ไม่ใช่ว่าเธอมีความอยากทานอาหารครั้นหิวแล้วจริง ๆ สิ่งที่รับประทานไปเมื่อเช้านี้ได้อาเจียนออกหมดแล้วตอนลงเครื่องบินมา ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ภายในท้องของเธอหิวจนไส้กิ่วหมดแล้ว
“แหะ ๆ ลืมเรื่องนี้ไปเลย อยู่ที่ร้านอาหารชั้นล่างครับ อาหารที่เชฟที่นี่ทำรสชาติเยี่ยมมาก”
“ถ้างั้นเธอรอฉันแปปนะ ครั้งที่แล้วเธอเลี้ยงฉัน ครั้งนี้ให้ฉันเลี้ยงข้าวเธอบ้าง”
……
ร้านอาหารชั้นล่างเยี่ยมมากเหมือนอย่างที่เขาพูดไว้ และอาจจะเป็นเพราะเธอหิวแล้ว ขอเพียงแค่รสชาติพอไปได้ เธอก็รู้สึกว่าอร่อยมาก
“แม้ว่าเคยทานข้าวกับพี่ไม่บ่อยนัก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นท่าทางมูมมามของพี่”
เฉินจิ้นถงพูดพลางใช้มือยื่นเข้าไปขอบปากของเธอทันที เฉียวชูเฉี่ยนจึงเกร็งไปทั้งตัว ไม่ทราบว่าควรหลบอย่างรวดเร็วหรือไม่
“มีอะไรเหรอ ?”
เธอเบี่ยงตัวเล็กน้อยตามสันชาตญาณ เพื่อหลบมือที่ยื่นเข้ามาของเขา และไม่ให้บรรยากาศน่าอึดอัดจนเกินไป
“เม็ดข้าวน่ะครับ มุมปากของพี่มีเม็ดข้าวติดอยู่”
“……”
เธอรู้สึกเขินอายสุดฤทธิ์ เมื่อสักครู่นี้เธอคิดว่าเขาจะทำอะไรเสียอีก ตอนนี้รู้ความจริงเข้าแล้ว จึงรู้สึกอับอายจนไม่มีที่ยืน
“ทานให้อิ่มท้อง คืนนี้นอนพักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้พวกเราจะต้องเจอสมาชิกกลุ่มละครแล้วนะครับ”
เฉินจิ้นถงชักมือกลับมา รอยยิ้มบนใบหน้าไม่มีความเปลี่ยนแปลง เพียงแค่กำชับเรื่องของวันพรุ่งนี้ไปอย่างรอบคอบเท่านั้น
เธอพยักหน้ารับทราบ เวลาต่อมาทั้งสองคนเดินออกจากร้านอาหารจากนั้นก็กลับห้องของแต่ละคนไป เฉียวชูเฉี่ยนหยิบเสื้อผ้าที่ต้องการจะเปลี่ยนไปยังห้องน้ำ จากนั้นก็อาบน้ำร้อนแล้วห่อผมอันเปียกปอนเดินกลับมาบนเตียง
“เตียงนี้สบายจริง ๆ”
นอนตื่นหนึ่ง วันพรุ่งนี้ก็น่าจะกระปรี้กระเปร่าดีมาก
เมื่อผมแห้งแล้ว เธอจึงปิดไฟแล้วมุดเข้าไปยังผ้าห่มทันที ห้องที่กั้นเสียงได้เยี่ยมนั้นจะมีความเงียบเป็นพิเศษ เงียบจนทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
เธอมองไปยังช่องประตู มีแสงสลัว ๆ เล็ดลอดเข้ามาบ้าง ภายในหัวของเฉียวชูเฉี่ยนจึงแวบภาพที่คนร้ายบุกเข้ามาข่มขืนกลางดึกขึ้นมา เดิมที่ไม่สบายใจอยู่แล้วจึงได้กลายเป็นหวาดกลัวขึ้นมาทันที
ผู้คนต่างก็พูดกันว่าสถานที่ถ่ายทำละครนั้นคนมั่วซั่ว มีทั้งคนดีและคนไม่ดีไม่น้อย ถ้าหากตอนกลางคืนมีคนแอบเข้ามาจริง ๆ จะทำเช่นไร ?
ถ้าหากผู้ที่มากับเธอเป็นผู้หญิง เธอคงไม่ลังเลที่จะนัดเขามานอนพักด้วยกันแล้ว ครั้นผู้ที่มาด้วยกันคือเฉินจิ้นถง ความคิดนี้จึงทำได้เพียงลบล้างไป
เธอลุกขึ้นพร้อมเปิดไฟหัวเตียงอีกครั้ง จากนั้นก็เดินเท้าเปล่าไปลากเก้าอี้จากห้องรับแขกไปไว้ยังหน้าประตู ครั้นยังคงไม่สบายใจอยู่ดี จึงหาแก้วน้ำมาวางบนเก้าอี้อีกรอบ
เธอมองสัญญาณเตือนภัยที่ตนเองทำขึ้น ความเป็นกังวลในใจจึงค่อย ๆ ดีขึ้นมาบ้าง ถ้าหากมีคนบุกเข้ามากลางดึกจริง ๆ เก้าอี้จะต้องส่งเสียงเป็นแน่ ส่วนแก้วก็คงจะตกลงบนพื้น เธอเป็นคนไม่ลับลึกมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว หลังจากที่วางเครื่องเตือนภัยแล้ว เธอจึงกลับไปบนเตียงดังเดิม หวังว่าเมื่อสักครู่นี้ตนเองจะคิดมากเกินไป
ครึ่งแรกยังรู้สึกเป็นกังวลบ้าง นอนยังไม่ค่อยสบายใจเท่าไร ครึ่งหลังเธอไม่มีความคิดที่เป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตตนเองแล้ว เวลาต่อมาเธอก็ตกอยู่ในห้วงฝันหวานทันที
เช้าตรู่วันต่อมาประตูถูกคนเคาะจากด้านนอก เฉียวชูเฉี่ยนจึงเดินลงจากเตียงด้วยความสะลึมสะลือแล้วไปเปิดประตู ครั้นหัวเข่าดันไปโดนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่หน้าประตูอย่างจัง แก้วที่อยู่บนเก้าอี้ส่ายไปมาสองครั้งจากนั้นก็หล่นลงพื้นเสียงดังเพล้ง
“เฉี่ยนเฉียน พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม ?”
เสียงแก้วแตกดังขึ้นมา ในขณะเดียวกันก็มีน้ำเสียงที่เป็นห่วงของเฉินจิ้นถงดังเข้ามาจากนอกประตู เฉียวชูเฉี่ยนยังคงเบลออยู่ ไม่ได้สังเกตว่าเมื่อสักครู่นี้เฉินจิ้นถงเรียกเธอมีส่วนที่แปลก ๆ “ฉันไม่เป็นไร เธอรอเดี๋ยวนะ”
ความง่วงหายไปเพราะความตกใจเสียงเมื่อสักครู่นี้ไปหมดแล้ว เธอรีบเก็บกวาดแก้วที่แตกกระจายอยู่บนพื้น จากนั้นค่อยลากเก้าอี้ออกแล้วเปิดประตู
“ทำไมเธอถึงเช้ามาแบบนี้ ?”
เธอเอ่ยทักทายไปด้วยความเคอะเขิน เฉินจิ้นถงกลับยิ้มพร้อมมองไปยังเก้าอี้ข้าง ๆ อีกทั้งเศษแก้วบนพื้นที่ยังไม่ทันได้เก็บกวาดให้สะอาดดี
“มาตรการความปลอดภัยของโรงแรมนี้การันตีได้อยู่นะครับ”
เธอก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกเคอะเขิน วิธีการของเธอถูกมองออกได้ง่ายเช่นนี้เลยหรือ “ฉันแค่เป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องฉุกเฉินอะไรขึ้นหรือเปล่าน่ะ”
เธออธิบายไปด้วยความรู้สึกเขินอาย ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว
“ผมมานัดพี่ไปทานข้าวเช้าน่ะ ทานข้าวเช้าเยอะ ๆ หน่อย ตอนบ่ายพวกเราอาจจะได้กินข้าวเที่ยงช้ามาก”
เฉินจิ้นถงยิ้มพร้อมชักสายตากลับ ครั้นนัยน์ตากลับมีรอยยิ้มอันมั่นใจในตัวเองที่อยู่ในความคาดหมายผุดขึ้นมา
“ฉันไม่มีปัญหาหรอก ปกติเวลาข้าวเที่ยงของฉันก็ค่อนข้างช้าอยู่แล้ว”
“ถ้างั้นก็ดีครับ ผมเป็นห่วงว่าพอถึงเวลาอาหารแล้วพี่จะหิวจนปวดท้อง”
เมื่อมีการตักเตือนล่วงหน้าจากเขาแล้ว เฉียวชูเฉี่ยนจึงรับประทานมื้อเช้าจนจุก จากนั้นก็โดยสารรถยนต์ที่ใช้เฉพาะของสถานที่ถ่ายทำ
อีกห้องหนึ่งที่อยู่ชั้นเดียวกันค่อย ๆ เปิดประตูออกมา เฉินเป่ยชวนไม่มีความสะลึมสะลือจากการเพิ่งตื่นนอนเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าที่มีกรอบหน้าชัดเจนเมื่อไม่ยิ้มนั้นมีความเย็นชาผุดขึ้นมามากกว่าเดิม เขาหันหน้าไปมองห้องของเฉียวชูเฉี่ยน จากนั้นคิ้วก็กระตุกขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะมาโรงแรมกับผู้ชายคนอื่นอย่างโง่เขลาแบบนี้ได้
“บอสครับ ทานอาหารเช้าหน่อยไหมครับ ?”
หลินผิงโผล่ศีรษะออกมาจากห้องครึ่งหนึ่ง เดิมทีเขาไม่ควรติดตามมา ครั้นก็เป็นห่วงร่างกายของบอส จึงทำได้เพียงติดตามมาเท่านั้น
“ทางผู้กำกับจางมีคนจับตามองอยู่ไหม ?”
เมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนั้นที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองออกมากับคนที่มีนิสัยเช่นไร เขาก็ไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย
“ส่งคนไปเรียบร้อยแล้วครับ บอสไม่ต้องห่วงนะครับ คุณเฉียวจะต้องไม่มีอันตรายอะไรหรอกครับ”
หลินผิงเอ่ยไป พร้อมถอนหายใจอยู่ลึก ๆ อย่าช่วยไม่ได้ บนโลกใบนี้ผู้ที่สามารถทำให้บอสไม่สนใจสุขภาพร่างกายของตนเองเพื่อติดตามคนผู้นั้นมา ซึ่งเฉียวชูเฉี่ยนคือผู้หญิงคนเดียวที่สามารถทำให้เขาทำเช่นนั้นได้
เฉินเป่ยชวนเงียบไป ผู้หญิงคนนั้นเมื่ออยู่กับผู้กำกับจางแน่นอนว่าคงไม่มีอันตรายอะไร ครั้นหลังจากนั้นเมื่ออยู่เบื้องหน้าเฉินจิ้นถงก็ไม่มั่นใจแล้ว
……
“สวัสดีค่ะผู้กำกับจาง ฉันคือเฉียวชูเฉี่ยนจาก Q&C ค่ะ คุณเรียกฉันว่าเลขาเฉียวก็ได้นะคะ”
เมื่อพบหน้าผู้กำกับจาง เฉียวชูเฉี่ยนจึงแนะนำตัวเองด้วยความสุภาพก่อน ผู้กำกับจางจึงได้ยิ้มขึ้นมาทันที “ผมคิดว่าเรียกคุณว่าเสี่ยวเฉียวดีกว่าครับ ชื่อนี่เพราะจะตายไป”
ภายในใจของเฉียวชูเฉี่ยนรู้สึกสะอิดสะเอียดขึ้นมา ครั้นบนใบหน้ากลับยังคงรักษารอยยิ้มอันสุภาพเอาไว้เหมือนเดิมตั้งแต่แรก “เชิญคุณตามสบายเลยค่ะ”
เฉินจิ้นถงที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยขึ้นมาเช่นกัน “ผู้กำกับจางครับ ความรับผิดชอบหลักในครั้งนี้ของเลขาเฉียวคือการร่วมมือของเฟิงฉิง ละครเรื่องนี้ก็เป็นโปรเจกต์แรกของเราสองฝ่าย เพราะฉะนั้นผมเลยเชิญเธอมาพูดคุยกับคุณหน่อยน่ะครับ ดูว่าการร่วมมือในวันข้างหน้าจะต้องระวังปัญหาอะไร และเพื่อทำความเข้าใจความต้องการของพวกคุณอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยครับ”
ผู้กำกับจางอยู่ในแวดวงมาเนิ่นนานแบบนี้ แน่นอนว่าต้องเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขาอยู่แล้ว จึงยิ้มพร้อมยื่นมือไปทางเฉียวชูเฉี่ยนทันที “เลขาเฉียว หวังว่าการร่วมมือของเราจะราบรื่นดีนะครับ และหวังว่า Q&C จะสามารถช่วยเหลือสิ่งที่ดียิ่งขึ้นสำหรับละครเรื่องใหม่นี้แก่เราด้วย”
เฉินจิ้นถงพูดถึงแต่เลขาเฉียวบ่อย ๆ แน่นอนว่ากำลังบอกเธอว่าคำพูดล้อเล่นเมื่อสักครู่ของเขาเป็นได้เพียงคำล้อเล่นเท่านั้น
“ผู้กำกับจางเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ หวังว่า Q&C จะทำให้คุณพอใจนะคะ”
เฉียวชูเฉี่ยนยื่นมือไปจับมือผู้กำกับด้วยมารยาทจากนั้นก็รีบคลายออกทันที ตอนที่เธอทำการบ้านเรื่องของผู้กำกับจางนั้นได้รู้อะไรมาไม่น้อย ไม่รู้ว่าเก็บดาราสาวไว้เยอะแค่ไหนแล้ว
“ไม่มีปัญหาครับ ถ้างั้นพวกเรามาหารือกันถึงความคิดเรื่องชุดของละครเรื่องนี้กันเถอะครับ”
MANGA DISCUSSION