้ตัดหน้าไปก่อน”
หลังจากพูดจบซินโยวก็มอบจูบที่แสนหวานให้เขา ทว่าเฉินจิ้นถงกลับหลีกเลี่ยงและขมวดคิ้ว “มีคนตัดหน้า?”
“อื้ม แต่ถึงยังไงสิ่งที่คุณต้องการก็คือการกันไม่ให้เฉินเป่ยชวนได้โครงการนี้ไป ตอนนี้คุณไม่ต้องลงมือเองก็มีคนช่วยทำแทนแล้ว คุณควรดีใจไม่ใช่หรือคะ”
ริมฝีปากร้อนทาบทับลงมาอีกครั้งพร้อมกับเรือนร่างที่เซ็กซี่และเย้ายวน เฉินจิ้นถงเลิกคิ้ว ก็ดี ขอเพียงแค่โครงการซังโจวไม่ตกอยู่ในมือของเฉินเป่ยชวนก็เป็นอันพอแล้ว
ส่วนคนที่ยื่นมือมาทำสิ่งนี้แทนเขา แม้ว่าเขาจะอยากรู้ว่าเป็นใครแต่นั่นก็ไม่สำคัญอยู่ดี
เฉียวชูเฉี่ยนนอนไม่ค่อยหลับตลอดทั้งคืนเพราะมัวแต่เป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณย่า เมื่อเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเธอจึงลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างอ่อนเพลีย เมื่อวานเฉินเป่ยชวนบอกให้ไปเซ็นสัญญาวันนี้ แต่คุณย่ายังอยู่โรงพยาบาล ไม่รู้ว่าเขาจะมีเวลาหรือเปล่า
ขณะที่กำลังลังเลว่าจะโทรไปยืนยันเวลานัดดีหรือเปล่า ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาพอดี
เมื่อเห็นว่าเป็นข้อความจากเฉินเป่ยชวน แววตาที่ลังเลเมื่อครู่ก็พลันหายไปแต่กลับแทนที่ด้วยความยุ่งยากยิ่งกว่าเดิม
หลังจากจัดการทำเรื่องพาคุณย่าออกจากโรงพยาบาล เฉินเป่ยชวนก็ขับรถพาท่านผู้หญิงกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลเฉินด้วยตัวเอง
“คุณย่าอย่าลืมทานยาด้วยนะ ผมต้องเข้าบริษัทก่อน แล้วจะกลับมาหลังเลิกงานครับ”
“วางใจเถอะ ย่ายังไม่เลอะเลือนขนาดนั้น รีบไปบริษัทแล้วทำสิ่งที่ต้องทำซะ แล้วอย่าลืมเกลี้ยกล่อมให้ยายหนูกลับมาเร็วๆ ด้วยละ”
ท่านผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงไม่ลืมกำชับ
“ไม่ต้องห่วงครับ เธอหนีไม่พ้นหรอก ยังไงเธอก็เป็นหลานสะใภ้ของคุณย่าได้เพียงคนเดียวเท่านั้น”
ริมฝีปากบางเผยยิ้มอย่างมั่นใจก่อนจะขับรถออกไป
“ท่านประธาน”
เมื่อเลขาเห็นเขาออกมาจากลิฟต์ก็รีบโน้มศีรษะลงทักทายทันที ทว่ากลับถูกเฉินเป่ยชวนเรียกตัวไว้ “เมื่อวานตั้งแต่ผมออกไปจนถึงตอนนี้มีใครเข้าไปในห้องทำงานของผมบ้างหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ”
ผู้เป็นเลขารีบส่ายหน้า ท่านประธานไม่ชอบให้ใครเข้าไปในของทำงานของเขาตามใจชอบ ปกติจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปเมื่อรู้ว่าเขาไม่อยู่ในห้อง
“อืม คุณทำงานไปเถอะ”
เขาผลักประตูแล้วเดินเข้าไป สายตาอันแหลมคมตรวจดูโดยรอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน
เขาตรวจสอบจุดที่น่าสงสัยทั้งหมดภายในห้องทำงาน จนในที่สุดสายตาก็ไปหยุดอยู่ใต้โต๊ะซึ่งเป็นจุดที่ลับสายตาคน ตรงนั้นมีเครื่องดักฟังขนาดเล็กที่หากไม่สังเกตก็จะมองไม่เห็นติดเอาไว้ เขากระตุกยิ้มที่มุมปาก
ดี… คิดไม่ถึงว่าจะติดเครื่องดังฟังไว้ในห้องทำงานของเขา
ที่ชั้นล่าง รถตู้ของบริษัท Q&C จอดอยู่ที่ริมถนน เฉียวชูเฉี่ยนมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ถึงเวลาแล้วหลังจากที่เฉินเป่ยชวนกับเธอแก้ไขข้อตกลงร่วมกัน
“เลขาเฉียว ที่เราได้สัญญาฉบับนี้เร็วขนาดนี้ เป็นความดีความชอบของคุณแท้ๆ”
ผู้จัดการหลิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม เธอเพียงแต่ยิ้มตอบอย่างสุภาพ เธอไม่พบหลักฐานเพิ่มเติมที่มีน้ำหนักมากพอจะพิสูจน์ได้ว่าระหว่าง Q&C กับเฉินเป่ยชวนมีความเกี่ยวข้องกันโดยตรงเรื่องที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือตัวเฉินเป่ยชวนเอง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ต่อให้ไม่มีเธอยังไงก็ Q&C ก็ต้องได้สัญญาฉบับนี้มาอยู่ดี
“เราขึ้นไปข้างบนกันดีกว่าค่ะ”
เฉียวชูเฉี่ยนนำเอกสารสัญญาทั้งหมดที่จัดเตรียมไว้ออกมาจัดระเบียบให้เรียบร้อยจากนั้นจึงลงมาจากรถ
“กรุณาตามฉันมาค่ะ ผู้จัดการหลิว เลขาเฉียว”
เมื่อเลขาที่อยู่ที่แผนกต้อนรับบริเวณล็อบบี้เห็นทั้งสองคนเดินเข้ามาจึงรีบพาพวกเขาขึ้นไปที่ชั้นบนอย่างกระตือรือร้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามาได้”
เมื่อได้ยินเสียงของเฉินเป่ยชวน เฉียวชูเฉี่ยนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก การที่เขามาอยู่ที่บริษัทแสดงให้เห็นว่าสุขภาพของคุณย่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว
เฉียวชูเฉี่ยนผลักประตูและเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ โดยเสียสละที่นั่งให้หัวหน้าของตน
“ประธานเฉิน เป็นเรื่องน่ายินดีมากที่คุณยอมตกลงร่วมงานกับ Q&C”
“ผู้จัดการหลิว ผมหวังว่าหลังจากการร่วมมือกันครั้งนี้ ทางเราจะได้เห็นความสามารถของพวกคุณนะครับ”
“แน่นอนครับ คุณไม่ต้องห่วง”
เฉินเป่ยชวนเลิกคิ้วแล้วหันไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ “มาเซ็นสัญญากันเถอะ”
เฉียวชูเฉี่ยนรีบวางเอกสารสัญญาที่เตรียมไว้ลงบนโต๊ะ “คุณตรวจสอบเงื่อนไขสัญญาให้แน่ใจอีกครั้งได้นะคะท่านประธานเฉิน ถ้าไม่มีปัญหาอะไร รบกวนเซ็นชื่อตรงนี้ค่ะ”
เฉียวชูเฉี่ยนพูดอย่างเป็นงานเป็นการและแอบรู้สึกเครียดเล็กน้อย ถ้าผู้ชายคนนี้ไม่รักษาสัญญาขึ้นมา วันนี้สิ่งที่ทำกันมาก็คงสูญเปล่า
“ในเมื่อคุณแก้ไขแล้วผมก็ไม่จำเป็นต้องอ่านอะไรอีก”
เฉินเป่ยชวนเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนจะตวัดปากกาในมือเซ็นชื่อของตนเองลงบนเอกสาร ความรวดเร็วและการตกลงอย่างง่ายดายนี้ทำให้เธอสับสนเล็กน้อย
มีคนจำนวนมากที่เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในสัญญาไม่กี่นาทีก่อนจะเซ็นชื่อลงในสัญญาทางธุรกิจ นี่เขาจะมาไม้ไหนกันแน่?
ผู้จัดการหลิวรีบเซ็นชื่อและลงตราประทับลงในช่องตำแหน่งของตนเองเช่นกัน “ขอให้การร่วมมือของเราเป็นไปด้วยดีนะครับประธานเฉิน”
“อืม ผู้จัดการหลิวคงงานยุ่ง งั้นผมไม่ไปส่งนะ”
คำพูดที่ไร้ซึ่งความเกรงอกเกรงใจซึ่งแสดงถึงการออกปากไล่ทำให้ผู้จัดการหลิวชะงักไปนิดหนึ่ง แล้วเขาก็เข้าใจได้ทันทีหลังจากนั้น “เลขาเฉียว ผมยังมีธุระต้องไปทำต่อ อีกสักพักคุณค่อยเรียกแท็กซี่กลับไปที่บริษัทเองก็แล้วกันนะ”
พูดจบเขาก็หันหลังและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นหัวหน้าของตนกลับไปแล้ว เฉียวชูเฉี่ยนจึงเก็บเอกสารสัญญาที่มีผลบังคับใช้เรียบร้อยแล้วและเตรียมจะลากลับ แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยปากอยู่ๆ เฉินเป่ยชวนก็ฉุดเธอเข้าไปไว้ในอ้อมกอด
“เพื่อคุณแล้วอย่าว่าแต่สัญญาแค่ฉบับเดียว ต่อให้เป็นสิบฉบับผมก็ให้คุณได้”
“…”
น้ำเสียงที่อ่อนโยนนั้นฟังดูเต็มไปด้วยความเสน่หา แต่นั่นกลับยิ่งทำให้เธอสับสนจนทำอะไรไม่ถูก เขากำลังทำอะไรอยู่?
“เมื่อคืนผมคิดถึงคุณทั้งคืน พอจัดการเรื่องคุณย่าเสร็จผมก็รีบมารอคุณเลย คุณล่ะ คิดถึงผมบ้างหรือเปล่า”
“…”
เฉียวชูเฉี่ยนมองชายหนุ่มที่พูดเองเออเองอยู่ตรงหน้าอย่างสงสัยว่าสมองของเขาได้รับการกระทบกระเทือนมาหรือเปล่า
“ฉันคิดถึงคุณ…”
เธอกำลังจะตอบไปว่า ‘ฉันคิดถึงคุณเพื่ออะไร’ แต่ยังพูดไม่ทันจบ ริมฝีปากก็ถูกนิ้วของเขากดลงมาปิดกั้นคำพูดเอาไว้
“อื้อ!”
เธอถลึงตาใส่อย่างโกรธๆ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเฉินเป่ยชวนไม่ได้หวังดีขนาดนั้น ที่ไม่กลั่นแกล้งเธอและยอมเซ็นสัญญาอย่างง่ายดายแท้จริงเป็นเพราะเขากำลังรอเธออยู่ที่นี่
“ผมรู้ว่าคุณก็คิดถึงผม บ่ายวันนี้เราจะไม่ไปไหนกันทั้งนั้น แต่อยู่กันที่นี่แหละ ดีไหม?”