ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 177 คนแรกที่นำร่องโครงการ
เหล่าวัยรุ่นที่กำลังมุงดูอยู่นั้นไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มตะโกนเป็นคนแรกว่าให้กระโดด จากนั้นทุกคนก็เริ่มตะโกนตามๆ กัน
“โดดเลย! โดดเลย! โดดเลย! ”
เหยียนสือเซี่ยมองไปที่ผู้คนรอบ ๆ สีหน้ามึนงง คนพวกนี้บ้าหรือเปล่า ยังมีคนปกติดีที่มีความเมตตาอยู่บ้างไหม ทำไมถึงยุให้คนกระโดดตึก
“ฉันจะกระโดดแล้วนะ! ”
ถังอี้ทำท่าทาง จากนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโวยวายดังสนั่น เธอหน้าซีดเผือดทันที
เขาบ้าไปแล้ว! จะกระโดดลงมาจริงๆ!
“อ๊า…”
“ถังอี้!”
ทันใดนั้น สติสัมปชัญญะของเธอก็ขาดสะบั้นลง จิตใจกระวนกระวาย การกระโดดลงมาจากตึกด้วยความสูง 500 เมตร นอกจากความตายแล้วเธอนึกถึงทางอื่นไม่ออกเลย
เธอล้อเล่น แต่เขาโง่หรือบ้ากันแน่ที่คิดจริงจัง
เธอหลับตาลง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ เธอทำได้แค่รอให้เสียงของฝันร้ายเริ่มต้นขึ้น ถ้าถังอี้ตายไปแบบนี้จริงๆ เธอจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง เหยียนสือเซี่ยไม่กล้าลืมตาเลย สมองที่ว่างเปล่าไม่สามารถจินตนาการถึงฉากของถังอี้ ขาของเธอเริ่มสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้
“โอ้ เล่นแบบนี้ก็สนุกดีนะ”
คาดว่าเสียงของของหนักจะตกลงมา แต่กลับได้ยินเสียงที่คุ้นเคย แม้ว่ามันจะแหบไปหน่อย แต่น้ำเสียงเหยียดหยามนั้นเป็นเอกลักษณ์ของใครบางคน
เหยียนสือเซี่ยลืมตาขึ้นและมองไปที่ใครบางคนที่ห้อยตัวอยู่ในอากาศด้วยความตกใจสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างมาก
ไอ้สารเลวถังอี้ ทำไมเขาต่ำช้าขนาดนี้!
“เหยียนสือเซี่ย ฉันประกาศอย่างเป็นทางการว่าสัญญาหนึ่งร้อยวันสิ้นสุดลงแล้วและตอนนี้พวกเรากำลังเริ่มความสัมพันธ์เล่นจ้ำจี้กัน”
ถังอี้นอนคว่ำกลางอากาศสวมเข็มขัดนิรภัยสำหรับการกระโดดบันจี้จัมพ์และมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าขาวซีดของเขา
ในความเป็นจริงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เจ้าของตึกระฟ้าแห่งนี้ต้องการทำกิจกรรมบันจี้จัมพ์ระดับความสูงที่น่าตื่นเต้น แต่เขายังไม่ได้เริ่มทำจริงๆ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ เขาเริ่มโครงการนี้และวันนี้เขากลายเป็นคนแรกที่นำร่องโครงการ
“นายบ้าหรือเปล่า? ”
หลังจากแน่ใจแล้วว่าเขายังมีชีวิตอยู่ หัวใจของเหยียนสือเซี่ยที่กำลังจะหยุดกลับมาเต้นอีกครั้ง แต่มันก็ยังสั่นอยู่ หากมีปัญหากับเข็มขัดนิรภัยหรือความสูงแล้วเขาหล่นลงมาคงไม่รอดแน่
“ใช่ ฉันบ้า มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้ฉันบ้าคลั่ง”
ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้เขามีแรงกระตุ้นที่รุนแรงจนไม่อยากปล่อยไปและไม่มีผู้หญิงคนไหนที่สามารถทำให้เขารู้สึกว่าเวลานั้นยาวนานได้
“… ”
เธอกลืนน้ำลายพลางมองชายที่ห้อยโหนอยู่กลางอากาศ เขาหมายถึงอะไร เธอทำให้เขาบ้าคลั่ง
“เหยียนสือเซี่ย ดูเหมือนว่าฉันจะตกหลุมรักคุณ ดังนั้นคุณจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเป็นแฟนของฉัน”
ทันใดนั้นเสียงแปลกๆ ก็อ่อนโยนขึ้น
มีเสียงปรบมือจากรอบข้างอย่างกะทันหัน “พวกเราต้องเรียนรู้วิธีจีบสาวแบบนี้นะ”
เสียงไซเรนของตำรวจและรถพยาบาลดังขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายในเครื่องแบบก็รีบเข้าไปในที่เกิดเหตุที่ถูกปิดล้อมอย่างแน่นหนา
“ใครจะโดดตึกครับ?”
“คุณตำรวจ คุณมาช้าไป ผมกระโดดเสร็จแล้ว แต่ในเมื่อพวกคุณมากันแล้ว ก็มาเอาผมลงไปก่อน ผมรู้สึกว่าเลือดมันจะเดินไม่ค่อยสะดวกแล้ว”
ในตอนนี้ถังอี้ยังคงไม่ลืมที่จะพูดติดตลก ถ้าเขานอนคว่ำเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะไม่กระโดดลงไปตาย สมองของเขาก็จะเลือดคั่งและตายอยู่ดี
ภายในไม่กี่นาทีของความพยายามถังอี้ ก็สามารถยืนอยู่บนพื้นด้วยเท้าของเขาอย่างมั่นคง เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของเขา เหยียนสือเซี่ยก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนว่า “นายมันบ้าไปแล้ว! ”
“คุณบอกฉันสิ”
ดวงตาสีพีชที่ยั่วเย้านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายและแขนที่อ่อนเปลี้ยก็โอบไหล่ของเธอ “แต่ก่อนที่คุณจะบอกฉัน คุณควรคิดว่าเราควรจะเล่นจ้ำจี้กันเมื่อไรดี นอกจากนี้ครั้งนี้ไม่มีกำหนดเวลานะ”
ในรอบกว่า 30 ปี เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ตัวเขามีแรงกระตุ้นแบบนี้ เขาจะไม่มีทางปล่อยเธอไปง่ายๆ
“… ”
ใบหน้าของเหยียนสือเซี่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อในทันที เธอต้องการที่จะเอาแขนของเธอบนไหล่ของเธอออก แต่ในที่สุดเธอก็ปล่อยให้เขาโอบไหล่เช่นเดิม
เช้าวันรุ่งขึ้นพาดหัวข่าวดัง “คุณชายถังกระโดดตึกเพื่อไล่ล่าความรักโอบกอดหญิงงาม” เป็นข่าวพาดหัวของทุกเพจ
ผู้หญิงในเมืองซั่นเป่ยเริ่มอิจฉาผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างของเพลย์บอยผ่านหน้าจอและบางคนถึงกับจัดอันดับให้คุณชายถึงเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจีบสาวอันดับที่หนึ่ง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง…ทันทีที่มีข่าวออกมา ในวันนั้นการขายตั๋วล่วงหน้าสำหรับโครงการบันจี้จัมพ์ตึกระฟ้าก็ร้อนแรง
“ฉันไม่คิดเลยว่าถังอี้จะทำแบบนี้”
เฉียวชูเฉี่ยนที่อ่านข่าวตลอดทาง รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ไม่สามารถกลั้นไว้ได้อีกต่อไป ขอบคุณชาวเน็ตที่ชอบถ่ายรูปเหล่านี้ไว้ ไม่เช่นนั้นเธอจะไม่รู้ว่าถังอี้น่ะคลั่งรักขนาดไหน
“อย่าพูดเรื่องนี้กับฉันได้ไหม ฉันรำคาญจะแย่อยู่แล้ว”
ใบหน้าของเหยียนสือเซี่ยแดงระเรื่อ เมื่อวานนี้การกระทำของถังอี้ ทำให้เธอรู้สึกสติแตก เธอจมดิ่งอยู่ในความงุนงงทั้งคืน ก่อนที่จะตระหนักว่าเธอกลายเป็นแฟนของเขาไปโดยไม่รู้ตัว ที่แย่ที่สุดก็คือ…ยังต้องเล่นจ้ำจี้กันแบบนั้นอีกด้วย
“มีอะไรน่าหงุดหงิดกันล่ะ ถังอี้เสี่ยงชีวิตก็เพื่อเธอนะ เห็นได้ชัดว่าเขาจริงจังแค่ไหน”
แม้ว่าชื่อเสียงของเขาในฐานะเพลย์บอยจะไม่เป็นที่พอใจ แต่บางคนต้องการที่จะมีใจเดียว สือเซี่ยอาจจะเป็นคนที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
“แล้วถ้า เฉินเป่ยชวนเสี่ยงชีวิตเพื่อเธอบ้าง เธอจะทำยังไง?
เหยียนสือเซี่ยจอดรถข้างทางพลางถามเธอ เรื่องของจิ่งเหยียน…เธอไม่รู้ว่าจะบอกเฉี่ยนเฉียนดีหรือไม่ ให้เธอได้รู้ว่าเฉินเป่ยชวนเองก็เสี่ยงชีวิตเพื่อเธอเช่นกัน
“เขากับถังอี้ไม่เหมือนกัน ฉันจะไปทำงานละ ขอให้เธอเพลิดเพลินไปกับรักแรกนะ”
รอยยิ้มที่มุมริมฝีปากของเธอลดลงเล็กน้อย เธอคิดว่าเคยเฉินเป่ยชวนเสี่ยงชีวิตเพื่อเธอเช่นกัน แต่ต่อมามหลักฐานที่พิสูจน์ชัดแล้วว่าผู้ชายที่เย็นชาคนนี้ไม่ได้เสี่ยงชีวิตเพื่อเธอ
“เฉี่ยนเฉียน…”
“เอาล่ะ รีบไปเถอะ ลางสังหรณ์ของฉันมันบอกว่านักข่าวคงไปล้อมสำนักงานของเธอไว้แล้วล่ะ ”
เธอรีบตัดบทก่อนอีกฝ่าจะพูดจบ และเดินเข้าไปในบริษัท Q&C อย่างรวดเร็วและวิ่งเข้าไปหาผู้จัดการหลิวเมื่อเขาออกจากลิฟต์ “เลขาเฉียว คุณวางงานทั้งหมดในมือลงก่อน ให้ทำงานที่เกี่ยวกับความร่วมมือของเฟิงฉิงเป็นอันดับแรก อย่าทำให้ผมผิดหวังล่ะ”
เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อยกับน้ำเสียงที่มีความหมายอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอพยักหน้า “ไม่ต้องห่วงค่ะ ผู้จัดการ ฉันจะตั้งใจทำงานเป็นอย่างดี”
พยายามให้ผู้ชายคนนั้น..เฉินเป่ยชวนร่วมมือกับบริษัท Q&C และพยายามทำตัวให้มีเหตุผล
“งั้นก็ดี วันมะรืนนี้บริษัทเฟิงฉิงมีงานเลี้ยงต้อนรับ ท่านประธานเฉินได้ส่งจดหมายเชิญมาแล้ว วันนี้ผมกำลังจะเดินทางไปทำธุรกิจ ไม่มีเวลาเพียงพอ ดังนั้นคุณไปเข้าร่วมในนามของบริษัทแทนก็แล้วกันนะ”
“งานเลี้ยงต้อนรับเหรอคะ? ”
ทันทีที่เฉียวชูเฉี่ยนได้ยิน เธอก็รู้สึกไม่ค่อยดี ลำพังแค่การร่วมงานกับเฉินเป่ยชวนก็ทำให้เธอรู้สึกปวดหัวอยู่แล้ว งานเลี้ยงต้อนรับอะไรนี่เธอไม่ได้อยากไปเลยสักนิด
“บริษัทเฟิงฉิงมีงานเลี้ยงต้อนรับทุกปี ผู้ที่ได้รับเชิญเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงอย่างมากใน เมืองซั่นเป่ย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาบริษัท Q&C ไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมเลยแม้สักครั้ง แต่อาจเป็นเพราะตอนนี้เรากำลังหารือเกี่ยวกับความร่วมมือ ดังนั้นท่านประธานเฉินจึงขอให้เลขาส่งการ์ดเชิญมาให้ ”